โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

กีฬา

ชีวิตแดนมังกร!10 แข้งต่างชาติ ผู้มีค่าตัวสูงสุดแห่ง ไชนิส ซูเปอร์ลีก

ขอบสนาม

อัพเดต 15 ก.พ. 2561 เวลา 03.21 น. • เผยแพร่ 18 ม.ค. 2562 เวลา 11.00 น. • ขอบสนาม
ชีวิตแดนมังกร!10 แข้งต่างชาติ ผู้มีค่าตัวสูงสุดแห่ง ไชนิส ซูเปอร์ลีก

เมื่อตลาดนักเตะเปิดตัว เรียกว่าลีกจีน ยังคงเป็นตัวสอดแทรกที่น่ากลัวอยู่เสมอ ล่าสุด มุสซ่า เดมเบเล่ มิดฟิลด์ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ก็ย้ายมาโกยเงินที่แดนมังกรเช่นกัน

แต่ทว่าค่าตัวยังไม่ใช่ที่สุดของลีกนี้ เพราะมันมีค่าตัวมหาศาลเกิดขึ้นมากมาย เอาเป็นว่าวันนี้จะพาไปดูเหล่านักเตะที่ลีกจีน ทุ่มทุนสร้างเปย์เงินเป็นระดับประวัติศาสตร์ชาติเป็น 10 อันดับแรก

10. โอดิอออน อิ๊กฮาโล่

จาก : วัตฟอร์ด
ไปอยู่ : ฉางชุน หย่าไถ 20 ล้านปอนด์หนึ่งในนักเตะที่เคยค้าแข้งบนเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ และ โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมกับ วัตฟอร์ด ด้วยการซัดไป 39 ประตู ตลอด 2 ฤดูกาล ผลงานสำคัญคือพา “แตนอาละวาด” เลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดแต่ในระหว่างฤดูกาล 2016-17 หลังจากเจ้าตัวยิงไป 2 ลูก ก็ถูก วัตฟอร์ด ขายไปให้กับ ฉางชุน หย่าไถ ด้วยค่าตัว 20 ล้านปอนด์และนับตั้งแต่นั้น อิ๊กฮาโล่ ก็กลับมาเป็เพชรฆาตหน้าประตูอีกครั้ง โดยกดไป 33 ประตู จาก 55 ประตู แต่น่าเสียดายที่ทีมต้องตกชั้นไปสู่ลีกรอง ซึ่ง อิ๊กฮาโล่ ยืนยันว่า ไม่ต้องการลงเล่นอีกต่อไป และ พร้อมย้ายทีมเช่นกัน โดยมีหลายๆทีมกำลังรุมตอมกันมากมาย

9. รามิเรส

จาก : เชลซี
ถึง : เจียงซู ซู่เหนิง 25 ล้านปอนด์รามิเรส ใช้เวลาค้าแข้งกับ เชลซี อยู่ 6 ฤดูกาล ได้แชมป์มาเกือบหมดแล้วในนามสโมสร ไม่ว่าจะเป็น พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ, ยูโรปา ลีก และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป ความสำคัญของ รามิเรส ก็ลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายต้องระหกระเหินมาอยู่กับ เจียงซู ซู่เหนิง ด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์ เมื่อเดือนมกราคม 2016 การออกสตาร์ทของ รามิเรส กับสโมสรในลีกจีน นับว่าเป็นไปอย่างราบรื่น เพราะเขาเป็นส่วนสำคัญของทีม, ยิงประตูได้ และ มีได้สวมปลอกแขนกัปตันอีกด้วยแต่สิ่งที่ทำให้ รามิเรส ต้องออกทะเลเรื่อยๆ ก็คือพฤติกรรมของเขา คลิปที่แพร่ระบาดไปทั่วโซเชียล เน็ตเวิร์ค ยังคงตราตรึงฝังใจ ที่พยายามไปเล่นงานผู้ตัดสิน หลังไม่พอใจที่โดนใบแดงไล่ออก จนต้องเข้ามาห้ามกันยกใหญ่และล่าสุด รามิเรส ถูกส่งไปซ้อมกับทีมสำรอง เพราะเขาแสดงพฤติกรรมไม่มีความเป็นมืออาชีพ หลังอยากจะย้ายไปอยู่ เบนฟิก้า แต่ทว่าไม่สำเร็จ ก็เลยต้องอยู่รับกรรมต่อไป

8. อ็องโตนี่ โมเดสเต้

จาก : เอฟซี โคโลญจน์
ไปอยู่ : เทียนจิน ฉวนเจี้ยน 25.8 ล้านปอนด์ ถ้าหากคุณเปิดแอพลิเคชั่น Livescore แล้วย้อนกลับไปดูผลของคู่ โคโลญจน์ จะเห็นชื่อ อ็องโตนี่ โมเดสเต้ อยู่เสมอๆ เพราะกลายเป็นดาวยิงที่ทำประตูได้เป็นกอบเป็นกำ และวันที่เขาตัดสินใจย้ายออกจาก "แพะบ้า" เมื่อปี 2017 ทีมก็ตกต่พลงเรื่อยๆ ส่วนต้นสังกัดใหม่อย่าง เทียนจิน เป็นเหมือนปฏิมากรรมน้ำแข็ง เพราะเขาเริ่มต้นด้วยความงดงาม ออกสตาร์ท 8 นัด ซัดไป 7 ประตู และในซีซั่น 2018 ก็ยิงไป 4 ตุง จาก 12 นัด แต่ทว่าหลังจากนั้น โมเดสเต้ เริ่มมีปัญหากับสโมสร และ ได้ส่งเรื่องขอยกเลิกสัญญากับ เทียนจิน ซึ่งกลายเป็นประเด็นใหญ่โต จนนักเตะตัดสินใจได้ย้ายมาอยู่กับ โคโลญจน์ อีกครั้ง แต่ไม่รู้ว่า เทียนจิน จะมีการฟ้องร้องอะไรอีกหรือไม่ และ ประเด็นนี้ต้องตามกันต่อไป

7. ยานนิค แฟร์ไรร่า การ์ราสโก้

จาก : แอตเลติโก มาดริด
ไปอยู่ : ต้าเหลียน อี้ฟาง 27 ล้านปอนด์ พอขึ้นปี 2018 ต้าเหลียน อี้ฟาง เป็นสโมสรที่ถูกจับตามองอย่างมาก เพราะกว้านซื้อนักเตะชื่อดังมาร่วมทีมมากมาย ทั้ง โชเซ่ ฟอนเต้, นิโคลัส ไกตัน และอีกคนก็คือ ยานนิค แฟร์ไรร่า การ์ราสโก้ ซึ่งติดชาร์ตท็อปเทนค่าตัวแพงที่สุดแดนมังกรบอกเลยว่าการย้ายของ การ์ราสโก้ นับว่าเซอร์ไพรส์เหมือนกัน เพราะเขายังเป็นตัวหลักของ "ตราหมี" แต่กลับย้ายมาอยู่กับ ต้าเหลียน อี้ฟาง และ ก็สามารถรักษาพื้นที่ 23 คน ทีมชาติเบลเยี่ยม ไปเล่น ฟุตบอลโลก 2018 ประเทศรัสเซีย ได้สำเร็จ พร้อมมีส่วนพาทีมคว้าอันดับ 3ถ้าถามถึงผลงาน ต้องบอกว่าตามมาตรฐานของเจ้าตัว ถึงแม้ ต้าเหลียน อี้ฟาง จะไม่ใช่ทีมลุ้นแชมป์ แต่ว่า การ์ราสโก้ ก็ยังคงโชว์ฟอร์มกดไป 7 ตุง กับอีก 9 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 26 นัด และ ช่วยให้ทีมอยู่รอดบนลีกสูงสุด ปัจจุบันด้วยฟอร์มที่ดี ทำให้ การ์ราสโก้ มีชื่อคัมแบ็กสู่ลีกยุโรปอีกครั้ง โดยเฉพาะ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

6. แจ็คสัน มาร์ติเนซ

จาก : แอตเลติโก มาดริด
ไปอยู่ : กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ 31 ล้านปอนด์ นับตั้งแต่ออกจาก เอฟซี ปอรโต้ ชีวิตพี่แกก็ดิ่งลงเหวเรื่อยๆ เพราะตอนที่ย้ายมาอยู่กับ "ตราหมี" ก็ไม่ได้โชว์พิษสงอะไรด้วยซ้ำ และ ด้วยฟอร์มสาละวันเตี้ยลง เลยไม่แปลกที่จะถูกขายมาให้กับ กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ เมื่อปี 2016 นับว่าเป็นนักเตะชื่อดังยุคแรกๆ ที่โยกทำมาหากิน ณ แดน มังกรแต่การเป็นรุ่นพี่ ไม่ได้การันตีเรื่องฝีเท้า เพราะ 16 เกมแรก ทำได้แค่ 4 ประตู นับว่าห่างไกลจากฟอร์มตอนอยู่ ปอร์โต้ เหลือเกิน ก่อนจะเจ็บหนักไปอีกยาวๆ สุดท้ายถูกส่งคืนไปยังแดนฝอยทอง ย้ายไปอยู่กับ ปอร์ติโมเนนเซ่ แบบยืมตัวจนถึงจบซีซั่นนี้ ซึ่งจะหมดสัญญากับ กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ พอดิบพอดี

5. เซดริก บากัมบู

จาก : บียาร์เรอัล
ไปอยู่ : ปักกิ่ง กั๋วอัน 35.3 ล้านปอนด์
นับเป็นดีลที่ช็อคเหมือนกัน เพราะในวันที่ บากัมบู กำลังซัดประตูเป็นกอบเป็นกำให้กับ บียาร์เรอัล จนนำเป็นดาวซัลโว แต่ทว่าในช่วงต้นปี 2018 เจ้าตัวเลือกทิ้ง หนึ่งในลีกที่ดีที่สุดในโลกอย่าง ลา ลีกา สเปน ย้ายมาอยู่กับ ปักกิ่ง กั๋วอันแต่ว่าฟอร์มการเล่นไม่ได้ตกลงไปเลย เพราะเพียงแค่ซีซั่นเปิดตัว ก็ระเบิดฟอร์มด้วยการกดไป 23 ประตู จากการลงสนาม 28 นัด นอกจากจะมีส่วนช่วยทีมจบอันดับ 4 ของลีก ยังพาทีมมีแชมป์ติดมือ ด้วยการเป็นแชมป์ เอฟเอ คัพ และ คว้าโควต้า เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ

4. อเล็กซ์ เตเซร่า

จาก : ชัคเตอร์ โดเน็ตท์ส
ไปอยู่ : เจียงซู ซู่เหนิง 36.4 ล้านปอนด์ หากปัดฝุ่นความทรงจำสักหน่อย ทุกคนคงจำชื่อของ อเล็กซ์ เตเซร่า ได้อย่างแม่นยำ เพราะเขาเกือบจะได้ย้ายมาเป็นสมาชิกใหม่ของ ลิเวอร์พูล อยู่แล้ว แต่ตกลงค่าตัวไม่ได้ จากนั้นเลยเกิดเรื่องช็อคโลกขึ้น เมื่อนักเตะตัดสินใจย้ายจาก ชัคเตอร์ มาอยู่กับ เจียงซู เมื่อปี 2016 ซะอย่างนั้นคือการมีข่าวกับ ลิเวอร์พูล ก็เป็นการการันตีฝีเท้าอยู่แล้ว ฉะนั้นการมาอยู่กับ เจียงซู เขาไม่ต้องพิสูจน์อะไรเลย เพราะเขามีส่วนร่วมกับการทำประตูถึง 72 ลูก จากการลงเล่น 102 นัด แบ่งเป็นซัดเอง 45 ประตู หากจะมีข้อเสีย ก็คงเป็นเรื่องอารมณ์ร้อน เพราะโดนใบแดงไปแล้ว 2 ครั้ง จากการลงสนาม 102 นัด ซึ่งเท่ากับสมัยที่อยู่กับ ชัคเตอร์ จากการเล่น 223 เกม

3. เปาลินโญ่

จาก : บาร์เซโลน่า
ไปอยู่ : กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ 44.2 ล้านปอนด์เหมือนย้ายไปเอาแชมป์ลีกกับ บาร์เซโลน่า เมื่อปี 2017 พอได้โทรฟี่มาครองเรียบร้อย ก็กลับมาขุดทองต่อ ด้วยการย้ายคัมแบ็กมาอยู่ กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา โดยสนนราคาค่าตัวอยู่ที่ 44.2 ล้านปอนด์ แพงสุดเป็นอันดับ 3ต้องบอกว่าการกลับมาครั้งนี้ เหมือน เปาลินโญ่ ได้อัพค่าพลังมาอีกครั้ง เพราะ 19 เกมที่ลงสนามไปนั้น กดไปถึง 13 ประตู และ แอสซิสต์ไปอีก 7 ลูก ดีกว่าย้ายมาอยู่แดนมังกรช่วงแรกๆเสียอีก และ ช่วยให้ทีม กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ จบเป็นอันดับ 2 ของ ไชนิส ซูเปอร์ ลีก ถึงจะไม่ได้แชมป์ติดมือ แต่อย่างน้อยก็ได้โควต้า ไปเล่น เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ในรอบแบ่งกลุ่ม

2. ฮัลค์

จาก : เซนิต เซนต์ ปีเตอร์เบิร์กส์
ไปอยู่ : เซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี 46.1 ล้านปอนด์
เป็นอีกหนึ่งผู้เล่นที่ปฏิเสธย้ายมา พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เพื่อมาล่าตาข่ายที่ ไชนิส ซูเปอร์ ลีก หลังเลือกมาอยู่กับ เซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี เมื่อเดือนมิถุนายน 2016 ต้องพวกบอกว่าผลงานของ "เดอะ ฮัลค์" โคตรเอาเรื่อง เหมือนมนุษย์เขียวทรงพลัง ในจักรวาลมาร์เวล เพราะด้วยฝีเท้าตีนซ้ายอันทรงพลัง พี่แกซัดไปถึง 52 ประตู และ อีก 43 แอสซิสต์ จากการลงเล่นแค่ 87 นัด รวมทุกรายการ … ไม่แปลกใจเลยที่ปัจจุบัน ฮัลค์ กลายเป็นกัปตันทีมของ เอสไอพีจี และ ที่สำคัญพาทีมคว้าแชมป์ลีกแดน "มังกร" ไปครองเรียบร้อย ในปี 2018 เรียกว่าเป็นทุกอย่างของทีมไปแล้ว

1. ออสการ์

จาก : เชลซี
ไปอยู่ : เซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี 60 ล้านปอนด์
หลังจากที่ เชลซี กลายเป็นส่วนเกินของ เชลซี เขาจึงคิดหาทางย้ายออกจาก "สิงห์บลูส์" และสุดท้ายก็ตัดสินใจมาโกยเงินกับ เซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี เมื่อเดือนมกราคม 2017 ด้วยค่าตัว 60 ล้านปอนด์ และ เม็ดเงินมหาศาลขนาดนี้ ทำให้ ออสการ์ กลายเป็นนักเตะที่ค่าตัวแพงสุดในประวัติศาสตร์แห่งวงการลูกหนังแดนมังกร   ด้วยค่าตัวแพงระยับเป็นเบอร์ 1 ของจีน ย่อมตามมากับความกดดัน แต่สิ่งนั้นทำอะไร ออสการ์ ไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว เพราะซีซั่นแรกกับ เซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี ก็จัดการทำไปถึง 17 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 39 นัด พร้อมยิงไป 9 ประตู ส่วนปีก่อน ยิ่งดีวันดีคืน กดตาข่ายคู่แข่งไปมากถึง 16 ลูก กับอีก 24 แอสซิสต์ รวมทุกรายการ และ แน่นอน ออสการ์ เอง ก็เป็นคีย์แมนนำ เซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี คว้าแชมป์ลีกได้สำเร็จ เช่นเดียวกัน

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0