โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

ชิมลาง Honda Accord เจน10 หนึบ นุ่ม เงียบเทียบชั้นยุโรป

Manager Online

อัพเดต 15 ม.ค. 2562 เวลา 10.02 น. • เผยแพร่ 15 ม.ค. 2562 เวลา 10.02 น. • MGR Online

“แอคคอร์ด” คือ รถยนต์ที่ได้ชื่อว่าเป็นเรือธงของ ฮอนด้า ในประเทศไทย ซึ่งทำตลาดมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ปี ค.ศ.1984 (ตลาดโลกเริ่มในปี ค.ศ.1976) โดยเป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ประกอบในประเทศไทยอีกด้วย ล่าสุดถึงคิวของเจเนอเรชันที่ 10 ในการเผยโฉมสู่เมืองไทย และฮอนด้าได้จัดแสดงให้ทุกท่านได้เห็นตัวเป็นๆกันแล้วตั้งแต่เมื่องานมอเตอร์ เอ็กซ์โปปลายปีที่ผ่านมา

ถึงเวลานี้ เพื่อไม่ให้ขาดช่วง ฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย จึงได้จัดให้สื่อมวลชนได้ไปทดลองขับ ฮอนด้า แอคคอร์ด ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศแรกที่เปิดตัวเจเนอเรชัน 10 นี้ สำหรับเมืองไทยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการก่อนญี่ปุ่น โดยมีกำหนดในไตรมาสแรกของปีนี้ ส่วนสัมผัสแรกจะเป็นอย่างไรบ้าง เชิญติดตามได้

ใหม่หมดทั้งตัวถังและเครื่องยนต์

เกริ่นก่อนว่าตัวเลขต่างๆ จะเป็นสเปคของทางประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะใกล้เคียงกันแต่ไม่เหมือนกันเนื่องจาก ข้อกำหนดและกฎหมายของแต่ละประเทศนั่นเอง โดยได้รับคำยืนยันอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าคุณภาพการประกอบของ ฮอนด้า แอคคอร์ดในเมืองไทยนั้นไม่น้อยหน้าอเมริกาอย่างแน่นอน

สำหรับรุ่นเครื่องยนต์ที่จะทำตลาดในเมืองไทยนั้น จะมี 2 แบบใหม่ได้แก่ รุ่นเบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบ กำลังสูงสุด 195 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 260 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ ซีวีที รองรับน้ำมัน E85 ขณะที่อีกหนึ่งทางเลือกจะเป็นแบบ 2.0 ลิตร ไฮบริด i-MMD กำลังสูงสุด 215 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ซึ่งเป็นเจเนอเรชันที่ 3 ของการพัฒนา จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ อี-ซีวีที

หลักการทำงานของระบบไฮบริดของฮอนด้าที่อยู่ในแอคคอร์ดใหม่นั้น ใช้เครื่องยนต์แบบแอตคินซัน ไซเคิล มีมอเตอร์2ตัว ขนาดเท่ากัน โดยตัวแรกจะทำหน้าที่ปั่นกระแสไฟฟ้าจากเครื่องยนต์มาเก็บไว้ในแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว ขณะที่อีกหนึ่งตัว จะทำสองหน้าที่คือเป็นมอเตอร์ขับเคลื่อนและปั่นกระแสไฟเมื่อรถมีการเบรก ซึ่งจะมีข้อดีกว่าระบบอื่นตรงที่มอเตอร์จะมีโหลดภาระการทำงานที่น้อยกว่า ทำให้มอเตอร์ใช้งานได้นานขึ้น

ส่วนแบตเตอรี่นั้น เป็นแบบลิเธียม ไอออน ขนาดความจุเท่ากับรุ่นก่อนหน้า (1.3 kWh) แต่มีการปรับปรุงใหม่ ให้มีไซส์เล็กลงทำให้สามารถย้ายตำแหน่งที่วางแบตเตอรี่จากด้านท้ายรถมาอยู่ที่ใต้เบาะนั่งของผู้โดยสารทางด้านหลัง ช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระมากขึ้น

โครงสร้างตัวถังเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ได้รับการปรับปรุงด้วยเทคโนโลยีใหม่ Laser Blaze ทำให้การเชื่อมต่อของชิ้นส่วนโครงสร้างตัวถังกับหลังคารถแนบสนิทขึ้นกว่าเดิม รวมถึงมีการยิงโฟมเพื่อช่วยอุดรอยต่อช่องว่าง และยังได้มีการเพิ่มไมค์จาก 2 เป็น 3 ตัว เพื่อตรวจจับเสียงและส่งคลื่นเสียงหักล้างทำให้เสียงรบกวนจากภายนอกลดลง

ในด้านดีไซน์ภายนอกเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ แอคคอร์ด ทำได้อย่างน่าประทับใจ โดยคว้ารางวัลการออกแบบ Euro Car Body Award 2017 มาครองได้หลังการเปิดตัว นับว่าเป็นรถญี่ปุ่นเพียงไม่กี่คันที่สามารถทำผลงานเหนือรถยุโรปได้บนเวทีของยุโรป

ด้านดีไซน์ภายใน ออกแบบใหม่เช่นเดียวกัน แต่คงเส้นสายแนวทางการออกแบบของฮอนด้า เอาไว้ได้อย่างชัดเจน พื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างกว่าเดิม พร้อมด้วยไฮไลต์ฟังก์ชันล้ำสมัย เช่น ระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกหน้า (Head Up Display) และเครื่องเสียงหน้าจอขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และสามารถส่ังการด้วยเสียงได้ SIRI

เหนืออื่นใด ที่สุดของฮอนด้า แอคคอร์ด โฉมใหม่นี้จะมากับ ระบบความปลอดภัยแบบเต็มพิกัด ภายใต้ชื่อ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda Sensing) ซึ่งจะมีระบบต่างๆ เช่น ระบบเตินการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ, ระบบช่วยควบคุมให้รถอยู่ในช่วงทางเดินรถ, ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ, ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ

ทั้งนี้ยังมีในส่วนของระบบกล้องส่องภาพรอบทิศทาง, ระบบช่วยจอดพร้อมช่วยเบรก และ ระบบเตือนเมื่อรถยนต์เคลื่อนผ่านขณะถอย โดยระบบทั้งหมดที่กล่าวมานี้ได้รับการยืนยันว่าจะมีติดตั้งเป็นมาตรฐานสำหรับเวอร์ชันที่จะทำตลาดในเมืองไทยอย่างแน่นอน ส่วนจะมาในรุ่นย่อยใดบ้างนั้น คงต้องรอตอนเปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง

ไฮบริดเนียน นุ่มหนึบขึ้น

การขับทดสอบในครั้งนี้ทีมงานฮอนด้า เลือกจัดที่เมืองลองแองเจลีส เส้นทางวิ่งเลียบชายฝั่งทะเลแปซิฟิก ซึ่งในวันที่เราขับนั้นถือว่าแจคพอตใหญ่แตก เพราะมีฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้เราได้ทดลองขับท่ามกลางสภาวะแวดล้อมที่ย่ำแย่ นับว่าเป็นข้อดีอย่างหนึ่งที่จะได้เห็นจุดบกพร่องต่างๆ ของรถได้ง่าย ในทางกลับกันหากรถมีดีย่อมทำผลงานได้ดีแบบชัดเจนเช่นเดียวกัน แล้วผลลัพท์ของแอคคอร์ดเป็นอย่างไร…

ความรู้สึกแรกเราได้นั่งประจำการในตำแหน่งผู้บริหาร เบาะหลังกว้างขวางสะดวกสบาย โอ่โถงมาก เรียกว่า ไม่ต้องกลัวว่าเข่าจะชิดหรือขาจะติดแม้จะเป็นคนตัวใหญ่ก็ตาม เนื่องจากแอคคอร์ดใหม่นี้ มีการขยายฐานล้อให้ยาวขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า

ความนุ่มนวล และการดูดซับแรงกระแทกคือจุดเด่นที่สุดในความรู้สึกของผู้เขียน ตลอดการนั่งบนเส้นทางที่เปียกโชกไปด้วยนำ้และมีฝนตกลงมาตลอดเวลา แอคคอร์ดให้ความสบายเกินกว่าที่เราคาดไว้ บางจังหวะที่วิ่งผ่านลูกละนาดขนาดใหญ่ ยังรักษาความนุ่มและไม่มีอาการเด้ง แม้จะวิ่งผ่านด้วยความเร็วพอสมควร (หากขับแบบหยอดจะนุ่มนวลกว่า)

ด้านเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่แอคคอร์ดใหม่สร้างความประทับใจให้เรา เสียงที่ได้ยินดังที่สุดในห้องโดยสารเมื่อนั่งทางด้านหลังคือ เสียงฝนกระทบกระจกซันรูฟ เสียงจากยางที่บดถนนกับเสียงของเครื่องยนต์นั้นแทบไม่ได้ยิน แน่นอนว่ามาจากการจัดการโครงสร้างตัวถังใหม่ แต่ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากเสียงของฝนที่ตกตลอดเวลาด้วย ทำให้แทบไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์

เราได้นั่งทั้งหมดสี่รอบการขับที่ระยะทางราว 15 กม./รอบ สลับกันทั้งรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริดและเทอร์โบ1.5 ไม่ได้รู้สึกถึงความแตต่างแต่อย่างใดเมื่ออยู่ในตำแหน่งผู้โดยสารทางด้านหลัง สบายเหมือนกัน

เมื่อถึงคิวของการทดลองขับ เราได้ขับ รุ่น ไฮบริดก่อนเป็นลำดับแรก โดยการขับจำเป็นต้องทำตามกฎหมายจราจรของสหรัฐอเมริกาที่กำหนดความเร็วสูงสุดไว้ที่ 45 ไมล์/ชม. หรือราว 72 กม./ชม. ดังนั้นภาพรวมการขับจึงเป็นสไตล์ใช้งานในเมืองที่ความเร็วไม่สูงนัก ผลลัพท์คือตอบสนองได้อย่างทันใจดีเยี่ยม เกียร์แบบอี-ซีวีที ส่งกำลังได้อย่างเนียน การออกตัวดีงามกว่ารุ่นเครื่องยนต์เทอร์โบ

น้ำหนักพวงมาลัยไม่เบามือจนเกินไป ยิ่งเมื่อเปลี่ยนมาใช้โหมดการขับแบบสปอร์ต พวงมาลัยจะหนักขึ้นอีก รวมไปถึงอัตราเร่งที่ตอบสนองเร้าใจกว่าโหมดปกติแบบชัดเจนและมาตรวัดความเร็วจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเพิ่มความดุดัน ช่วงล่างให้ความรู้สึกที่นุ่มและหนึบแม้ว่าจะวิ่งบนถนนที่เต็มไปด้วยน้ำขัง เรียกว่าขับผ่านพายุฝนด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม

รอบถัดมาเป็นการขับในรุ่น 1.5 เทอร์โบ ชัดเจนด้วยความต่างเวลาที่ออกตัวรู้สึกได้ว่าช้ากว่ารุ่นไฮบริด แม้ว่าจะมีการปรับปรุงใหม่ ลดอาการเทอร์โบแล็ก(รอรอบ) แต่ก็เพียงพอสำหรับการขับขี่หาใครคิดว่าเครื่องเล็กแค่ 1.5 ลิตรจะขับเคลื่อนรถที่ตัวถังใหญ่ขนาดนี้ไหวหรือ ขอให้คิดใหม่ได้เลย มันออกจะเหลือเฟือด้วยซ้ำ แต่เราไม่กล้ายืนยัน 100% เนื่องจากข้อจำกัดของความเร็วตามกฎหมายทำให้เราไม่สามารถวิ่งความเร็วสูงกว่า 70 กม./ชม. ได้ เพราะค่าปรับแพงมากและมีรถตำรวจจอดเฝ้าอยู่บนเส้นทางที่เราวิ่งด้วย

ในแง่ของภาพรวมรุ่น เทอร์โบ ต้องบอกว่าไม่แตกต่างมากนัก นอกเหนือจากชุดคันเกียร์ปกติของรุ่นเทอร์โบกับ เกียร์ไฟฟ้า(ในรุ่นไฮบริด) จะมีเพียงเรื่องของแรงสั่นสะเทือนจากเครื่องยนต์ที่เรารับรู้ได้มากกว่าเวลาขับไฮบริดกับการตอบสนองในจังหวะออกตัวที่พอจะเป็นตัวจำแนกความต่างระหว่างรุ่นได้

ความรู้สึกในการเบรกเป็นอีกหนึ่งหัวข้อที่รู้สึกแตกต่างจากรุ่นก่อน ด้วยนำ้หนักเบรกที่ตอบสนองไม่ไวจนเกินไป ทำให้ไม่มีอาการเบรกหัวทิ่มง่ายๆ เหมือนรุ่นก่อนๆ

การทรงตัวทำได้ดี แม้ว่าจะไม่สามารถวิ่งด้วยความเร็วสูงได้ แต่ด้วยสภาพถนนที่เต็มไปด้วยน้ำขังและฝนที่ตกลงมาหนักทำให้เรามั่นใจว่า ช่วงล่างเซตอัพมาดี เราจึงขับด้วยความมั่นใจตลอดการทดสอบ แน่นอนว่าหลายคนคงมีข้อสงสัยว่า รถสเปคอเมริกาจะต้องทำได้ดีกว่ารถสเปคไทย อยากให้คนไทยทุกคนปรับทัศนคติตรงนี้เสียใหม่ เพราะด้วยความที่ ฮอนด้า วางตำแหน่ง แอคคอร์ด ในเมืองไทยเป็นเรือธงเพื่อต่อสู้ในตลาดรถหรูดังนั้น ฮอนด้า จึงตั้งใจทำแอคคอร์ดออกมาให้สู้กับรถยุโรปได้

หลังจบการทดลองขับแม้เป็นเพียงเส้นทางสั้นๆ ในระยะเวลาที่ไม่นานมาก แต่ก็เพียงพอที่จะรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ที่ต้องยอมรับว่าฮอนด้าทำ แอคคอร์ดใหม่ออกมาได้ดีเหนือความคาดหมายทั้งสองรุ่นเครื่องยนต์ ส่วนการทำตลาดในไทยสเปคและออพชันต่างๆ รวมถึงราคายังไม่สรุป ดังนั้นขอให้แฟนๆ ฮอนด้าทั้งหลายอดใจรออีกสักหน่อย หลังเปิดตัวแล้วมาดูกันอีกที

เหมาะกับใคร

ภาพรวมคือผู้บริหารซึ่งจะขับเองหรือนั่งทางด้านหลังก็ได้ ทั้งสองแบบ อยากได้ความประหยัดพร้อมอัตราเร่งที่เนียนเลือกรุ่นไฮบริด อยากดุดันให้เลือกรุ่นเทอร์โบ สำหรับเมืองไทยน่าจะทำตลาดด้วยราคาใกล้เคียงกับรุ่นก่อนหน้ารวมถึงคู่แข่งด้วย ดังนั้นคงต้องรอราคาจึงจะฟันธงได้ว่าน่าเล่นรุ่นใด

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0