จากกรณีชาวบ้านจาก จ.มหาสารคาม ร้อยเอ็ด และสุรินทร์ เดินทางเข้าแจ้งความที่กองปราบปราม เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 61 เพื่อให้ดำเนินคดีกับร่างทรงคนหนึ่งใน จ.ร้อยเอ็ด หลังจากที่ชาวบ้านรู้ตัวว่าหลอกให้ขุดทรัพย์โบราณสมัยนครจำปาศรี
วันที่ 17 พ.ย. 61 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ลงพื้นที่บ้านหัวโสก ต.หนองโพธิ์ อ.นาเชือก จ.มหาสารคาม โดยนางคำเผย ปินะถา อายุ 61 ปี ผู้เสียหาย ได้พาทีมข่าวไปดูหลุมที่ร่างทรงให้ขุดหาสมบัติกลางไร่มัน ซึ่งเป็นที่ดินของน้องสาวเจ้าตัวคือนางสิน โดยหลุมถูกดินกลบลงบางส่วนแล้ว เพราะเดิมทีหลุมนี้มีความลึกถึง 1 เมตร
โดยนางคำเผย ระบุว่าตนไม่ได้มาร่วมพิธีขุดหลุมนี้ แต่น้องสาวของตนได้นำของที่ได้จากหลุมนี้มาฝากไว้ ประกอบด้วย ขวานทองเหลือง ที่มีรอยเก่าและรอยดำ และโกศใส่กระดูกทองเหลือง ซึ่งยังเป็นของใหม่อยู่ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสมบัติที่น้องสาวขุดจากหลุม และมาทราบภายหลังว่าของทั้งหมดเป็นของปลอม ไม่ใช่ของเก่าอย่างที่ร่างทรงกล่าวอ้าง
นางคำเผย กล่าวว่า ตนเสียเงินกว่า 5 หมื่นบาทให้กับนายทศพร ผู้อ้างว่าเป็นร่างทรง เพราะความศรัทธาในตัวร่างทรงคนนี้ ถึงขั้นเรียกว่า “ครู” โดยเขามักจะอ้างว่าตัวเองเป็นร่างทรงพญานาคพ่อปู่ศรีสุทโธ จากป่าคำชะโนด และมาตั้งศาลให้คนในหมู่บ้าน เพื่อทำให้บ้านมีความสุข อีกทั้งร่างทรงเป็นคนดูดวงแม่น โดยแนะนำให้คนที่ไม่สบายไปต่อดวงชะตา และยังเคยทำนายว่าถ้าหากตนไม่ตั้งศาลก็จะทำให้ไม่สบาย ซึ่งตนก็ไม่สบายจริง ๆ ด้วยอาการปวดขา แต่ก็หายไปเองโดยไม่ได้ตั้งศาลอย่างที่ร่างทรงแนะนำ
สำหรับสาเหตุที่ตนยอมมอบเงินจำนวนกว่า 5 หมื่นบาทให้ร่างทรงนั้น เพราะนางสิน น้องสาวของตนไปขุดสมบัติขึ้นจากพื้นมาได้ และร่างทรงก็อ้างว่า ให้ตนนำเงินไปร่วมทำพิธี เพราะถ้าหากได้สมบัติจากหลุมก็จะเอาไปขายและนำเงินมาแบ่งให้ ซึ่งตนก็ยอมขายวัว และกู้หนี้ยืมสินว่า 5 หมื่นบาทมามอบให้ด้วยการนำใส่ขัน ซึ่งหลังจากนั้นตนก็ไม่ได้เงินคืนมาอีกเลย และเมื่อทวงถาม นายทศพรก็บอกว่า “เดี๋ยวได้คืน” แต่ก็ไม่เคยได้คืนจนถึงทุกวันนี้
ด้าน นางแสง พิมพิชัย ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนรู้จักร่างทรงมาตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งตนก็ได้เข้าไปดูดวง และร่างทรงทักชื่อสามีของตนที่เสียชีวิตไปแล้วได้ถูกต้อง จึงทำให้รู้สึกศรัทธา และเขายับอกอีกว่า วิญญาณสามีของตนนั้นอดอยาก ไม่สบาย ไม่มีเงิน จึงสั่งให้ตนนำบัตร ATM มาทำพิธีส่งเงินให้กับสามีที่ตาย ด้วยการนำบัตรไปใส่ในขันสแตนเลส ใส่ผ้าข้าว ธูปเทียน และให้ยกขึ้นหิ้งไว้ หลังจากนั้นนายทศพร ร่างทรงคนดังกล่าวได้พาตนไปที่ตำหนักของเจ้าตัวโดยบอกว่าจะไปสวดทำพิธีส่งเงินให้คนตาย และบอกกับตนว่าสามีได้รับเงินแล้ว วิญญาณสามีตนกำลังยิ้มและดีใจที่ได้เงิน ซึ่งตนก็ไม่ได้กลับไปดูอีกเลยว่าบัตร ATM ยังอยู่ในขันอีกหรือไม่
กระทั่งในเวลาต่อมา ลูกสาวของตนโทรมาถามว่าเงินในบัตร ATM จำนวน 8 หมื่นบาทหายไป ซึ่งเมื่อตนไปถามนายทศพรก็บอกว่าสาเหตุที่ลูกของตนมองไม่เห็นเงินในบัตร เพราะเจ้าตัวสวดปิดไม่ให้ใครเห็นเงิน ซึ่งหลังจากนั้นตนก็นำบัตรที่นายทศพรเสกให้ไปกดเงิน ก็พบว่ามีเงินอยู่ในบัญชีอยู่เพียง 5 หมื่นบาท ซึ่งเงินส่วนนี้นายทศพรก็ยังบอกตนอีกว่า ถ้านำเงินไปใช้จะทำให้มีอันเป็นไป ให้นำเงินมาสวดทำพิธีก่อนถึงจะใช้ได้ แต่เมื่อตนมอบเงินให้นายทศพรไปก็ไม่เคยได้เงินคืนอีกเลย
นางแสงเชื่อว่า นายทศพรอาจขโมยบัตร ATM ไปตั้งแต่วันที่ใส่ขันทำพิธี และคงแอบดูรหัส ATM จากที่ตนจดโน้ตใส่กระดาษและเก็บไว้ในบ้าน และออกอุบายว่าเสกบัตร ATM ออกมา ทั้ง ๆ ที่บัตรนั้นอยู่ที่นายทศพรอยู่แล้ว หลังจากนั้นตนก็ยังเชื่อและไม่ได้ปรึกษาใครกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะนายทศพรนั้นออกอุบายให้ตนและเหยื่อรายอื่น ๆ ดื่มน้ำร่วมสาบานว่าจะไม่พูดถึงเรื่องพิธีกรรม และเรื่องทรัพย์สินกับใคร เพราะจะทำให้มีอันเป็นไป ซึ่งตนก็ไม่ได้พูดกับใคร และคงต้องหลบญาติพี่น้องเพราะกลัวจะมาถาม
นางแสง กล่าวต่อว่า ช่วงเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา นายทศพรได้ออกอุบายให้ไปขุดหาสมบัติ โดยบอกว่ามีของมีค่าในที่ดินของตน ตนก็หลงเชื่อเพราะนายทศพรบอกว่าสามารถเรียกให้ผีนำมาให้ได้ ซึ่งนายทศพรมักมีคำสวดติดปากคำว่า “ผีตายวันเสาร์ เผาวันอาทิตย์ ให้นำของมาให้” และวันที่ขุดก็ขุดลึกไปประมาณ 1 เมตร แต่ก็ไม่พบอะไร ซึ่งระหว่างนั้นนายทศพรก็สวดคาถา และรดน้ำมนต์เทลงไปประมาณ 2 ถัง และปรากฏว่ามีสมบัติขึ้นมาจริง ๆ ประกอบด้วยกำไลทองฝังเพชรพลอย กำไลทองเหลือง โกศใส่กระดูกทองเหลือง และพระเครื่องอีกหลายองค์ ซึ่งตนก็ยังสงสัยว่าของเหล่านี้มาอยู่ในดินของตนได้อย่างไร เพราะเป็นพื้นที่ไม่มีรอยขุดและมีหญ้าขึ้น ส่วนนายทศพรก็ไม่รู้จักที่นาของตน จึงเป็นไปไม่ได้ว่าจะแอบนำของไปฝังไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งสุดท้ายตนก็มารู้ว่าของทั้งหมดไม่ใช่ของเก่ามีค่าอย่างที่ร่างทรงบอก
อย่างไรก็ตาย นางแสงยอมรับว่าตนเสียความรู้สึกมากกับสิ่งที่นายทศพรทำ เพราะนำความเชื่อที่ตนศรัทธาพระธาตุนาดูนมาหลอกตน ประกอบกับบ้านตนอยู่ไม่ไกลกับพระธาตุนาดูน จึงทำให้ตนหลงเชื่อ นอกจากนี้เมื่อตนทวงเงินคืน เจ้าตัวก็มักจะบ่ายเบี่ยงและไม่ยอมคืนเงิน ซึ่งตนสูญเงินทั้งหมดไปกว่า 2 แสนบาท