จากกรณีที่ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้นำเสนอบทสัมภาษณ์ของ นายมงคล บุญศักดิ์เลิศวิทยา อายุ 55 ปี เจ้าของคลิปดังที่มีการแชร์กันในสังคมออนไลน์ กรณีที่นายมงคล ถูกตำรวจเขียนใบสั่งในข้อหาบรรทุกสิ่งของโดยไม่มีสิ่งปกคลุม และยื่นล้ำออกมาจากตัวรถเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตามนายมงคล ได้ปฏิเสธว่าตนเองไม่ผิด และไม่ขอรับใบสั่งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วัดพระยาไกร พร้อมงัดข้อกฎหมายมาถามตำรวจ
ล่าสุด (8 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับ นายภีรสิทธิ์ จิระวงศ์ไพศาล อายุ 40 ปี หนึ่งในตัวแทนกลุ่มปลดแอกชาวสองล้อ เปิดเผยว่า กรณีของนายมงคล สื่อให้เห็นถึงพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่บนท้องถนน ว่า ถ้าคุณไม่มีความแม่นยำในข้อกฎหมาย และทำการกล่าวหาประชาชนธรรมดา ว่าทำผิดกฎหมาย โดยที่คุณยัดข้อหามั่ว และไม่สามารถชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจว่าผิดจริงหรือไม่ เหมือนเช่นกรณีของนายมงคล ที่ตำรวจตอบข้อหาไม่ได้ จนนายมงคลต้องสอนตำรวจไปว่า กฎหมายระบุไว้อย่างไรบ้าง
จากคลิปดังกล่าวที่เผยแพร่ออกไป ส่วนตัวเริ่มเกิดความไม่เชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรเช่นกัน ซึ่งถ้าตำรวจไม่แม่นกฎหมายเช่นนี้ ประชาชนจะเป็นผู้รับเคราะห์ อย่างเช่นกรณีดังกล่าว หากไม่แม่นกฎหมาย จะโดนแจ้งถึงสองข้อหา แต่ตอนนี้เท่ากับว่านายมงคลไม่โดน แบบนี้ทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธา และไม่เชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ส่วนเรื่องที่กฎหมายจราจรบางข้อล้าหลังหรือไม่นั้น ตนมองว่าหลาย ๆ ข้อถึงเวลาที่จะต้องปฏิรูปกฎหมาย ปฏิรูปตำรวจจราจร ทุกวันนี้เจ้าหน้าที่จราจรบางครั้งยังไม่แม่นข้อกฎหมาย การที่ตำรวจที่เป็นผู้บังคับใช้กฎหมายไม่แม่นข้อกฎหมาย “จะทำให้ประชาชนเชื่อถือได้อย่างไร ว่าตำรวจคนนั้นตัดสินถูกหรือผิด อีกทั้งตำรวจยังมีเปอร์เซ็นต์ใบสั่ง ประชาชนจะเชื่อมั่นได้อย่างไร ว่าตำรวจใช้ดุลยพินิจที่เป็นธรรมในการตัดสินข้อกฎหมายแต่ละข้อ”
ขณะที่นายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความชื่อดัง กล่าวถึงกรณีนี้ว่า นายมงคลมีสิทธิ์ที่จะไม่รับใบสั่งได้ หากมั่นใจว่าไม่ผิด ส่วนคนที่จะแจ้งข้อกล่าวหา ก็ต้องมั่นใจด้วยว่าเขามีความผิดจริง ซึ่งกรณีนี้ ประชาชนสามารถเลือกปฏิบัติได้ 2 วิธี คือ รับใบสั่งก่อน จากนั้นก็นำไปสั่งไปแจ้งกับพนักงานสอบสวนว่าขอปฏิเสธข้อกล่าวหาภายหลัง หรือ ปฏิเสธที่จะรับใบสั่งทันที ซึ่งหมายความว่าเป็นการปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยเจ้าหน้าที่สามารถส่งหมายเรียกตามไปทีหลังได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม กฎหมายปัจจุบันยังไม่มีการเอาผิดผู้ปฏิเสธรับใบสั่ง แต่เมื่อมีการพิสูจน์ข้อกล่าวหาแล้วพบว่ามีความผิด ผู้กระทำผิดก็จะต้องรับโทษนั้นอยู่ดี
ทั้งนี้ หากนายมงคลกระทำผิดจริง ก็จะต้องรับโทษในข้อหาบรรทุกสิ่งของโดยไม่มีสิ่งปกคลุม และยื่นล้ำออกมาจากตัวรถเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด โดยมีโทษปรับประมาณ 500 บาท แต่หากนายมงคลไม่ได้กระทำผิดจริง เท่ากับว่าเป็นการยัดข้อหา ซึ่งสามารถฟ้องร้องเอาผิดเจ้าหน้าที่ทางอาญา หรือฟ้องทางแพ่งเรียกค่าเสียหายจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้
ความเห็น 191
Amm Pattana
BEST
ตำรวจจราจรบางท่านอำนวยความสะดวกชั่วโมงเร่งด่วน ผมขอเป็นกำลังใจให้ครับ ตำรวจคนไหนทำนาบนหลังคนก็ขอให้ไม่เจริญครับ
09 ส.ค. 2560 เวลา 02.44 น.
BEST
ไม่รับ ตร.ก็ยึดกุญแจ ล็อกล้อ จะอ้างกฏหมายอะไรข้อไหน ถ้าตร.เห็นช่องว่างนิดหน่อยก็จับแล้ว.... เหมือนกรณีนี้... ไปๆมาๆเป็นข้อหาไม่คลุมผ้าให้มิดชิดซ่ะงั้น....
09 ส.ค. 2560 เวลา 00.57 น.
sitt
BEST
เวลาขึ้นศาลทนายไม่ได้ไปติดคุกด้วยนะสอนเเต่ละอย่างคนฟังเเล้วเอาไปเถียงตำรวจผิดๆถูกๆสุดท้ายติดคุกเองสบายไป555....พอเหอะพี่ผมก็ทนายไม่เคยสอนชาวบ้านให้ต่อต้านหัวหมอเคยเเต่บอกให้คุยกับเขาดีๆถ้าเราผิดก็ยอมรับผิดเเล้วทำให้ถูกกฎหมายดีกว่า
09 ส.ค. 2560 เวลา 02.31 น.
พี่หมื่น อรรจน์
ผมว่าน่ะ ทำให้ถูกกฎหมายใว้ ดีกว่าครับ
09 ส.ค. 2560 เวลา 02.26 น.
กริชชัย ธาราเสาวรภย์
ถ้าทำตามกฎหมายเขียนไว้ก็จบ ที่เถียงๆกันอยู่นี่เราทำถูกต้องตามกฎหมยหรือยัง
09 ส.ค. 2560 เวลา 01.15 น.
ดูทั้งหมด