พลังงาน ชิงประกาศให้ไทยเป็น "LNG HUB" ของอาเซียน ไตรมาสแรกปี 63 "สนธิรัตน์" เตรียมชงกพช.ไฟเขียวเดือนธันวาคมนี้ พร้อมเร่งนโยบายเร่งด่วน 3 เดือน ออกหลักเกณฑ์โรงไฟฟ้าชุมชน -แพคเกจหนุนรถอีวี
วันนี้(14 พ.ย.) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ได้ประชุมแผนขับเคลื่อนนโยบายเร่งด่วน (Policy Quick Start) ของกระทรวงพลังงานเป็นครั้งที่ 2 ร่วมกับผู้บริหารกระทรวงพลังงาน และหน่วยงานในสังกัด เพื่อติดตามความคืบหน้าประเด็นที่ได้มอบหมายให้ไปจัดทำกรอบการดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมายที่ชัดเจน เพื่อขับเคลื่อนนโยบายให้เกิดรูปธรรมโดยเร็ว
ในส่วนของการเป็นศูนย์กลางด้านก๊าซธรรมชาติเหลวของอาเซียน (LNG HUB) นั้น ซึ่งจะเริ่มดำเนินการแผนงานตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เพื่อผลักดันให้เป็น "LNG HUB" ที่เป็นรูปธรรม คาดว่าไตรมาสที่ 1 ของปี 2563 เราพร้อมประกาศความเป็น "LNG HUB" ได้ตามแผนงาน
"เราจะเริ่มค้าแอลเอ็นจีได้ในปีหน้า โดยบูรณาการสิ่งที่เรามีอยู่ และใช้ความได้เปรียบของไทย ที่มีความพร้อมทั้งท่าเรือ และคลัง ซึ่งต้องการนโยบายมาสนับสนุนการเปลี่ยนผ่าน โดยเฉพาะะการปลดล็อกกฎระเบียบต่างๆ เช่น ระเบียบของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ทั้งนี้จะนำเข้าคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)ในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งปตท.คงจะเป็นเจ้าหลักในการเทรดก่อน "
สำหรับ "โรงไฟฟ้าชุมชน" ที่จะมีรูปแบบต่างๆ จะนำเข้าที่ประชุมกพช.ได้กลางเดือน ธันวาคม 2562 เช่นกัน นอกจากนี้อีกนโยบายที่จะเร่ง คือ บทบาทกระทรวงพลังงานในเรื่องการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ถือเป็นสถานการณ์ ที่เร่งรัดเข้ามา และกำลังเป็นปัญหาสำหรับเมืองใหญ่ใน กทม. รวมถึงจังหวัดต่างๆ เช่น เชียงใหม่ ที่ต้องเผชิญ ซึ่งกระทรวงพลังงานจะผลักดันมาตรการที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งการส่งเสริมน้ำมันดีเซล บี 10 ที่ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งจะเร่งรัดให้เกิดตามแผน รวมถึงเรื่องการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) โดยจะประกาศนโยบายได้ในช่วง 1 - 2 เดือนนับจากนี้ ประกอบด้วย แผนส่งเสริมปริมาณรถยนต์ไฟฟ้า จักรยานยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีมาตรการประกาศให้น้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล อี 20 เป็นเบนซินหลักในต้นปีหน้า
สำหรับการปรับปรุงโครงสร้างราคาพลังงาน จะเร่งหารือทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงภาคประชาชนด้วย โดยจะเริ่มประชุมครั้งแรกสัปดาห์หน้า
“เรื่องที่หารือกันครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนใน 3 เดือน ที่ต้องเร่งรัดการทำงานร่วมกัน ซึ่งการทำงานลักษณะนี้จะเป็นการวางแผนไปข้างหน้า สามารถติดตามประเมินผลได้ โดยหากเป็นเรื่องเร่งด่วนจะประชุมทุก 2 สัปดาห์ และมีการประชุมภาพรวมทุกเดือน ทำให้การขับเคลื่อนแผนงานต่างๆ สอดรับเชิงนโยบาย และบรรลุเป้าหมายได้ โดยจะเน้นไปที่การวางทิศทางที่ชัดเจน เพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจฐานราก ให้สามารถขับเคลื่อนได้จากนโยบายพลังงาน "
