คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม และ ตัวแทนชาวบ้านซอยสุขุมวิท61 และซอยสุขุมวิท62(เอกมัย) คัดค้านการก่อสร้างอาคารสูงขนาดใหญ่ 43 ชั้น ของโครงการหนึ่ง ซึ่งส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งปัญหาการจราจร, ปัญหาไฟไหม้, ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ฝุ่นจากการก่อสร้าง PM 10, ปัญหาการใช้กฎหมายแบบเลี่ยงบาลี ตีความแบบที่อาจขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมาย
โดยคุณหญิงชฎา เปิดเผยว่า ซอยสุขุมวิท61 เป็นซอยตันและความกว้างถนนไม่ถึง 10 เมตร ไม่สามารถก่อสร้างตึกสูงเกิน 23 เมตร หรือประมาณ 7-8 ชั้น กระทั่งช่วงต้นปี 2562 รับแจ้งว่าจะมีโครงการก่อสร้างเกิดขึ้นในซอยซึ่งมีขนาดใหญ่และสูงสุดในละแวกนี้ มีขนาด 3 ตึก สูงที่สุด 43 ชั้น ซึ่งจะอยู่ในแนวเดียวกันกับบ้าน จึงห่วงว่าจะเกิดปัญหาเรื่องแรกคือด้านสิ่งแวดล้อมทั้งระหว่างก่อสร้าง และหลังก่อสร้าง แสงแดด ทิศทางลม มลภาวะ เสียง และปัญหาอื่น ๆ สองคือความปลอดภัยเนื่องจากเป็นการออกแบบถนนไม่เพียงพอให้รถดับเพลิงขับเข้าไปได้ ร่วมถึงการใช้สาธารณูปโภคร่วมกันกับคนในชุมชน สามคือการจราจรในย่านเอกมัย เพราะมีผู้ใช้ถนนเยอะมาก หากมีอาคารสูงเพิ่มขึ้น การจราจรย่อมต้องหนาแน่นตามไปด้วย และหากมีการอนุญาตให้ก่อสร้างโครงการนี้ เกรงว่าจะเป็นตัวอย่างแก่โครงการอื่น ๆ ให้เกิดการละเมิดสิทธิและอาจทำลายความเป็นชุมชนเดิม ซึ่งก่อนหน้านี้เคยทำหนังสือถึงหน่วยงานหลายหน่วยงาน และชี้แจงในการประชุมร่วมกับคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (คชก.) ด้านอาคารการจัดสรรที่ดิน และบริการชุมชน กรุงเทพฯ เกี่ยวกับรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือ EIA ถึงสองครั้งแต่ปัญหาก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขเท่าที่ควร และจะหารืออีกครั้งในวันที่ 28 พ.ค.นี้
ด้านนางมาลีน่า ปาละเสถียร สมาชิกชุมชน กล่าวว่า โครงการนี้ สร้างอาคารจอดรถติดกับฝั่งซอยสุขุมวิท61 สูงไม่เกิน 23 เมตร แต่ขุดชั้นใต้ดินลงไปอีก 7 ชั้น รวมทั้งหมด 18 ชั้น ขณะที่ถนนตามแบบรอบโครงการกว้าง 6 เมตร แต่หากสร้างจริงรอบอาคารจอดรถไม่มีทางถึง 6 เมตร นอกจากนี้ตามกฎกระทรวงพื้นที่รวมทั้งหมดของโครงการที่ติดกับถนนกว้างไม่เกิน 18 เมตร จะต้องมีขนาดไม่เกิน 30,000 ตารางเมตร แต่โครงการนี้มีพื้นที่รวมทั้งหมดมากกว่า 40,000 ตารางเมตร ส่วนที่จอดรถรองรับสูงกว่า 300 คัน ทำให้ปริมาณรถบนถนนเอกมัยเพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 17 ซึ่งเดิมทีการจราจรในถนนเอกมัยก็หนาแน่นอยู่แล้ว ส่วนตัวไม่ได้ต้องการให้หยุดการก่อสร้าง แต่อยากขอให้ปรับตามบริบทของสิ่งแวดล้อมและชุมชนโดยรอบ
ขณะที่นางนฤมล เมฆบริสุทธิ์ หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า ปัจจุบันมีชุมชนในกรุงเทพฯ เข้าร้องเรียนสูงถึง 14 ชุมชน ซึ่งตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคารฯ กำหนดชัดเจนว่าต้องรับฟังประชาชน แต่ที่ผ่านมากลับมีรายงานเท็จจำนวนมาก เนื่องจากโครงการก่อสร้างเหล่านั้นใช้วิธีทำแบบสอบถามแจกแก่ชาวบ้าน จึงฝากความหวังถึง คชก. ในฐานะที่มีความชำนาญด้านสิ่งแวดล้อม ให้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนลงมติให้โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ผ่าน EIA และหวังว่าหน่วยงานของรัฐจะทำหน้าที่ตรวจสอบเพื่อประชาชน ไม่ใช่ให้ประชาชนออกมาเรียกร้องสิทธิของตัวเอง