โฆษกพรรคอนาคตใหม่ แจง "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ยังไม่ได้โอนทรัพย์สินไปทำบลายด์ ทรัสต์ อ้างยังไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ไม่รู้จะทำไปทำไม ก็เลยยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปทำ
วันนี้ (23 ก.ย.) น.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ในรายการ "เจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์" ทางสถานีโทรทัศน์เอ็มคอท เอชดี หมายเลข 30 กรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ยังไม่ได้มอบทรัพย์สินให้บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน ภัทร จำกัด เป็นผู้บริหารจัดการ หรือเรียกว่าการทำบลายด์ ทรัสต์ (Blind Trust) ตามที่ได้ประกาศไว้ ว่า เมื่อวันที่ 18 มี.ค. นายธนาธรได้แถลงข่าวไปแล้วว่าจะมีการโอนทรัพย์สินไปให้กับบริษัทหลักทรัพย์ ภัทร เป็นผู้ดูแล เป็นลักษณะที่้ใกล้เคียงกับบลายด์ ทรัสต์ มากที่สุด แต่จะไม่ใช่บลายด์ ทรัสต์ เนื่องจากประเทศไทยไม่อนุญาตให้มีการตั้งบลายด์ ทรัสต์ แต่จะเป็นลักษณะโอนไปให้บุคคลที่สามเป็นผู้จัดการดูแล โดยที่นายธนาธรจะไม่มีสิทธิ์รู้ว่ากองทุนนี้นำเงินก้อนนี้ไปลงทุนอะไรต่อบ้าง ทรัพย์สินจะกลับมาเป็นของนายธนาธรโดยสมบูรณ์ รู้เห็นทุกอย่างในการใช้เงินก้อนนี้อีกครั้งก็คือ 3 ปี หลังจากนายธนาธรพ้นจากตำแหน่งทางการเมืองไปแล้ว
"คนเข้าใจว่าได้มีการโอน ทำลักษณะที่คล้ายๆ บลายด์ทรัสต์ ตั้งแต่วันนั้นที่มีการประกาศ ในความเป็นจริงก็คือ ถ้าย้อนกลับไปดูข่าว มันคือการทำเอ็มโอยู มันยังไม่ใช่การโอนไป เป็นการทำเอ็มโอยูกับบริษัทหลักทรัพย์ ภัทร ว่าเมื่อเข้ารับตำแหน่งทางการเมืองแล้ว จะมีการทำในลักษณะนี้ แทบจะในทันทีที่นายธนาธรได้รับตำแหน่ง ส.ส. ก็มีเรื่องที่ถูกระงับการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว นายธนาธรจึงทำหนังสือไปถึงทางบริษัทหลักทรัพย์ ภัทร ว่า ในเมื่อมันมีความไม่ชัดเจนในทางการเมืองแบบนี้อยู่ และถูกระงับปฏิบัติหน้าที่นี้อยู่ การปฏิบัติตามเอ็มโอยูนี้ก็จึงเลื่อนไปก่อน จนกว่านายธนาธรจะเข้ารับตำแหน่ง ทำหน้าที่ ส.ส. อย่างสมบูรณ์ เนื่องจากทำไปตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะทำไปทำไม ยังไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ ส.ส." น.ส.พรรณิการ์
ส่วนเรื่องความโปร่งใสในทรัพย์สิน ก็อยู่ในการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินกับทาง ป.ป.ช. ซึ่งตนก็มีหนังสือที่นายธนาธรแจ้งไปยังบริษัทหลักทรัพย์ ภัทร มีการทำหนังสือยืนยันชัดเจนว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่ศาลตัดสินว่าให้นายธนาธรกลับไปปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. อีกครั้งหนึ่ง นายธนาธรก็จะทำตามเอ็มโอยูที่ให้ไว้กับบริษัทหลักทรัพย์ ภัทร เมื่อวันที่ 18 มี.ค. แน่นอนโดยเร็วที่สุด
เมื่อถามว่า การแถลงเมื่อวันที่ 18 มี.ค. นายธนาธรจะโอนทรัพย์สินเมื่อดำรงตำแหน่งแค่ ส.ส. หรือเป็นรัฐมนตรี น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ตำแหน่ง ส.ส. แต่ถูกระงับปฏิบัติหน้าที่ ก็เลยยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปทำบาลยด์ ทรัสต์ เพราะไม่ใช่เรื่องบังคับทางกฎหมาย อีกทั้งบังคับให้มีการแสดงบัญชีทรัพย์สินอยู่แล้ว แต่ที่จะทำสิ่งนี้ขึ้นมาเพื่อแสดงให้เห็นว่า เป็นบรรทัดฐานของนักธุรกิจที่มาทำงานการเมืองว่า ไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์ แต่ในเมื่อตอนนี้เป็น ส.ส. ในสถานะ แต่ยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ และไม่สามารถเกิดเหตุผลประโยชน์ทับซ้อนใดๆ ได้ เมื่อได้ปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. แล้ว หรือต่อให้ถูกตัดสิทธิ์ไม่ได้เป็น ส.ส. แต่เกิดมีการรับตำแหน่งรัฐมนตรี หรือนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีความเป็นไปได้ เพราะไม่จำเป็นต้องเป็น ส.ส. ก็จะนำทรัพย์สินเข้าบลายด์ ทรัสต์ ตามเอ็มโอยูที่ให้ไว้
เมื่อถามว่า เมื่อนายธนาธรมีสถานะเป็น ส.ส. โดยสมบูรณ์ เพียงแค่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว ทำไมไม่โอนทรัพย์สินเข้าบลายด์ ทรัสต์ ไปเลย น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า การทำบลายด์ ทรัสต์ เป็นความตั้งใจของนายธนาธรที่จะแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใส และตั้งบรรทัดฐานว่าจะไม่มีเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อน ในเมื่อยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ได้เลย เข้าสภาไม่ได้ โหวตไม่ได้ ยังไม่สามารถใช้อำนาจหน้าที่ของตัวเองในการก่อให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อนใดๆ ได้ ก็ไม่ทราบว่าจะทำตัวนี้ให้เกิดขึ้นทำไม เราไม่ได้ทำเรื่องนี้เพื่อสร้างภาพ ทำเพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเป็นบรรทัดฐาน เพราะฉะนั้น ถ้ายังไม่มีความจำเป็นก็ยังไม่ต้องทำ เพราะยังไม่สามารถเอาอำนาจไปรับเงินจากใคร ที่จะไปโหวตให้ใครได้
อ่านประกอบ : ย้อนรอย “ธนาธร” แถลงทำ “บลายด์ทรัสต์” แต่ไม่ได้ทำ “ปิยบุตร” อ้างไม่ได้เป็น ส.ส. เลยไม่โอน
“บลายด์ทรัสต์”ส่อแหกตา? ไม่เห็น“ธนาธร”แจ้ง ป.ป.ช. “ภัทรฯ”แค่จัดการหุ้นให้เมีย 24 ล้าน
