โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

"ช่อ" แฉเอกสารใบสั่งให้ยุบอนาคตใหม่ ตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค

ไทยรัฐออนไลน์ - Politics

อัพเดต 10 ธ.ค. 2562 เวลา 03.34 น. • เผยแพร่ 09 ธ.ค. 2562 เวลา 22.27 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

ศม.ยัน "ไม่ร่วม" รัฐบาล เด็กดื้อปชป.เลิกเฮี้ยว พีระพันธุ์ตัดใจสละ ส.ส. ธนิกระทึกจ่อโดนสอย

ปชป.กลืนเลือดไม่กังวลข่าวปรับ ครม.ริบเก้าอี้ รมต. “เฉลิมชัย” เมินของจริงอาจเป็นอีกเรื่อง เรียกถกด่วน ส.ส.ห้ามแตกแถว “เทพไท” เสียงอ่อยยึดมติวิปรัฐบาล แขวะไม่มีธรรมเนียมฉีกครึ่งพรรคถีบส่ง-เก็บครึ่งพรรคร่วมเรือแป๊ะ “พีระพันธุ์” ไขก๊อกทิ้ง ส.ส. ปัดตอบแต่งตัวรอเป็น รมต. “อนุทิน” ติงเลี้ยง งูเห่าจะรู้ได้ยังไงวันไหนจะฉกเรา เตือนดูแลคนในบ้านให้ดีก่อนดึงใครมา “มิ่งขวัญ” โต้ ศม.ไม่มีมติอย่าเอาชื่อไปอ้าง ตอก 4 ส.ส.งูเห่าลอยหน้าในสภาฯได้เพราะใคร โบ้ย กก.บห.ชี้ขาดย้ายขั้ว อนค.ระทึก กกต.จ่อปิดคดีเงินกู้ ส่อเข้าข่ายนิติกรรมอำพราง-จับพิรุธเงินคืนหนี้ 26.8 ล้าน มาจากไหน วาง 3 แนวเชือดยุบพรรค-ตัดสิทธิ กก.บห.-ฟันอาญา “ช่อ” แฉเอกสารหลุด กกต.ตั้งธงอ้างมีใบสั่งชงคดีไปศาล รธน.ยุบพรรค เด็ดหัว หน.-กก.บห. “บิ๊กตู่” ปลุกคนไทยต้านโกง ฮือฮา ทบ.รับรางวัลหน่วยงานสุดโปร่งใสจาก ป.ป.ช.

จากกรณีมีกระแสข่าวจากพรรคพลังประชารัฐแกนนำรัฐบาลว่าจะมีการปรับ ครม.โดยจะริบเก้าอี้รัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ หลังมีปัญหาควบคุมเสียง ส.ส.ไม่ได้และตั้งเงื่อนไขต่อรองทางการเมืองหลายครั้ง ขณะที่แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ระบุไม่กังวลกับกระแสข่าวดังกล่าว ยืนยันไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาล

ปชป.ยันไม่กังวลข่าวปรับ ครม.

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 9 ธ.ค. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า พรรคไม่ได้กังวลกับเรื่องดังกล่าว ยืนยันไม่ได้มีความขัดแย้งกับพรรคร่วมรัฐบาล รัฐมนตรีของพรรคยังทำงานให้ประชาชนเต็มที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ในฐานะรองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ พิสูจน์ให้เห็น โดยเดินหน้าทำงานสร้างประโยชน์และความสำเร็จให้ประชาชน นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค ในฐานะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ มีผลงานชัด ความสำคัญของการร่วมรัฐบาลคือการทุ่มเททำงานให้ประชาชน ส่วนเรื่องเสียง ส.ส.ในสภาฯเป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยทำความเข้าใจกัน เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน การประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์นัดหน้า คาดว่าจะมีกรรมการบริหารพรรคหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาหารือแน่นอน

“เสี่ยต่อ” เมินข่าวปล่อยของจริงอีกเรื่อง

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวการปรับ ครม.เอาพรรคเศรษฐกิจใหม่ (ศม.) เข้ามาเสียบ ท่ามกลางกระแสข่าวกดดันให้ขับพรรคประชาธิปัตย์พ้นจากพรรคร่วมรัฐบาล หรือเอาเฉพาะ ส.ส.บางส่วนว่า กระแสข่าวก็คือข่าว ส่วนใหญ่ข่าวปล่อยจะเป็นข่าวไม่ค่อยดีมากกว่าข่าวดี แต่ข้อเท็จจริงอาจเป็นอีกเรื่องหนึ่งก็ได้ ถ้าปล่อยอารมณ์ไปกับทุกข่าวคงไม่ต้องทำงานทำการกัน ที่สุดแล้วความจริงคือความจริง การปรับ ครม.เป็นอำนาจของนายกฯ เชื่อว่าหากจะมีการปรับอะไรผู้ใหญ่ต้องพูดคุยกับหัวหน้าพรรค เชื่อว่าไม่มีปัญหาอะไร ส่วนเรื่องในพรรคเป็นหน้าที่หัวหน้าพรรคและตนจะดูแลแก้ไข มั่นใจในความเป็นสถาบันการเมืองของพรรคว่าเราทำเพื่อประโยชน์ของชาติบ้านเมือง เอาประชาชนเป็นที่ตั้งในการแก้ไขปัญหา เมื่อเรายึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลักสามารถตอบคำถามต่างๆได้ตามความจริง จึงเชื่อมั่นว่ารัฐบาลชุดนี้จะยังทำงานร่วมกันด้วยความราบรื่น ไม่มีความขัดแย้งใดๆ

เรียกถกด่วนห้าม ส.ส.แตกแถว

นายเฉลิมชัยกล่าวอีกว่า สำหรับการโหวตในสภาฯได้สั่งเรียกประชุม ส.ส.พรรควันที่ 10 ธ.ค. เพื่อทำความเข้าใจบทบาทหน้าที่ ส.ส.พรรคแม้จะเป็นวันหยุด แต่วันที่ 11 ธ.ค. จะมีการประชุมสภาฯต้องคุยกัน นายจุรินทร์และตนจะพูดในที่ประชุม ส.ส.เพราะพรรคอยู่มานานจนเป็นสถาบันทางการเมือง ขอให้เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์มีวินัย มีกฎ กติกา ข้อบังคับพรรคของเรา ส่วนจะมีมาตรการอะไร อย่างไร หรือไม่ขอให้ประชุมกันก่อน ได้พูดคุยกับ ส.ส.เหล่านี้ส่วนตัวทุกคนแล้ว ได้รับปากแล้วว่าต่อจากนี้จะทำตามมติพรรคโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ฉะนั้น ยืนยันได้ว่าพรรคประชาธิปัตย์มีเอกภาพ สมาชิกพรรคต้อง ทำตามมติพรรค

“เทพไท” เสียงอ่อยต่อไปยึดมติวิปรัฐบาล

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ได้ลงพื้นที่พบพี่น้องประชาชนในเขตเลือกตั้งที่ 3 ใน 4 อำเภอ คือ อ.พระพรหม อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.จุฬาภรณ์และ อ.ชะอวด ได้ปราศรัยทางการเมืองในงานศพชาวบ้าน ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ วันละ 9-10 งานชี้แจงเหตุผลการตัดสินใจการลงมติยืนยันมติเดิมยืนยันให้ตั้งคณะ กมธ.วิสามัญมาตรา 44 มีเสียงตอบรับสนับสนุนเป็นจำนวนมาก หากกลับมติเปลี่ยนจากครั้งแรกจะถูกตำหนิจากประชาชนในเขตเลือกตั้งจนได้เสียหายมาก แต่จะนำมาเป็นบทเรียนไปปรับ– ปรุงการทำหน้าที่ ส.ส.ในสภาฯ ไม่ว่าการยื่นญัตติหรือการอภิปรายสนับสนุน หรือคัดค้านญัตติใดๆ ต้องสอบถามแนวทางหรือหาธงคำตอบจากวิปรัฐบาลก่อน จะทำตามอำเภอใจไม่ได้อีกแล้ว ถ้าทำหน้าที่ ส.ส.ขัดกับมติวิปรัฐบาล อาจมีผลกระทบต่อสถานะความเป็นพรรคร่วมรัฐบาลและกระทบต่อจุดยืนของตนได้

ซัดไม่มีธรรมเนียมฉีกครึ่งพรรคร่วมรัฐบาล

นายเทพไทกล่าวต่อว่า ส่วนกระแสข่าวการปรับพรรคประชาธิปัตย์บางส่วนออกจากพรรคร่วมรัฐบาล เนื่องจาก ส.ส.ของพรรค 6 คนไม่โหวตเสียงตามมติวิปรัฐบาล น่าเป็นเพียงการปล่อยข่าวโยนหินถามทางหรือสร้างกระแสกดดันมากกว่า การเปลี่ยนแปลงใดๆทางการเมืองเกี่ยวกับพรรคร่วมรัฐบาล ถ้าจะเข้าร่วมหรือออกต้องออกไปทั้งพรรค จะปรับออกบางส่วนให้ร่วมรัฐบาลบางส่วนยังไม่เคยเห็นพรรคใดเข้าร่วมรัฐบาลครึ่งพรรค ถ้าเป็นจริงเช่นนั้น พรรคนั้นจะแตกเป็นสองส่วน และเปลี่ยนแปลงเป็นพรรคใหม่ขึ้นมา 2 พรรคแน่นอน ฉะนั้นทุกฝ่ายไม่ควรทำให้วัฒนธรรมทางการเมืองเสียหาย อยากให้เล่นการเมืองในกรอบกติกา วัฒนธรรมประเพณีทางการเมืองที่เคยปฏิบัติกันมา ไม่ควรเอาเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ที่ไม่เป็นประชาธิปไตยตามมาตรฐานสากลมาช่วงชิงความได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมืองต่อพรรคอื่นๆ เพียงเพื่อให้พรรคตัวเองอยู่ในอำนาจให้ยาวนานที่สุด

“พีระพันธุ์” ยื่นลาออกทิ้ง ประชาธิปัตย์

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคประชาธิปัตย์ว่า เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 9 ธ.ค. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อดีต รมว.ยุติธรรม และอดีตผู้สมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค.มอบหมายให้นายสมชาย แสงชมพูเพ็ญ เลขานุการ ส่วนตัว เดินทางมายื่นใบขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์กับนายทะเบียนพรรคและขอให้แจ้งเรื่องต่อหัวหน้าพรรคเพื่อทราบ โดยไม่ได้ชี้แจงเหตุผลการลาออกครั้งนี้ ก่อนหน้านั้นเวลา 13.00 น. นายพีระพันธุ์ได้ให้คนไปยื่นหนังสือแจ้งการขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง

อุบสาเหตุโบกมือลาทิ้งบ้านเก่า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อค่ำวันเสาร์ที่ 7 ธ.ค. นายพีระพันธุ์ได้ให้ลูกน้องมายกโต๊ะทำงานและเก้าอี้โบราณทำด้วยไม้สักแนวแอนทีค ออกจากห้องทำงานบนอาคาร ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ขึ้นรถปิกอัพออกจากพรรคประชาธิปัตย์ไปก่อนแล้ว และหลังจากเลขานุการส่วนตัวมายื่นหนังสือลาออกต่อนายทะเบียนพรรคประชาธิปัตย์ เลขานุการส่วนตัวพร้อมลูกน้องอีก 2 คนได้เก็บข้าวของส่วนตัวภายในห้องทำงานที่พรรค รวมถึงป้ายชื่อหน้าห้องจนเหลือแต่ห้องเปล่า ต่อมาช่วงค่ำนายพีระพันธุ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ทำอะไรไม่เคยสนใจยึดติดตำแหน่ง ทำงานได้ก็ทำ ไม่ได้ก็ไม่ทำ แต่ยอมรับว่าไม่ปรารถนาที่จะออกจากการเป็น ส.ส. แต่เมื่อลาออกจากสมาชิกพรรค กฎหมายให้พ้นจาก ส.ส.ไม่เป็นไร สาเหตุการลาออกเป็นเหตุผลส่วนตัวไม่พึงประสงค์จะเปิดเผย เมื่อถามว่า มีข่าวลาออกเตรียมตัวไปเป็นรัฐมนตรี นายพีระพันธุ์ตอบว่า ไม่มี ปล่อยให้เขาลือกันไป ลาออกเป็นเหตุผลส่วนตัว เมื่อถามว่า แสดงว่าอึดอัดกับการทำงานในพรรคยุคนี้ นายพีระพันธุ์ตอบว่า “ผมไม่ได้พูดนะ คุณพูดเอง ผมไม่ขอพูดอะไรถึงพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเป็นเสมือนบ้านที่ผมร่วมสร้างมาเหมือนกัน” เมื่อถามย้ำว่า ในอนาคตอันใกล้หลังปีใหม่ จะย้ายไปพรรคอื่นหรือมีตำแหน่งในรัฐบาลหรือไม่ นายพีระพันธุ์กล่าวว่า ยังไม่คิด

โฆษก ปชป.ยันพ้นจาก ส.ส.ทันที

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ว่า ยอมรับการตัดสินใจของนายพีระพันธุ์ การลาออกครั้งนี้ถือว่าสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.ของนายพีระพันธุ์สิ้นสุดลงไปด้วย ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 101 (8) ที่ระบุว่าสมาชิกภาพของ ส.ส.สิ้นสุดลง เมื่อลาออกจากพรรคการเมืองที่ตนเป็นสมาชิก ดังนั้น เมื่อนายพีระพันธุ์ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค จึงทำให้ต้องพ้นจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อด้วย คนที่จะมาเป็น ส.ส.แทนนายพีระพันธุ์คือ น.ส.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล คณะทำงานนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ

“อนุทิน” ระบุเกลี่ย ครม.ใหม่ไม่หมู

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับ ครม.ว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีข่าวอะไรเรื่องการปรับ ครม. น่าจะเป็นการคาดเดาของสื่อ ในรัฐบาลยังไม่มีการพูดคุย เมื่อถามว่า เป็นไปได้ใช่หรือไม่ หลังฝ่ายค้านมาร่วมเป็นองค์ประชุมเมื่อสัปดาห์ก่อน นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้าแบบนั้นมันต้องมีเหตุจำเป็น หรืออาจมีนโยบายแต่ละพรรคว่าการปรับ ครม.จะเป็นอย่างไร เมื่อทำงานระยะหนึ่งอาจสับเปลี่ยนหมุนเวียนตรงนี้ขึ้นอยู่กับหัวหน้าแต่ละพรรค การเปลี่ยนแปลงใน ครม.ทุกรัฐบาลเกิดขึ้นได้ เมื่อถามย้ำว่า ข่าวการปรับ ครม.ที่เกิดขึ้นเหมือนเป็นการเตือนพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ทุกคนทราบปัญหาอยู่แล้ว รัฐมนตรีแต่ละคนมีวุฒิภาวะต้องทราบจะแก้ปัญหาอย่างไร อย่าไปซ้ำเติมเลย การทำงานร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีปัญหาอะไร พรรคภูมิใจไทยเคยมีปัญหาอะไรกับใครหรือ มีแต่โดนกระแทกเราก็ทนอยู่ เมื่อถามว่า คนที่ปล่อยข่าวออกมาหวังผลให้มีการเคลียร์เก้าอี้รัฐมนตรีใหม่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “มันไม่หมูอย่างนั้นมั้ง นี่รัฐบาลนะ ไม่ใช่เล่นจ้ำจี้ผลไม้”

ติงเลี้ยงงูเห่ารู้ได้ไงวันไหนจะฉกเรา

เมื่อถามว่า เมื่อทานอาหารร่วมกันไปแล้ว ทำไมจึงยังมีข่าวแบบนี้ออกมาอีก นายอนุทินกล่าวว่า การโหวตคาดเดาได้อยู่แล้วว่าเสียงจะเป็นอย่างไร ตอนทานอาหารแกนนำแต่ละพรรคให้สัญญาว่าจะไปทำหน้าที่ให้ดีที่สุด อย่าคิดว่าโอ้โหนี่เธอผิดจะต้องมีบทลงโทษอะไร บางทีมีอะไรบางอย่างที่อยู่เหนือการควบคุม แต่ภาพรวมยังไปได้ ถึงเวลามานั่งสังคายนากันทีหนึ่งเป็นเรื่องปกติ ทุกคนต้องช่วยกันประคองให้รัฐบาลไปได้ เมื่อถามว่า สถานการณ์แบบนี้ต้องดึงคนมาเสริมให้รัฐบาลหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ส่วนตัวไม่เชื่อเรื่องนี้ ลองคิดดูการเลี้ยงงูเห่าในบ้าน จะรู้ได้อย่างไร วันไหนจะมาฉกเรา จะแก้ปัญหาด้วยการดึงคนจากฝ่ายค้าน ถ้ามาแบบโยกย้ายพรรคมาเลย แต่ไม่ใช่มาแบบตัวเองยังสังกัดพรรคเดิมอยู่ จะเอาอะไรมารับประกันว่าเขาย้ายมาอยู่กับเราแน่นอน

เตือนดูแลคนในบ้านให้ดีก่อนดึงใครมา

“การเสริมความเข้มแข็งด้วยการดึง ส.ส.ฝ่ายตรงข้าม ไม่ใช่การแก้ไขปัญหาระยะยาว เขามาได้เขาก็ไปได้ ดูคนในบ้านให้ดีก่อนเถอะ วิธีดีที่สุดคือสร้างความเชื่อมั่น เข้าใจซึ่งกันและกัน มีปัญหาอะไรต้องมาว่ากัน มีอะไรเกิดขึ้นต้องนิ่งให้มาก ผมเห็นความอดทนของนายกฯต้องชื่นชมแสดงภาวะผู้นำได้อย่างสมบูรณ์ อย่างผมเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. โดนใครมากระแทกใหม่ๆ อาจโกรธนิดนึง แต่หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เขียนไลน์ด่าลูกพรรคท่านให้เสร็จเลย ตอนเย็นนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ โทรศัพท์มาหาว่า อย่าไปถือสานะขอโทษแทนด้วย คนนี้ใช้ไม่ได้ แค่นี้ก็พอแล้วถือว่าจบ เราต้องรู้เราอยู่ระดับไหน คนมากระแทกเราอยู่ระดับไหน อย่าลดตัวลงไปต่อสู้ก็เท่านั้น” นายอนุทินกล่าว

“มิ่งขวัญ” โต้ไม่มีมติ เศรษฐกิจใหม่หนุนรัฐบาล

เมื่อเวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ แถลงชี้แจงกรณีไม่อยู่ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างการพิจารณาญัตติตั้งคณะ กมธ.วิสามัญศึกษาผลกระทบจากประกาศคำสั่ง คสช. และมาตรา 44 ว่า ยืนยันว่าตนมาประชุมสภาผู้แทนราษฎร และได้ใช้บัตรแสดงตนว่ามาประชุมสภาฯแล้ว จึงเป็นเรื่องที่ต้องชี้แจง ไม่อยากให้เกิดความเสียหายว่าทำไมขาดการประชุม ส่วนกรณี ส.ส.พรรคเศรษฐกิจใหม่ 4 เสียงโหวตให้ฝ่ายรัฐบาลล้มการตั้ง กมธ.ฯอ้างว่าเป็นมติพรรคนั้น ยืนยันว่าไม่มีมติพรรคเรื่องนี้ หากมีมติพรรคต้องแจ้งว่ามีการประชุม กำหนดวาระและให้ลงมติในที่ประชุมพรรค รวมถึง ต้องทำบันทึกการประชุมและแจ้งให้สมาชิกโดยเฉพาะ ส.ส.เพื่อรับทราบ ตัดสินใจและปฏิบัติตาม

ตอก 4 ส.ส.มาเดินลอยหน้าได้เพราะใคร

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า พรรคเศรษฐกิจใหม่ จะเข้าร่วมรัฐบาล นายมิ่งขวัญยืนยันว่า จุดยืนของตน เหมือนเดิมคือ 1.ความซื่อสัตย์สุจริตและไม่เอาเงินเป็นตัวตั้งของชีวิต 2.คนเราต้องรู้ตัวเองว่ามีจุดแข็งตรงไหน และ 3.คนเราจะบอกว่าเป็นอย่างไร ต้อง ไปดูพฤติกรรมตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ต้องรักษาชื่อเสียงวงศ์ตระกูล และต้นทุนทางสังคมที่ดำเนินชีวิตมาตลอด ขอให้ ส.ส.นึกถึงว่าที่ได้เข้ามาทำหน้าที่เพราะใคร ต่อไปนี้ใครจะพูดอะไร ก็ขอให้รับผิดชอบคำพูดตนเอง แต่ก่อนคนมองว่าพรรคเศรษฐกิจใหม่คือมิ่งขวัญ แต่นับจากวันนี้ยอมรับว่าพรรคเศรษฐกิจใหม่ไม่ได้หมายถึงนายมิ่งขวัญแล้ว แม้ทุกคนยังอยู่ในพรรคเดียวกันขอให้นึกถึงวันนั้นก่อนที่พวกคุณจะได้มาเดินลอยหน้าอยู่ในสภาฯ ใครพูดอะไรต้องรับผิดชอบด้วย แต่ใครพูดอะไร ใครทำอะไร คนนั้นรับผิดชอบไปเอง ตนไม่เกี่ยวข้อง อย่าอ้างเหมารวมว่าตนคิดเช่นนั้นด้วย อย่าถือวิสาสะเอาชื่อตนไปอ้าง ส่วนกรณีหากพรรคเศรษฐกิจใหม่มีมติร่วมรัฐบาลจะตัดสินใจอย่างไรนั้น นายมิ่งขวัญตอบว่าไม่รู้

โยน กรรมการบริหารพรรคเคาะย้ายขั้วซบรัฐบาล

“ผมขอพูดอีกครั้งว่ายังไม่เคยเปลี่ยนจุดยืน คนอื่นทำมันคนละเรื่อง พรรคเศรษฐกิจใหม่คือ มิ่งขวัญคือ ลุงมิ่ง แต่วันนี้ผมชี้ชัดว่าไม่ได้โกรธอะไรกับใคร แต่ถ้าไม่ได้พูดจะมีการถือวิสาสะเอาชื่อผมไปอ้าง จุดยืนผมทางการเมืองเหมือนเดิม” เมื่อถามว่า ยืนยันจุดยืนเดิมแต่อยู่ด้วยกันได้หรือไม่ จะไปร่วมเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายมิ่งขวัญตอบว่า ต้องไปถามกรรมการบริหารพรรค ตนเป็น แค่สมาชิกพรรคเท่านั้น ส่วนที่เหลือตนไม่รู้

ศม.ยันยังร่วมฝ่ายค้านไม่หนีไปไหน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทย เมื่อเวลา 11.30 น. มีการประชุมคณะทำงาน 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน มีแกนนำและตัวแทนจากทั้ง 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง ก่อนประชุม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ ได้สอบถามตัวแทนจากพรรคเศรษฐกิจใหม่ว่า อยากฟัง เหตุผลความชัดเจนกรณีกระแสข่าวพรรคเศรษฐกิจใหม่อาจไปร่วมรัฐบาล นายบุญเลิศ เหลียงกอบกิจ กรรมการบริหารพรรคเศรษฐกิจใหม่ ได้กล่าวยืนยันกลางที่ประชุม 7 พรรคว่า ยืนยันว่าพรรคเศรษฐกิจใหม่ยังทำงานกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน มติที่พรรคเดินหน้าไปกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน เราจะทำตามยืนยันจะไม่หนีไปไหน ยังเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านเหมือนเดิม ขอยืนยัน

เพื่อไทย รวมพลออกแคมเปญวันรัฐธรรมนูญ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. พรรคเพื่อไทย ออกแคมเปญ “10 ธันวา วันรัฐธรรมนูญของไทย กับ 10 มุมมองของคนเพื่อไทย” ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียของพรรค นำโดยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค และผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรค และแกนนำพรรค โดยนายสมพงษ์ระบุว่า วาทกรรมรัฐธรรมนูญไว้ทีหลัง ปากท้องมาก่อน สร้างขึ้นมาจากความบิดเบือน ทั้งที่สองเรื่องนี้เชื่อมโยงกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นห่วงอนาคตของลูกหลานเราว่าจะอยู่กันอย่างไร เมื่อกติกาหลักของประเทศมันบิดเบี้ยว มันไม่เป็นธรรม ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ ระบุว่า ประเทศไทยควรมีรัฐธรรมนูญที่ส่งเสริมให้ประเทศมีความเจริญก้าวหน้า ประชาชนอยู่ดีกินดี อยู่บนสิทธิเสรีภาพอย่างแท้จริง ไม่ใช่รัฐธรรมนูญที่มุ่งเน้นต่อการสืบทอดอำนาจอย่างในปัจจุบัน เราต้องการรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนที่แท้จริง และไม่ต้องการยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

“ชวน” ย้ำญัตติแก้ รัฐธรรมนูญ เข้าสภา 11 ธ.ค.

นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการบรรจุญัตติด่วนการพิจารณาตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญวันที่ 11 ธ.ค.ว่า เป็นไปตามวาระปกติยังไม่สามารถระบุได้ว่าต้องใช้กี่วัน เดิมประเมินว่าญัตตินี้ควรเข้ามาสู่การพิจารณาได้ตั้งแต่เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว แต่กลับมีวาระอื่นเข้ามาก่อน วันที่ 11 ธ.ค.ญัตติจะอยู่ในวาระแรกหลังจากพิจารณากระทู้ถาม ส่วนการอภิปรายจะเปิดให้อภิปรายตามปกติ จะได้อภิปรายกันเกือบทุกคนเพียงแต่ว่าต้องไปบริหารเวลากัน ได้คุยล่วงหน้ากับผู้เสนอญัตติว่าน่าจะไปหารือกันแต่ละกลุ่มจะใช้เวลาอภิปรายเท่าใด เพราะถ้าไม่กำหนดเวลาจะเกิดการส่งรายชื่อเรื่อยๆ แล้วไม่จบ ทำท่าว่าจะรีบ แต่พอเอาเข้าจริงๆ ผู้ที่รีบทำให้ช้าไปวันที่ 11 ธ.ค. จะคุยกับเจ้าของญัตติอีกครั้ง

โยนถาม ครม.ปรับ ปชป.พ้นรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวพรรคประชาธิปัตย์จะถูกปรับออกจาก ครม. หลังจากแกนนำรัฐบาลไม่พอใจที่ไม่สามารถควบคุมเสียง ส.ส.ในพรรคให้ไปทางเดียวกันได้ ในการพิจารณาญัตติตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาผลกระทบจากการใช้มาตรา 44 นายชวนตอบว่า ต้องถามไปฝ่าย ครม. ต้องไปถามผู้ลงโทษและผู้ถูกลงโทษ สำหรับการพิจารณาขยายสัญญาก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่เป็นครั้งที่ 4 จากที่จะสิ้นสุดระยะเวลาการต่อสัญญาครั้งที่ 3 วันที่ 15 ธ.ค. ได้มอบให้เจ้าหน้าที่ดูแลอยู่ รายละเอียดคงต้องไปสอบถามผู้รับผิดชอบ เพราะยังไม่ได้รายงานเข้ามายังประธานสภาฯ ส่วนที่นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือให้ประธานสภาฯ ทบทวนการขยายเวลาในสัญญาก่อสร้าง มีการร้องมานานแล้วล่าสุดได้ร้องมายังเลขาธิการสภาฯ

จับตา กกต.ถกคดีร้อนเงินกู้ อนาคตใหม่

อีกเรื่อง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุม กกต. วันที่ 11 ธ.ค. คาดว่าจะมีการพิจารณาคดีกู้เงิน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค จำนวน 191 ล้านบาท ที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคม องค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยยื่นคำร้อง เป็นที่น่าจับตาว่าการประชุมครั้งนี้ กกต.จะมีมติชี้ขาดเลยหรือไม่ มีรายงานว่า กกต.ได้ตั้งประเด็นตามคำร้อง 2 ประเด็น คือ 1.การกู้เงินดังกล่าว ถือเป็นการบริจาคของบุคคลเกินกว่า 10 ล้านบาทต่อปีตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ 2.การกู้เงินดังกล่าวถือว่าเป็นเงินที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่และเข้าข่ายเป็นนิติกรรมอำพรางหรือไม่ เพราะเมื่อพิจารณาข้อกฎหมาย มาตรา 62 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งไม่เปิดโอกาสให้พรรค การเมืองกู้ยืมเงิน มาดำเนินกิจการพรรคการเมืองได้ เช่นเดียวกับ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ปี 50 ที่จะกำหนดให้พรรคสามารถมีรายได้อื่น และพรรคการเมืองในขณะนั้นก็มีการกู้เงิน และนำมาลงบัญชีในหมวดรายได้อื่น หากบอกว่าเงินดังกล่าวเป็นเงินบริจาค ซึ่งกฎหมายกำหนดให้บริจาคได้เพียง 10 ล้านบาท หากจะบอกว่าที่เหลือเป็นการบริจาคเกินคงไม่ได้

จับพิรุธคืนหนี้ 26.8 ล้านเงินจากไหน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อพิจารณาจากเอกสารหลักฐานชี้แจงที่พรรคอนาคตใหม่ส่งมาส่วนหนึ่งนั้น ระบุว่าสัญญาเงินกู้ฉบับแรก เมื่อวันที่ 2 ม.ค.2562 ที่พรรคอนาคตใหม่ทำสัญญากู้ยืมเงินจากนายธนาธรจำนวน 161,200,000 บาท และตามสัญญาระบุว่าพรรคจะมีการชำระเงินภายใน 3 ปี โดยในปีแรกจะชำระเงินกู้จำนวน 80 ล้านบาท ปีที่สอง 40 ล้านบาท และปีที่สาม 41 ล้านบาท ซึ่งพรรคได้มีการรายงานมาว่าปัจจุบันเงินกู้ดังกล่าวมีการชำระแล้ว 26.8 ล้านบาท แบ่งเป็น 5 งวด แต่ละงวดชำระห่างกัน 10 วัน ชำระเป็นเงินสดทั้งหมด ยังมีข้อน่าสงสัยว่าเงินดังกล่าวเป็นเงินของใคร เบิกถอนมาจากไหน เอาเข้าบัญชีใคร ถ้านำเงินที่เป็นรายได้ของพรรคตามกฎหมายพรรคการเมืองมาตรา 62 มาชำระยิ่งจะถือว่าผิดกฎหมาย เพราะกฎหมายมาตราดังกล่าวกำหนดเรื่องที่มารายได้ของพรรคไว้ 7 ประการ และไม่ให้นำรายได้เหล่านี้ไปใช้เพื่อการอื่น นอกจากการดำเนินกิจการของพรรค หากนำรายได้ของพรรคไปจ่ายหนี้เงินกู้จะมีความผิดตามกฎหมายอาญา กรรมการบริหารพรรคต้องติดคุก ขณะเดียวกัน จะต้องพิจารณาถึงรายรับรายจ่ายของพรรคว่ามีการลงบัญชีเงินจำนวนนี้ไว้ในหมวดใด การรับบริจาคที่หากนำเงินบริจาคไปชำระคืนกระทบต่อยอดเงินบริจาคหรือไม่ และความสามารถของพรรคในการชำระหนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายสูงกว่ารายได้ เพราะจากรายงานงบการเงินของพรรคอนาคตใหม่ในรอบปี 2561 ที่มีการรายงานต่อ กกต.เมื่อ เม.ย.2562

ชี้อาจเข้าข่ายนิติกรรมอำพราง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดังนั้นการให้พรรคกู้เงินจึงอาจเข้าข่ายการเป็นนิติกรรมอำพราง เป็นการได้เงินมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือไม่ ซึ่งจะเข้าข่ายตามมาตรา 72 พ.ร.บ.ประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ที่ห้ามไม่ให้พรรคการเมือง ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งจะมีความผิดตามมาตรา 92 (3) เป็นเหตุให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ยุบพรรคการเมืองและเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรคได้

เผย 3 ทางเลือกยุบพรรค-ฟัน กรรมการบรbskirii8

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากการพิจารณาเรื่องดังกล่าว กกต.เห็นว่าเข้าข่ายมีความผิด ดำเนินการได้ 3 ช่องทาง คือ 1.หาก กกต.เห็นว่าเป็นความผิดยุบพรรค สามารถเสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้เลย เหมือนกรณียื่นให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติ 2.ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองมีความเห็นแล้วเสนอต่อ กกต.เพื่อพิจารณาอีกครั้ง 3.มีมติให้แจ้งข้อกล่าวหานายธนาธรและพรรคอนาคตใหม่ เพื่อให้มาชี้แจงข้อกล่าวหาเช่นเดียวกับที่ กกต.เคยทำในกรณีมีมติให้นายธนาธรมาชี้แจงกรณีการถูกร้องเรื่องถือครองหุ้นสื่อเพื่อดำเนินคดีอาญาตามมาตรา 151 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.

ชง กกต.วินิจฉัยคุณสมบัติ “ธนิก”

นายอภินันท์ จันทร์อุปละ ผอ.เลือกตั้งประจำจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า จากกรณีที่ ผอ.การเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งที่ 7 จ.ขอนแก่น ได้ประกาศรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เขต 7 แทนตำแหน่งที่ว่างครบทั้ง 4 คนที่ยื่นสมัครไปเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. ปรากฏว่าในวันที่ 6 ธ.ค.ได้มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งยื่นคัดค้านประกาศของ ผอ.การเลือกตั้งเขตเลือกตั้งที่ 7 เห็นว่านายธนิก มาสีพิทักษ์ ผู้สมัครหมายเลข 1 พรรคเพื่อไทย มีลักษณะต้องห้ามในการลงสมัคร เนื่องจากมีชื่อเป็นผู้สมัครในระบบบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย สำนักงาน กกต.ประจำจังหวัดขอนแก่น จึงได้รวบรวมข้อมูลหลักฐานต่างๆ ส่งไปยังสำนักงาน กกต.กลาง เพื่อให้เสนอเรื่องให้ กกต.กลางพิจารณา คาดว่า กกต.จะมีการวินิจฉัยชี้ขาดภายในสัปดาห์นี้

เคยถามแล้วแต่โยนพรรคพิจารณาเอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีนี้ก่อนเปิดรับสมัคร เมื่อวันที่ 28 พ.ย.พรรคเพื่อไทยได้มีหนังสือขอหารือมายัง กกต.เมื่อวันที่ 21 พ.ย.ว่า ผู้มีชื่อเป็นผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค.62 ที่มีการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งไปแล้วจะไปลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ระบบเขตเลือกตั้งในการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างได้หรือไม่ แต่ กกต.ไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจน ระบุเพียงว่าเป็นหน้าที่ของพรรคการเมืองที่ต้องพิจารณาคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครรับเลือกตั้งให้ถูกต้องครบถ้วน ในการยื่นสมัครของนายธนิกต่อ ผอ.กกต.ประจำเขตเลือกตั้งที่ 7 ขอนแก่นในวันที่ 28 พ.ย.มีรายงานว่านอกจากนายธนิกจะยื่นใบสมัครพร้อมหลักฐานต่างๆที่กฎหมายกำหนดแล้ว นายธนิก ยังยื่นหนังสือของถอนชื่อจากการเป็นผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อด้วย

ส่อชวดก่อนวันเข้าคูหากาบัตร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการพิจารณาของที่ประชุม กกต.ที่ผ่านมา มีความเห็นเป็น 2 ทาง ทางหนึ่งเห็นว่าไม่สามารถลงสมัครได้ เนื่องจากตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 43 เขียนล็อกไว้ให้ผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต ที่พรรคส่งสมัครนอกจากจะลงสมัครรับเลือกตั้งเกินหนึ่งเขตมิได้ ยังต้องไม่เป็นผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ เพราะผู้ที่มีชื่อเป็นผู้สมัครในบัญชีรายชื่อ มีโอกาสได้รับการเลื่อนลำดับเป็น ส.ส.อยู่ตลอด จะอ้างว่าผลการเลือกตั้งระบบเขตของพรรคเพื่อไทยโอเวอร์แฮงก์ ไม่มีโอกาสที่ ส.ส.ระบบบัญชีแล้วผู้สมัครจึงไปลงในระบบเขตได้คงไม่ถูกต้อง เพราะคะแนนเสียงในระบบบัญชีรายชื่อของทุกพรรคการเมืองนั้น จะยังมีโอกาสขยับได้หากมีการเลือกตั้งจากเหตุทุจริตภายใน 1 ปี ขณะนี้ยังไม่พ้นระยะเวลาดังกล่าว ส่วนอีกด้านหนึ่งเห็นว่าเมื่อการประกาศผลการเลือกตั้งแล้วถือว่าการเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค.จบสิ้นไป ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อน่าจะไปลงสมัคร ส.ส.ในระบบเขตเลือกตั้งที่มีการเลือกตั้งซ่อมได้ คาดว่าในการประชุม กกต.วันที่ 11 ธ.ค. ที่ประชุมจะมีการพิจารณาเรื่องดังกล่าว กรณี กกต.มีคำวินิจฉัยให้ถอนการรับสมัครของผู้ใดให้ผู้นั้นมีสิทธิยื่นอุทธรณ์คำวินิจฉัย กกต.ต่อศาลฎีกาได้ภายใน 3 วันนับแต่วันที่ถูกถอนการรับสมัครและในกรณีที่ศาลฎีกายังไม่ได้มีคำวินิจฉัยเป็นประการใดก่อนวันเลือกตั้ง ให้การพิจารณาเป็นอันยุติ และให้ดำเนินการเลือกตั้งไปตามคำสั่งของ กกต.

“ศรีสุวรรณ” โชว์เอกสาร กกต.ฟัน อนาคตใหม่

วันเดียวกัน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊กข้อความว่า “ยุบหรือไม่ยุบ ไม่ใช่หน้าที่ผมแล้วครับบบบ” พร้อมโพสต์เอกสาร อ้างว่าเป็นความเห็นของ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต.มีเนื้อหาการพิจารณาเอาผิดกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กระทำโดยไม่ชอบด้วยมาตรา 66 ประกอบมาตรา 124 และมาตรา 125 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองกล่าวคือการบริจาคเงินกว่า 10 ล้านบาท ให้แก่พรรคอนาคตใหม่ เกินกว่า 10 ล้านบาทต่อปี จากกรณีนายธนาธรปล่อยกู้จำนวน 161,200,000 บาท จึงเห็นควรดำเนินการดังนี้ 1.ดำเนินคดีอาญาแก่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ถูกร้องที่ 1 ในความผิดตามมาตรา 66 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 124 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 และขอให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนด 5 ปี

ฟันอาญา - เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี

เอกสารระบุอีกว่า 2.ดำเนินคดีอาญาแก่พรรคอนาคตใหม่ผู้ถูกร้องที่ 2 ในความผิดตามมาตรา 66 วรรคสองประกอบมาตรา 125 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 และขอให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ มีกำหนด 5 ปี และขอให้เงินทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด ส่วนที่เกินมูลค่าที่กำหนดไว้ในมาตรา 66 ตกเป็นของกองทุน จึงขอเสนอความเห็นพร้อมสำเนามาเพื่อประกอบการพิจารณาอันหนึ่ง เนื่องจากเป็นกรณีเรื่องเร่งด่วนให้เสนอสำนวนต่อที่ประชุมกรรมการการเลือกตั้งพิจารณา ทั้งนี้เลขาธิการ กกต. มีการลงนามตั้งแต่ 20 ก.ย.2562

“ช่อ” แฉเอกสารหลุด กกต.มีธงยุบ

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่พรรคอนาคตใหม่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ แถลงข่าวถึงกรณีมีเอกสารต้องสงสัยว่าอาจหลุดจาก กกต.ระบุความเห็นบุคคลระดับสูงใน กกต.ลักษณะระบุให้ดำเนินคดีอาญานายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคในคดีเงินกู้ให้ได้ว่า เอกสารที่หลุดมาทำให้เกิดน่าสงสัยว่าการดำเนินการของ กกต.เป็นไปโดยมีธงทางการเมืองและใบสั่งทางการเมืองหรือไม่ รายละเอียดในเอกสารชี้นำคดีไว้เรียบร้อยแล้วว่าจะให้นายธนาธรและกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่มีความผิดคดีอาญา ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี ต้องอย่าลืมว่าใบสั่งทางการเมืองมีได้มากกว่าหนึ่งใบเสมอ พรรคอนาคตใหม่ได้รับรายงานมาจากแหล่งข่าวเช่นกันว่ากำลังมีความพยายามจะทำให้คดีนี้นำไปสู่การวินิจฉัยโดยศาลรัฐธรรมนูญ และนำไปสู่การยุบพรรคอนาคตใหม่ ทั้งที่คดีนี้ฐานความผิดไม่เกี่ยวข้องกับการยุบพรรคเลยแม้แต่น้อย ไม่สามารถนำไปสู่การยุบพรรคได้ตามตัวบทกฎหมาย สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้มีข้อสังเกตว่าขณะนี้อาจมีใบสั่งทางการเมือง ไม่ใช่แค่ใบเดียว แต่มีสองใบหรือไม่ คือทั้งจะดำเนินคดีอาญาตัดสิทธิทางการเมืองนายธนาธร และกรรมการบริหารพรรค 5 ปี พร้อมนำเรื่องขึ้นสู่ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปสู่การยุบพรรคให้ได้ด้วย จึงขอให้ประชาชนช่วยกันจับตามองใกล้ชิด

ซัดพิรุธเพียบจี้ กกต.ไขข้อสงสัย

น.ส.พรรณิการ์กล่าวอีกว่า สิ่งที่น่าจะพอทำให้เห็นได้ว่าเรื่องธงหรือใบสั่งทางการเมืองอาจเป็นเรื่องจริง คือกรณี กกต.ไม่รอให้คณะอนุกรรมการสอบสวนคดีวี-ลัค มีเดีย สอบสวนให้แล้วเสร็จก่อน แต่กลับส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญไป โดยยังเรียกพยานไปสอบอยู่ พรรคได้ยื่นฟ้อง กกต.ตามมาตรา 157 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบไปแล้ว แต่สัปดาห์ที่แล้ว กกต.ยังคงไม่ยอมรับยืนยันว่าปฏิบัติหน้าที่โดยชอบแล้ว อ้างว่า กกต.เรียกตัวพยานมาสอบเป็นเรื่องคดีอาญา ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เอกสารเรียกพยานมาสอบทุกฉบับ ไม่มีฉบับใดระบุว่าสอบคดีอาญาดังที่ กกต.กล่าวอ้าง กลับกันเอกสารทุกฉบับระบุว่าสอบในความผิดฐานมีลักษณะต้องห้ามการเป็น ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) เป็นหลักฐานชัดเจนว่าเป็นไปได้ว่า กกต.มีธงทางการเมือง อนุกรรมการยังสอบไม่เสร็จกลับส่งเรื่องสู่ศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ทั้งที่อนุกรรมการสอบประเด็นเดียวกันไม่ใช่คดีอาญา ขอให้ กกต.ตอบเรื่องนี้ด้วย เพื่อความกระจ่างต่อสังคมว่าการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต.เป็นไปโดยชอบ ไม่มีธงทางการเมืองแบบที่สังคมกำลังสงสัย

โวยอย่ามากว้านซื้อ ส.ส.

น.ส.พรรณิการ์กล่าวถึงกรณีงูเห่าทางการเมืองที่เกิดขึ้นระยะหลังว่า ช่วงที่ผ่านมามี ส.ส.ของพรรคหลายคนถูกรบกวนโดยขบวนการซื้องูเห่า ติดต่อเข้ามาจำนวนมากจากหลายกลุ่มหลายพรรค เนื่องจากเห็นว่าเป็นเวลาที่พรรคกำลังเผชิญกับคดีต่างๆ ระยะหลังนี้ยิ่งพยายามหนักข้อขึ้น ขอประกาศไว้ให้ทราบโดยทั่วกัน ถึงผู้ที่มารบกวน ส.ส.พรรค ขอให้ยุติแล้วเอาเวลาไปทำงานเพื่อประโยชน์ประชาชนดีกว่า ส.ส.อนาคตใหม่ยังอยากทำงานเพื่อประชาชน ไม่ว่างรับโทรศัพท์จากใครที่จะมาเสนอราคาซื้องูเห่าทั้งสิ้น

“ธนาธร” โต้ปลอมใบ สด.9 หนีทหาร

เมื่อเวลา 16.00 น. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โพสต์เฟซบุ๊กว่ากรณีมีข่าวปลอมลงเพจหนึ่งกล่าวหาว่าตนปลอมเอกสาร สด.9 หลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร ยืนยันว่าเป็นความเท็จโดยสิ้นเชิง ตนไปจับใบดำใบแดงด้วยตนเอง ทุกอย่างทำถูกต้องตามขั้นตอน แม้ไม่เห็นด้วยกับการเกณฑ์ทหาร ขอให้ทุกคนช่วยกันกดรายงานโพสต์ว่าเป็น False news หรือข่าวปลอม ฝากให้ทุกคนช่วยกันติดตามว่า การที่บรรดานายพลไม่ยอมยกเลิกการเกณฑ์ทหาร นั่นเป็นเพราะพวกเขาได้ประโยชน์จากการทุจริตคอร์รัปชันในระบบแบบนี้ใช่หรือไม่ พวกเขาสูบเลือดจากประชาชนที่ยอมติดสินบนเพื่อหนีทหารใช่หรือไม่ แล้วแต่ละปีมีเงินนอกงบประมาณ ประเภทนี้มากเท่าไร

ทบ.รับรางวัลโปร่งใสจาก ป.ป.ช.

ที่อิมแพค เมืองทองธานี สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ภาคีเครือข่ายภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ร่วมจัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการทุจริต และมอบรางวัลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (ITA) ที่มีผลคะแนนสูงสุดแต่ละประเภท รวม 34 หน่วยงาน อาทิ ประเภทองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อบจ.แพร่ได้คะแนนสูงสุด ประเภทจังหวัด จ.นครพนมได้คะแนนสูงสุด ประเภทองค์กรศาลได้คะแนนสูงสุดคือ ศาลยุติธรรม ประเภทกรมหรือเทียบเท่า หน่วยงานที่ได้คะแนนสูงสุด อาทิ กองทัพบก กรมที่ดิน และสำนักงานกิจการยุติธรรม ประเภทรัฐวิสาหกิจ อาทิ ธนาคารอาคารสงเคราะห์

“บิ๊กตู่” ปลุกคนไทยต้านคอร์รัปชัน

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งว่า สิ่งสำคัญทำอย่างไรให้เกิดผลจริงจังไม่ใช่พูดแล้วก็จบไม่ทำต่อ ต้องสร้างจิตสำนึกและความร่วมมือ ปฏิรูปกระบวนการทำงาน ระบบกฎหมายต้องแก้ไขปรับปรุงให้ทันสมัยเป็นสากล เพราะคนทุจริตคือคนไม่ดี เก่งหาช่องโหว่กฎหมายทำจนได้ ต้องเริ่มที่ตัวเองที่จิตใจ อย่าทำอะไรทุจริต หากทำได้ลดความขัดแย้งได้มาก และกฎหมายได้รับความเชื่อถือ ผู้ทุจริตจะถูกต่อต้านและถูกลงโทษทั้งจากกฎหมายและสังคม สำคัญคนไทยต้องก้าวข้ามค่านิยมอุปถัมภ์ ต้องไม่เพิกเฉยต่อการทุจริต ร่วมปกป้องผลประโยชน์ชาติ ทุกคนคือส่วนหนึ่งของประเทศ นายกฯทำคนเดียวไม่ได้ วันนี้ทำงานหนักกว่า 5 ปีที่ผ่านมาด้วยซ้ำ

ซึ่งหลายคนเรียกร้องใช้มาตรการเด็ดขาด แต่ตอนนี้ไม่มีมาตรา 44 แล้ว ต้องเรียนรู้ปรับตัวแก้ปัญหาที่ไม่เร็วแบบเดิมต้องใช้เวลา การประเมินการทำงานรัฐบาลมีขึ้นมีลงแต่ไม่สนใจ คิดแต่ว่าจะทำอย่างไรสร้างหลักคิดทำงานร่วมกัน ไม่ใช้ความรู้สึกแก้ปัญหาและสร้างความขัดแย้ง เข้าใจและยอมรับว่าทุกคนคาดหวังตนจะทำให้มากสุดเท่าที่จะทำได้ ใจตนทำงานเกินร้อย ทุกคนทำงานหนักทุกเรื่อง จึงขอให้ทุกคนช่วยทำความดี เพื่อทำให้ประเทศไทยเดินหน้าไปให้ได้ จากนั้นนายกฯนำกล่าวประกาศเจตนารมณ์และร่วมชูกำปั้นมือขวาแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านคอร์รัปชัน ชมนิทรรศการ เดินทักทายเด็กนักเรียนที่มาร่วมกิจกรรมและเซลฟี่ แล้วเดินทางกลับทำเนียบรัฐบาล โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ

แจงไร้หมายสภาจับ “ไวพจน์” ไม่ได้

ที่รัฐสภา นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาฯ แถลงกล่าวหาสภาฯไม่จับกุม พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกศาลออกหมายจับว่า การประชุมสภาฯเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. พ.ต.ท.ไวพจน์ยังเป็น ส.ส.เข้าร่วมประชุมได้และยังเข้าประชุมสภาฯสัปดาห์นี้ได้ เพราะยังไม่ต้องคำพิพากษา หมายจับต้องส่งจากศาลจังหวัดพัทยาส่งไปยัง สตช.และส่งไป สภ.ทั่วประเทศ แต่สภาฯไม่ได้รับการขออนุญาตจาก สน.บางโพว่าต้องการจับกุม ประธานสภาฯไม่สามารถสั่งการให้ตำรวจสภาฯควบคุมตัวส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เพราะไม่มีหมายศาล

“เอกชัย” แจ้ง 157 จับประธานสภาฯ

ที่ สน.บางโพ นายเอกชัย หงส์กังวาน พร้อมนายโชคชัย ไพบูลย์รัชตะ สองนักกิจกรรมทางการเมือง เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.กุศล อ่อนวรรณะ รอง ผกก. (สอบสวน) สน.บางโพ เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯและนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ติดตามหมายจับ พ.ต.ท.ไวพจน์ ที่ถูกศาลฎีกาออกหมายจับ คดีล้มการประชุมอาเซียนปี 52 หลังไม่เข้าฟังคำพิพากษาเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ที่มาเข้าประชุมสภาฯวันที่ 4 ธ.ค.โดยไม่มีการดำเนินการใดๆ หลังสอบสวนนานกว่า 1 ชั่วโมง นายเอกชัย กล่าวว่า เบื้องต้น สน.บางโพระบุว่ายังไม่มีหมายจับ เตรียมส่งตำรวจไปคัดหมายจับ พ.ต.ท.ไวพจน์ที่ศาลจังหวัดพัทยา จะเดินทางไปด้วย เพื่อให้เห็นกับตาว่ามีการออกหมายจับ และนำกลับมาดำเนินการจริง หากพบตัวที่ใดจับกุมตามหมายได้เลย จะมาอ้างว่าไม่เห็นหมายจับอีกไม่ได้

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0