ซานฟรานซิสโก, 1 มิ.ย. (ซินหัว) -- เมื่อคืนวันเสาร์ (30 พ.ค.) ลอนดอน บรีด (London Breed) นายกเทศมนตรีนครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ ประกาศห้ามประชาชนในเมืองออกนอกเคหสถานตั้งแต่เวลา 20.00 น. ของวันอาทิตย์ (31 พ.ค.) จนถึงเวลา 05.00 น. ของวันจันทร์ (1 มิ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยได้รับการสนับสนุนจากกองกำลังพิทักษ์ชาติ (National Guard)
มาตรการดังกล่าวเกิดขึ้นหลังเหตุโกลาหลและการปล้นสะดมร้านค้าหลายแห่งของเมืองในเขตเบย์ แอเรีย (Bay Area) รวมถึงซานฟรานซิสโก จนได้รับความเสียหายเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (30 พ.ค.) เนื่องจากการประท้วงเหตุเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์ (George Floyd) ชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกาในเมืองมินนิแอโพลิสเริ่มลุกลามไปทั่วทั้งภูมิภาค
"ตอนนี้ประชาชนกำลังเจ็บปวด พวกเขาโกรธ ผมก็โกรธเช่นกัน ซานฟรานซิสโกและตำรวจจะสนับสนุนการประท้วงอย่างสันติ เราไม่สามารถทนต่อความรุนแรงและป่าเถื่อนได้ แต่ตอนนี้เป็นเวลาที่ทุกคนควรกลับบ้านได้แล้ว" บรีดระบุผ่านทวิตเตอร์
ทั้งนี้ ฟลอยด์เสียชีวิตไม่นานหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจผิวขาวรายหนึ่งใช้หัวเข่ากดลำคอของเขาแนบกับพื้นถนน ขณะที่บิล สกอตต์ (Bill Scott) หัวหน้าตำรวจประจำซานฟรานซิสโกเผยว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเริ่มเห็นความรุนแรงเพิ่มขึ้นในช่วงค่ำของวันเดียวกัน
"ย่านใจกลางเมืองรอบๆ ห้างสรรพสินค้าเวสต์ฟิลด์ (Westfield) ถูกทำลาย เผาไหม้ และปล้นสะดม ขณะที่คนงานในโรงจอดรถโฟร์ธแอนด์มิชชัน (4th/Mission garage) บางคนถูกทำร้ายร่างกาย" แมตต์ ฮานีย์ (Matt Haney) หนึ่งในคณะกรรมการกำกับดูแลซานฟรานซิสโกกล่าวผ่านทวิตเตอร์
ขณะเดียวกันเหตุประท้วงในเมืองโอ๊กแลนด์เมื่อคืนวันศุกร์ (29 พ.ค.) บานปลายกลายเป็นการก่อจลาจล โดยมีผู้ประท้วงหลายสิบคนถูกจับกุมตัว
ด้านเจนนี เดอร์คาน (Jenny Durkan) นายกเทศมนตรีนครซีแอตเทิลของรัฐวอชิงตัน ประกาศเมื่อวันเสาร์ (30 พ.ค.) สั่งห้ามประชาชนทั่วเมืองออกนอกเคหสถานในกลางคืนวันเสาร์ (30 พ.ค.) และวันอาทิตย์ (31 พ.ค) หลังเกิดการประท้วงในย่านใจกลางเมือง