โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ซีรีส์ "หุ้นน่าจับตา" ตอนที่ห้า JWD โตรอบใหม่ เจาะตลาดขนส่งแบบพรีเมี่ยม

Stock2morrow

อัพเดต 24 มิ.ย. 2562 เวลา 09.06 น. • เผยแพร่ 24 มิ.ย. 2562 เวลา 07.38 น. • Stock2morrow
ซีรีส์
ซีรีส์ “หุ้นน่าจับตา” ตอนที่ห้า JWD โตรอบใหม่ เจาะตลาดขนส่งแบบพรีเมี่ยม

"JWD ผู้นำโลจิสติกส์สัญชาติไทย จัดทัพบุกตลาดอาเซียน"

  กว่า 40 ปี ของการดำเนินธุรกิจของเจดับเบิ้ลยูดี กรุ๊ป หรือชื่อเดิม เจวีเค อินเตอร์เนชัั่นแนล มูฟเวอรส์ (JVK International Movers) เลือกทำธุรกิจที่ยังไม่มีคนทำหรือเป็นเจ้าแรกของธุรกิจนั้นๆ จากจุดเริ่มต้น เจวีเค ถือกำเนิดด้วยธุรกิจย้ายคน ย้ายบ้าน ซึ่งสมัยนั้นชาวต่างชาติเริ่มเข้ามาทำงานในประเทศไทยมากขึ้น มีการย้ายครอบครัว ย้ายที่อยู่ เมื่อมองเห็นโอกาสทางธุรกิจจึงได้จับมือกับบริษัทอสังหาฯ รายใหญ่ระดับประเทศ ทำธุรกิจย้ายบ้านให้ลูกค้าโครงการต่างๆ ภายใต้แบรนด์ ‘Mr.Mover’ ซึ่งทุกวันนี้ยังให้บริการอยู่   “เราพยายามสร้างมาตรฐานการให้บริการในระดับสูง เพื่อให้บริการลูกค้าระดับพรีเมียม เช่น ขนย้ายของมีค่า งานศิลปะ ที่ต้องอาศัยความชำนาญสูง เพื่อสร้างความแตกต่าง จากนั้นขนย้ายคนมาสู่สิ่งของ สำนักงาน รวมไปถึงเครื่องจักรขนาดใหญ่” ดร.เอกพงษ์ ตั้งศรีสงวน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน ของ เจดับเบิ้ลยูดี กรุ๊ป  เล่าย้อนถึงจุดเริ่มต้นของบริษัท   จากนั้นธุรกิจการขนส่งเฉพาะด้านขยายตัวมากขึ้น บริษัทปรับรูปแบบการให้บริการไปตามความต้องการของตลาด การเก็บเอกสารข้อมูลให้กับองค์กร โดยเฉพาะสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีกำไรสูง การสร้างคลังเก็บเอกสาร ปัจจุบันพัฒนาสู่การเก็บข้อมูลในคลาวด์ การเก็บข้อมูลในรูปแบบดิจิทัล ซึ่งบริษัทต้องพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้สอดรับกับความต้องการของลูกค้า   “ทำสิ่งที่แตกต่างเป็นเจ้าแรกมีโอกาสประสบความสำเร็จสูง” สถิติแห่งความสำเร็จ  

JWD
JWD

  ต่อยอดสู่ JWD

“เมื่อมีที่ดิน มีคลังสินค้า ระบบการให้บริการอย่างครบวงจร จึงต่อยอดสู่การให้บริการด้านโลจิสติกส์แก่องค์กร ธุรกิจต่างๆ ซึ่งเราสามารถใช้ประโยชน์จากการบริหารการใช้สินทรัพย์ที่มีสร้างกำไรได้สูงสุด ขณะที่ทางลูกค้าของเราก็ไม่ต้องลงทุนด้านโลจิสติกส์เองซึ่งมีความเสี่ยง และเป็นการช่วยลดต้นทุนของลูกค้า ถือว่าวิน-วินด้วยกันทั้งสองฝ่าย”

ดร.เอกพงษ์เล่าว่า JWD เข้าไปปักหลักให้บริการโลจิสติกส์ที่แหลมฉบัง ซึ่งขณะนั้นเพิ่งเปิดพื้นที่ให้เข้าไปจับจอง บริษัทเป็นรายแรกๆ ที่เข้าไปจับจองพื้นที่สร้างคลังสินค้า และขยายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันมีพื้นที่โดยประมาณคิดเป็น 50% ของพื้นที่คลังสินค้าทั้งหมดของแหลมฉบัง และมีพื้นที่คลังและลานจัดเก็บสินค้าในทุกพื้นที่รวมกันประมาณ 1 ล้านตารางเมตร   จากนั้นกรมศุลกากรได้เปิดพื้นที่เขตประกอบการเสรี (Free Trade Zone) บริษัทจึงเป็นเจ้าแรกที่ให้บริการคลังสินค้าเขตประกอบการเสรีที่ใหญ่ที่สุดของแหลมฉบัง สินค้าทุกชนิดต้องผ่านจุดนี้ และสามารถซื้อ-ขายกันได้ปลอดภาษีตามกฎหมาย เกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มและสร้างโอกาสใหม่ให้กับธุรกิจ ทำให้ช่วง 4-5 ปีนั้น JWD เติบโตอย่างรวดเร็ว  

JWD
JWD

    ยิ่งไปกว่านั้นบริษัทได้เข้าบริหารท่าเรือสินค้าอันตราย โดยได้รับสัมปทานจากภาครัฐ 30 ปี สามารถต่อได้อีก 2 ครั้ง ครั้งละ 5 ปี เท่ากับเหลืออายุสัญญานับจากปัจจุบันอีก 23 ปี โดยสินค้าอันตราย 70-80% ของทั้งประเทศที่จะนำเข้า-ส่งออกต้องผ่านจุดนี้เป็นธุรกิจเงินสดที่สร้างรายได้หมุนเวียนให้บริษัทตลอดเวลา   “เราพยายามให้บริการลูกค้าอย่างครบวงจร พัฒนาโซลูชั่นที่จะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ตั้งแต่ต้นจนจบ จนได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งเดิมจะใช้โลจิสติกส์ของญี่ปุ่นเป็นหลัก ถือเป็นความภาคภูมิใจสำหรับบริษัทคนไทยที่สามารถชิงตลาดตรงนี้มาได้”     บุกตลาดภูมิภาคเพื่อสร้างการเติบโต

 “การอยู่นิ่งๆ เท่ากับการเดินถอยหลัง เราจึงมองโอกาสขยายตลาดในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน ถ้าอยากโตต้องเข้าไป ทั้งเมียนมา สปป.ลาว กัมพูชา กลุ่มประเทศ CLMV จีดีพีขยายตัวปีละ 7-8%”

ดร.เอกพงษ์ยอมรับว่า สิ่งที่ JWD มีในขณะนั้นยังไม่ใช่จุดที่จะสร้างการเติบโตในตลาดอาเซียน และเพราะมองเห็นว่าธุรกิจอาหารเป็นกลุ่มที่ขยายตัวมากที่สุดในประเทศเหล่านี้ จึงตัดสินใจรวมธุรกิจห้องเย็นของกลุ่มบริษัท แปซิฟิค โคล สตอเรจ ซึ่งปัจจุบันเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นอันดับ 2 ของบริษัท โดยมีธุรกิจให้เช่าห้องเย็นที่มหาชัย รวม 8 อาคาร

อย่างไรก็ตาม เพื่อลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจห้องเย็นที่มหาชัยที่พึ่งพาธุรกิจอาหารทะเลเป็นหลัก จึงได้ขยายห้องเย็นที่บางนาเพื่อรองรับธุรกิจโมเดิร์นเทรด เครื่องปรุงรส ไวน์ น้ำผลไม้ ขณะที่ห้องเย็นที่สุวินทวงศ์ใช้รองรับธุรกิจเนื้อสัตว์และสัตว์ปีก เช่น เป็ดและไก่ เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทยังได้นำโมเดล Free Trade Zone มาใช้กับกลุ่มธุรกิจอาหารด้วย เพราะมองว่าเป็นโซลูชั่นที่จะช่วยตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร

“แม้ว่าธุรกิจในช่วงแรกจะมีปัญหาค่อนข้างมาก แต่ด้วยความเชื่อว่าโมเดลดังกล่าวเป็นจุดขายที่ดี ในที่สุดมีลูกค้าในธุรกิจอาหารรายใหญ่เข้ามาใช้บริการโคลเชนโซลูชั่นของเรา และส่งออกไปยังกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี ทำให้เราขยับจากผู้ให้บริการโลจิสติกส์ สู่ซัพพลายเชนโซลูชั่น” ดร.เอกพงษ์กล่าว  

JWD
JWD

  "เราลงทุนสร้างสินทรัพย์ที่มีมูลค่าโดยยอมขาดทุนในช่วงแรก แต่หลังจากนั้นคือกำไร"   ก้าวสู่ผู้เล่นหลักในภูมิภาค    “สิ่งที่บอกนักลงทุนเสมอคือ เราไม่แข่งเพียงในตลาด Local แต่เราต้องการเป็น Regional Player เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจโลจิสติกส์ของภูมิภาคที่เป็นสัญชาติไทย”   นอกจากจะใช้ธุรกิจด้านอาหารเป็นหัวหอกในการบุกตลาดอาเซียนแล้ว  อีกหนึ่งกลยุทธ์คือการซื้อกิจการเพื่อเข้าไปเป็นผู้เล่นในภูมิภาค ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ซื้อกิจการฟู้ดเซอร์วิสในไต้หวัน ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการแก่ร้านอาหารแบรนด์ดังๆ มากมายในตลาดอาเซียน และตั้งเป็นบริษัท โกลบอล ฟู้ดเซอร์วิส เน็ตเวิร์ก จำกัด ที่ให้บริการครบวงจร ซึ่งในอนาคตจะแยกธุรกิจอาหารเพื่อจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่อไป   ในส่วนธุรกิจหลัก บริษัทได้ซื้อหุ้นในบริษัท PPSP เป็นผู้พัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษในกัมพูชา และได้เข้าเป็น ผู้ถือหุ้น 40% ในกิจการของ Bok Seng PPSP Dry Port ในกัมพูชา ทั้งนี้ พาร์ตเนอร์ที่ร่วมทำงานกันในกิจการดังกล่าว คือ บริษัท Bok Seng ซึ่งเป็นธุรกิจโลจิสติกส์ขนาดใหญ่ในสิงคโปร์ ที่มีความเชี่ยวชาญในการขนส่งเครื่องมือขนาดใหญ่ เช่น เขื่อน ท่อโรงกลั่น ทำให้บริษัทก้าวเข้าสู่ธุรกิจการขนส่งอุปกรณ์ขนาดใหญ่ และจะมีโครงการร่วมกันในการให้บริการโลจิสติกส์สำหรับโครงการขนาดใหญ่ในภูมิภาค นอกจากนี้ยังได้เข้าซื้อหุ้นบริษัท TRANSIMEX CORPORATION ธุรกิจโลจิสติกส์ครบวงจร รายใหญ่อันดับ 3 ของประเทศเวียดนามที่บริการโลจิสติกส์ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ     ล่าสุดบริษัทร่วมทุนกับ CJ Logistics จากประเทศเกาหลีใต้ จัดตั้งบริษัท CJ JWD Logistics เพื่อให้บริการโลจิสติกส์แบบ B2B2C โดยอาศัยเน็ตเวิร์กที่แข็งแกร่งของ CJ ด้าน B2C รองรับการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย ทำให้บริษัทสามารถขยายบริการที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และเทรนด์โลก โดยคาดว่าตลาดอีคอมเมิร์ซจะเติบโตอีก 2.5 เท่า ในอีก 5 ปีข้างหน้า   “วันนี้เรามีฟุตพรินต์เพื่อต่อยอดธุรกิจทั่วภูมิภาคอาเซียน มีขุมกำลังที่ทำให้บริษัทเติบโตได้อย่างมั่นคง ตามเป้าหมายของเราที่ต้องการให้ JWD เป็นบริษัทสัญชาติไทยที่เป็น Regional Hero ของภูมิภาคนี้”   ทั้งนี้ จากการดำเนินการต่างๆ บริษัทคาดว่าจะทำให้ผลประกอบการของบริษัทเติบโตสูงมากในปีนี้ ที่ตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 4,000 ล้านบาท และคาดว่าภายใน 5 ปีข้างหน้า รายได้จะถึง 1 หมื่นล้านบาท และอยากให้หุ้น JWD  ติดอยู่ในอันดับ SET50   “การลงทุนใน JWD ระยะยาวเป็นธุรกิจที่มั่นคง ในช่วงเริ่มต้นเราลงทุนสร้างสินทรัพย์ที่มีมูลค่า โดยยอมขาดทุนในช่วงแรก แต่หลังจากนั้นคือกำไร” ดร.เอกพงษ์ทิ้งท้ายด้วยความมั่นใจในศักยภาพที่จะเติบโตต่อไปของ JWD    เป้าหมายในอีก 5 ปี    

JWD
JWD

  JWD ติดอยู่ใน SET50  

JWD
JWD

  "เป้าหมายต้องการให้ JWD เป็นบริษัทสัญชาติไทยที่เป็น Regional Hero"  สุดยอดบริการแช่เย็นแช่แข็งในกลุ่มอาหาร  

JWD
JWD
JWD
JWD

 

ข้อมูลนี้เป็นส่วนหนึ่งจากหนังสือ Stock Guide 2019-2020 ดาวน์โหลด E-Book ฉบับเต็ม ฟรี ได้ที่ >> http://bit.ly/2WNQiHi

Stock Guide 2019-2020
Stock Guide 2019-2020

 

stock2morrow

ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0