โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ชายฉกรรจ์กว่า 30 คนบุกยึดโรงแรมดังพัทยา ต้อนนักท่องเที่ยวต่างชาติออก หลังมีปัญหากู้เงินกว่า170 ล้าน

สยามรัฐ

อัพเดต 24 มิ.ย. 2562 เวลา 08.51 น. • เผยแพร่ 24 มิ.ย. 2562 เวลา 08.51 น. • สยามรัฐออนไลน์
ชายฉกรรจ์กว่า 30 คนบุกยึดโรงแรมดังพัทยา ต้อนนักท่องเที่ยวต่างชาติออก หลังมีปัญหากู้เงินกว่า170 ล้าน

เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2562 ผู้สื่อข่าวได้รับร้องเรียนจากตัวแทน บริษัท ยูโร สตาร์ จำกัด ว่าถูกกลุ่มเจ้าหนี้บุกเข้ากดดันยึดโรงแรม ยูโรสตาร์ ตั้งอยู่ซอยจอมเทียน 1 ริมชายหาดพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยไม่ได้รับความเป็นธรรม ทำให้เกิดความหวาดกลัว ทรัพย์สินสูญหายและเสียหายหลายรายการ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน ที่ผ่านมา ทางบริษัทเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องและไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงได้นำเอกสารต่างๆ และรูปถ่ายมาเป็นหลักฐานประกอบเข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชนและในวันที่ 24 มิถุนายน 2562 เวลา 14.00 น.ได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา

โดยนายสิทธิชัย จารุรักษา ทนายตัวแทนของบริษัท ยูโร สตาร์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2558 ทางบริษัท ยูโรสตาร์ ได้ไปขอกู้ยืมเงินมาหมุนเวียนจาก บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในจำนวนเงิน 170 ล้านบาท มีการตกลงจ่ายดอกเบี้ยร้อยละ 1.50 บาท/เดือน และมีการชำระทุกเดือน แต่ในการปล่อยเงินกู้ต้องมีการโอนกรรมสิทธิ์ไปก่อน ซึ่งทางยูโรสตาร์ ก็ได้ยินยอมทำสัญญาแต่ได้มีการทำสัญญาซื้อคืน หลังจากนั้นได้เกิดมีข้อพิพาทขึ้น เมื่อทาง บริษัทดังกล่าว พร้อมด้วย จนท.จากกองบังคับคดี จนท.ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ตร.ท่องเที่ยวพัทยา และชายฉกรรจ์ มาเป็นทีมเกือบ 30 คน เพื่อเข้ามาทำการปิดล้อมขับไล่ ทางทนายของบริษัทยูโร สตาร์ จึงได้เข้าเจรจาต่อรอง เนื่องจากในคดีนี้หลังจากมีการยินยอมแล้ว ทางบริษัทรายดังกล่าวได้มีการแถลงเท็จเพื่อรายงานกับพนักงานบังคับคดี ว่าทางฝ่ายจำเลยไม่ยอมส่งมอบทรัพย์สิน จึงมีการขอออกหมายจับ และมาปิดล้อมปักป้ายเพื่อทำลายทรัพย์สิน มีการลักทรัพย์กล้องวงจรปิดและเซฟเวอร์ต่างๆ ซึ่งเป็นการกระทำผิด ทางบริษัท ยูโรสตาร์ ได้มอบอำนาจให้ตนได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เนื่องจากคดียังไม่สิ้นสุด ทางบริษัท ยูโรสตาร์ ได้มีการยื่นคำร้องเข้าไป 2 ฉบับ เพื่อคัดค้านและแสดงอำนาจพิเศษ ซึ่งศาลได้รับคำร้องไว้เรียบร้อยแล้ว และอยู่ในระหว่างที่ต้องมีการไต่สวนต่อไป

นายสิทธิชัย กล่าวต่อว่าบริษัทดังกล่าว มีเบื้องหลังน่าจะเป็นนอมินี ของคนต่างชาติ ได้ใช้กฎหมายเพื่อมาเล่นงานคนไทย และอยากส่งข้อความคิดเห็นนี้ไปถึง พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ ให้เข้ามาดูข้อเท็จจริงคดีนี้ เพราะมีการเรียกร้องเงินทองมหาศาลถึง 300 กว่าล้าน จึงอยากให้ส่งทีมงานเข้ามาตรวจสอบ เนื่องจากทางบริษัทโดนข่มขู่มาโดยตลอด กระทั่งในขณะที่ได้มีการแถลงข่าวยังมีการส่งชายฉกรรจ์เข้ามาควบคุมดูแล ทั้งที่กองบังคับคดีฯ ได้แจ้งว่ายังไม่สามารถส่งการครอบครองทรัพย์สินให้ได้ เนื่องจากยังอยู่ในการโต้แย้งทางคดีกันอยู่ และได้มีการแสดงหลักฐานการแจ้งคัดค้านคดีให้ดูแล้ว แต่ก็ยืนยันว่าจะเข้ามาปิดล้อมตัวโรงแรมไว้ให้ได้ “เหตุการณ์ในวันนั้นได้มีชายฉกรรจ์ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจรวมแล้ว ประมาณ 30-40 คน คล้ายกับว่าน่าจะมีการเตรียมการไว้ล้วงหน้า ด้วยการกระทำคือ บางส่วนได้ทำการเชื่อมเหล็กล้อมรั้ว ปิดโรงแรม บางส่วนได้ตัดกล้องวงจรปิดและทำลายเซฟเวอร์กล้องวงจรปิด ซึ่งในระหว่างนั้นมีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ 30-40 ชีวิต รับประทานอาหารและพักอยู่ภายในโรงแรมด้วย ก็ได้ถูกขับไล่ให้ไปกับรถตู้ออกไปทั้งหมด สร้างความตกใจให้กับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก จึงนำความเข้าแจ้งร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา พร้อมกับได้พาเดินสำรวจดูบริเวณที่ถูกล้อมรั้วด้วยโครงเหล็กปิดด้วยแผ่นเมทัลชีท จุดที่กล้องวงจรปิดถูกถอดออกไป จุดที่โดนตัดไฟฟ้าซึ่งเป็นของการไฟฟ้า รวมไปถึงจุดที่ทางคู่กรณีได้นำป้าย ระบุอาคารนี้เป็นทรัพย์สินของ บริษัทฯห้ามบุคคลภายนอกเข้าพื้นที่ ผู้ใดฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย” นายสิทธิชัย กล่าว ทางด้านเจ้าของโรงแรมยืนยันว่าจะดำเนินคดีจนถึงที่สุด เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติพร้อมครอบครัว หลังเกิดเหตุได้บินกลับประเทศเลยในทันที พร้อมอีเมลแจ้งว่า ตกใจกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย ทั้งที่มาเที่ยวเมืองไทยเป็นประจำทุกปีและพักผ่อนนานเป็นเดือน ไม่เคยเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนเลย

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0