นิวเดลี, 27 พ.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันพุธ (27 พ.ค.) เจ้าหน้าที่อินเดียเผยว่ามีค้างคาวตายหลายสิบตัวในรัฐพิหารและรัฐอุตตรประเทศของอินเดีย
ในรัฐพิหาร มีผู้พบค้างคาวตายที่เขตโภชปุร (Bhojpur) ในเมืองอารา (Ara) ขณะที่ในรัฐอุตตรประเทศ มีผู้พบค้างคาวตายในย่านเพลฆาฏ (Belghat) เมืองโครขปุร (Gorakhpur)
เจ้าหน้าที่ได้เก็บซากค้างคาวจากสถานที่ทั้ง 2 แห่ง และส่งไปตรวจสอบหาสาเหตุการตายอย่างเฉียบพลันของค้างคาว
"ทีมสัตวแพทย์จากสำนักงานสัตวบาลได้เดินทางไปยังหมู่บ้านตรารี (Tarari) หลังได้รับทราบข้อมูลว่ามีค้างคาวที่นั่นตายหลายสิบตัว พวกเขาเก็บตัวอย่างของเหลวจากค้างคาวและส่งไปตรวจที่สถาบันสุขภาพสัตว์และผลิตสัตว์ในเมืองปฏนา (Patna)" เจ้าหน้าที่กล่าว "เราต้องได้รับผลการรายงานก่อน จึงจะสามารถระบุสาเหตุการตายของค้างคาวได้"
สื่อท้องถิ่นรายงานว่าหมู่บ้านตรารีพบซากค้างคาวตายถึง 200 ตัว ฝ่ายเจ้าหน้าที่สัตวบาลเผยว่าได้ทำการฝังกลบซากค้างคาวในหลุมลึก 6 ฟุต
ขณะเดียวกัน การตายของค้างคาวที่ย่านเพลฆาฏ ในเมืองโครขปุร ได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับชาวบ้านในท้องถิ่น
เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่าสำนักงานป่าไม้ท้องถิ่นได้เก็บซากค้างคาวจากจุดเกิดเหตุ ก่อนส่งไปตรวจสอบหาสาเหตุการตายที่แน่ชัดที่สถาบันวิจัยทางสัตวแพทย์อินเดีย (IVRI) ในเมืองพเรลี (Bareilly)
ขณะนี้ บางพื้นที่ของอินเดีย เช่นรัฐอุตตรประเทศ กำลังเผชิญกับคลื่นความร้อน ทำให้ชาวบ้านท้องถิ่นเชื่อว่าค้างคาวอาจตายเพราะคลื่นความร้อนหรือยาฆ่าแมลง อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ระบุว่าพวกเขากำลังรอผลตรวจจากห้องปฏิบัติการ
"เราบอกอะไรเกี่ยวกับการตายของค้างคาวไม่ได้ จนกว่าจะมีหลักฐานที่แน่นหนามารองรับ" เจ้าหน้าที่ป่าไม้รัฐอุตตรประเทศกล่าว "เราต้องรอจนกว่าจะได้รายงานจากสถาบันวิจัยฯ"
ทั้งนี้ การตายอย่างผิดปกติของค้างคาวเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่อินเดียกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)
(แฟ้มภาพซินหัว : เมื่อปี 2018 นักวิจัยของศูนย์วิจัยทางการแพทย์นานาชาติในเมืองฟรานกาวิลลา ประเทศกาบอง ได้จับค้างคาวมาทำการตรวจหาไวรัสและทำการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่)
