วันที่ 26 พ.ค.63 ที่วัดขมิ้น หมู่ที่ 1 ตำบลเป็นสุข อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ ได้มีชาวบ้านจำนวนมากมาร่วมพิธีอันเชิญดวงวิญญาณของบรรพบุรุษและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สถิตย์อยู่ที่ต้นโพธิ์ภายในบริเวณวัดขมิ้น ให้ไปสถิตย์อยู่ที่ต้นโพธิ์อีกต้นหนึ่งที่อยู่ข้างสระน้ำของวัด เนื่องจากต้นโพธิ์ต้นนี้อยู่ใกล้กับถนนสายอำเภอจอมพระมุ่งหน้าอำเภอสตึกที่กำลังขยายมาถึงต้นโพธิ์ต้นนี้ โดยมีผู้เฒ่าผู้แก่และชาวบ้านได้นิมนต์พระมาทำพิธีสวด เนื่องจากเชื่อว่ายังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์และวิญญาณบรรพบุรุษยังคงอยู่ที่ต้นโพธิ์ต้นนี้ พร้อมทั้งได้นำหัวหมู ไก่ ปลา ผลไม้ นำส้ม น้ำเปล่า เหล้ามาวางที่หน้าต้นโพธิ์เพื่อประกอบพิธีเซ่นไหว้และอัญเชิญ
นางปาริชาติ ปานทอง อายุ 51 ปีผู้ใหญ่บ้านขมิ้น หมู่ที่ 1 บ้านขมิ้น ตำบลเป็นสุข อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ เล่าว่า ต้นโพธิ์ต้นนี้มีอายุมากกว่า 100 ปีตั้งแต่ตนเองยังไม่เกิด ซึ่งสมัยนั้นไม่มีที่ใส่กระดูกมนุษย์เวลาเผาเสร็จแล้ว ชาวบ้านจึงนำกระดูกของบรรพบุรุษที่เผาแล้วมาฝั่งไว้ที่ใต้ต้นโพธิ์แห่งนี้ ซึ่งมีทั้งหมดด้วยกัน 3 ต้น จนต้นโพธิ์ใหญ่โตและโอบล้อมกระดูกของบรรพบุรุษไว้ใต้ดินจนถึงปัจจุบัน
สำหรับต้นโพธิ์ต้นนี้อยู่ติดกับกำแพงวัดข้างถนนเส้นมาจากอำเภอจอมพระ มุ่งหน้าอำเภอสตึก พอมาวันนี้ถนนที่กำลังจะก่อสร้างเส้นจากอำเภอจอมพระ มุ่งหน้าไปอำเภอสตึก ได้ขยายมาจนถึงต้นโพธิ์ต้นนี้ ดังนั้น ทางผู้ใหญ่บ้าน พร้อมผู้เฒ่าจึงได้ร่วมกันทำพิธีสวดอันเชิญเหล่าวิญญาณของบรรพบุรุษที่อยู่ใต้ต้นโพธิ์หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เรามองไม่เห็นเชิญท่านไปสถิตย์อยู๋ที่ต้นโพธิ์อีกต้นหนึ่งที่อยู่ข้างสระวัดขมิ้น
"จากการบอกเล่าของผู้เฒ่าคนแก่เก่าก่อนที่เกิดมาพร้อมกับต้นโพธิ์ ได้มีการบอกกล่าวกันรุ่นต่อรุ่นจนมาถึงรุ่นสมัยนี้ ว่าต้นโพธิ์ต้นนี้แต่ก่อนนั้นมีอยู่ 3 ต้น ต้นหน้าวัดและต้นข้างสระวัด ส่วนต้นข้างสระนั้นจะมี 2 ต้น แต่ได้ตัดออกไปแล้ว 1 ต้นจนตอนนี้เหลือ 2 ต้น สมัยนั้นหมู่บ้านนี้เป็นบ้านขนาดใหญ่ มีชื่อบ้านว่าบ้านขมิ้น แต่บ้านนี้มีต้นโพธิ์ 3 ต้น แล้วจึงมาแยกออกอีกหมู่บ้านชื่อว่าบ้านโพธิ์งาม แต่ก็ยังใช้สถานที่วัดเดียวกันทำพิธีทางศาสนาอยู่ จนมาถึงวันนี้ทางหลวงได้มาทำถนนขยายถนนจนถึงจะต้องเอาต้นโพธิ์หน้าวัดออกไป แล้วต้นโพธิ์ต้นนี้ก็มีกระดูกของบรรพบุรุษที่สมัยนั้นนำมาฝั่งไว้ ชาวบ้านต่างเชื่อว่าต้นโพธิ์ต้นนี้ยังมีวิญญาณและสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่จึงอัญเชิญตามความเชื่อของผู้เฒ่าต่อมา" นางปาริชาติ กล่าว
