โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

“หุ้นจีน” ยังผันผวนระยะสั้น…แนะ ‘กระจายความเสี่ยง’ หรือขยับเข้าตลาด ‘A-Share’ แทน !!!

Wealthy Thai

อัพเดต 10 ส.ค. 2566 เวลา 01.16 น. • เผยแพร่ 27 ส.ค. 2564 เวลา 16.03 น. • กฤษฎิ์ รัตนธีระธาดา

ไม่กี่เดือนมานี้“ตลาดหุ้นจีน” ได้มีการปรับตัวลดลงจนนักลงทุนหลายคนเกิดความกังวลขึ้น หลังจากที่ “รัฐบาลจีน” คุมเข้มออกนโยบายการจัดระเบียบและควบคุมเรื่องต่างๆ
ซึ่งทำให้บริษัทจดทะเบียนในบางกลุ่มอย่าง เทคโนโลยีขนาดใหญ่และกลุ่มธุรกิจที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงอุตสาหกรรม ถูกกดดันด้วยปัจจัยต่างๆ ที่รัฐบาลออกมาควบคุม
โดยความกังวลของนักลงทุนที่มีต่อการทำงานของรัฐบาลไม่อาจคาดเดาได้ ก็ยังส่งผลลากมาถึงในปัจจุบันจนเกิดเป็นความกลัวที่จะเข้าลงทุนใน “ตลาดหุ้นจีน”
ในวันนี้ทาง ‘Wealthy Thai’ จึงขอโอกาสนำเสนอมุมมองและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในสายงานบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่มีต่อ“ตลาดหุ้นจีน” มาแชร์ให้แก่ผู้อ่านและผู้สนใจกันในครั้งนี้

“ตลาดหุ้นจีน” ยังต้องเผชิญแรงกดดันจากการจัดระเบียบและนโยบายการควบคุมของภาครัฐ

โดยเริ่มที่ “ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์” นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด ได้ให้มุมมองว่า สิ่งที่รัฐบาลจีนกังวลมากที่สุดในตอนนี้คือเรื่อง “ความไม่เท่าเทียม” และ“การแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม” ทำให้คนในประเทศไม่มีความสุขในช่วงต้นของการเปลี่ยนแผนเศรษฐกิจ

(ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์)

“ทางการจีนมักจะใช้นโยบายหลากหลายรูปแบบควบคู่กันไปในการบริหารจัดการ ในแผนเศรษฐกิจ 5ปีล่าสุด เน้นที่ ‘การหมุนเวียนภายในประเทศ (dual circulation)’ กลุ่มธุรกิจที่คาดว่าจะถูกกดดันต่อเนื่องคือ เทคโนโลยีขนาดใหญ่ และกลุ่มธุรกิจที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงอุตสาหกรรม”

3 ธุรกิจ” ที่อาจจะโดนรัฐบาลเข้าควบคุมและจัดระเบียบ…แนะ Underweight “จีน”

นอกจากนั้น ธุรกิจที่คาดว่าจะถูกควบคุมมากขึ้นคือ อสังหาริมทรัพย์ การศึกษา และการรักษาพยาบาล ที่ถูกเรียกว่าเป็น “สามภูเขา” ของคนจีน คาดว่าจะมีการควบคุมต่อเนื่องทั้งในแง่ของการตั้งกฎเกณฑ์เพื่อลดการเก่งกำไร ลดต้นทุนการศึกษาของคนในประเทศ ไปจนถึงการควบคุมราคายา และเร่งให้เอกชนเพิ่มคุณภาพการบริการด้านสาธารณสุข
“มุมมองเชิงกลยุทธ์ แนะนำ Underweight ‘จีน’ และ ‘กลุ่มประเทศเกิดใหม่ (Emerging Market)’ ในระยะสั้น แม้เราจะเดาได้ว่าทางการจีนมีความต้องการกำหนดภาพรวมเศรษฐกิจไปในรูปแบบไหน แต่ไม่สามารถระบุได้แน่นอนว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ จึงควรหลีกเลี่ยงการลงทุนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง”

นอกจากนี้ด้านเศรษฐกิจคาดว่าจะไม่สามารถฟื้นตัวแรงได้ในระยะสั้น เนื่องจากนโยบายการควบคุมสถานการณ์การระบาด COVID-19 ส่วนใหญ่เน้นหนักไปทางการล็อกดาวน์เพื่อลดการระบาด แตกต่างจากฝั่งตะวันตกที่เน้นการฉีดและพัฒนาวัคซีน และด้านมูลค่า แม้จะมีการปรับฐานลงมาแล้ว แต่หุ้นใน ‘กลุ่มเทคโนโลยี’ ก็ยังถือว่าไม่ได้ถูกจนน่าสนใจ

“การกระจายการลงทุน” คือทางเลือกที่ดีที่สุด

สำหรับนักลงทุนที่ยังสนใจลงทุนในจีน แนะนำ “การกระจายการลงทุน” ไปยังหุ้นขนาดเล็ก หรือหุ้นที่มีส่วนแบ่งตลาดไม่สูง นอกธุรกิจเทคโนโลยี อสังหาริมทรัพย์ การศึกษา และการรักษาสุขภาพ โดยเปรียบเทียบกับช่วงการที่ทางการจีนใช้นโยบายควบคุมเศรษฐกิจอย่างเข้มงวดในช่วงปี 2015และช่วงสงครามการค้าในปี 2018มองว่าภาครัฐและเอกชนจะใช้เวลาราวกันอย่างน้อย 3ไตรมาสในการปรับตัวเข้ากับกฏเกณฑ์ใหม่

“ตลาดหุ้นจีน” ยังคงน่าสนใจ…แต่ก็ยังหนีเรื่องการแทรกแซงของรัฐบาลไม่ได้

ขณะเดียวกัน “ดร.สมชัย อมรธรรม” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน และลูกค้าสัมพันธ์ บลจ.กรุงไทย จำกัด ก็ได้ให้มุมมองว่า ในระยะยาว “ตลาดหุ้นจีน” ก็ยังถือเป็นตลาดหุ้นที่น่าสนใจ แต่ก็ต้องยอมรับมาตรการและนโยบายที่รัฐบาลจะออกมาควบคุมหรือจัดระเบียบยังเป็นสิ่งที่คอยกดดันตลาดในระยะสั้น เนื่องจากเป็นปัจจัยที่คาดเดาได้ยากว่าจะมีการออกมาตรการหรือนโยบายใหม่ๆเพื่อแก้ไขเรื่อง “ความไม่เท่าเทียม” และ “การแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม” ที่เป็นเป้าหมายหลักของรัฐบาล จึงทำให้นักลงทุนไม่อาจคาดการณ์ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อกลุ่มบริษัทจดทะเบียนในช่วงระยะเวลาและเป็นกลุ่มใดที่จะโดนควบคุมเพิ่ม

(ดร.สมชัย อมรธรรม)

“อย่างไรก็ดีแม้ว่าจะมีหุ้นที่ได้รับผลกระทบในเชิงลบก็ยังมีหุ้นที่ได้รับผลกระทบในเชิงบวกด้วยเช่นกัน เราจึงเชื่อมั่นว่านโยบายต่างๆ ที่ถูกผลักดันออกมาก่อนหน้านี้จะเป็นผลบวกให้แก่อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจและสังคมได้ในระยะยาว รวมไปถึงสัญญาณที่รัฐบาลจีนก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้นถึงความจริงจังในการพัฒนาแผนเศรษฐกิจ 5 ปี”

A-Share” ทางเลือกการลงทุนสำหรับนักลงทุนที่สนใจ “ตลาดหุ้นจีน”

จึงอยากแนะนำนักลงทุนที่สนใจการลงทุนใน “ตลาดหุ้นจีน” อาจจะต้องมองภาพลงทุนเป็นระยะยาว โดยโฟกัสไปที่ตลาดหุ้น A-Share” มากกว่า “H-Share” หรือหลีกเลี่ยงการลงทุนในตลาด H-Shareและมาลงทุนในตลาด A-Share เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อย ในจังหวะที่ตลาดย่อก็ถือเป็นโอกาสที่ทยอยสะสมได้
“สำหรับ ‘ตลาดหุ้นจีน’ ในระยะสั้นก็ยังคงก็เผชิญกับปัจจัยท้าทายและการเซอร์ไฟรส์ในเรื่องมาตรการและนโยบายของรัฐบาลที่จะออกมาเพื่อจัดระเบียบสังคม แต่ในระยะยาวก็จะเป็นผลดีแก่เศรษฐกิจซึ่งนักลงทุนที่สนใจก็อาจจะมองภาพการลงทุนในระยะยาวแทน”

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0