โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ชัดชัดกันไปเลย "บิณฑ์" จะงานเข้า โดนสรรพากรเรียกเก็บเงินหรือไม่

NATIONTV

อัพเดต 18 ก.ย 2562 เวลา 01.39 น. • เผยแพร่ 18 ก.ย 2562 เวลา 00.35 น. • คมชัดลึก
ชัดชัดกันไปเลย บิณฑ์ จะงานเข้า โดนสรรพากรเรียกเก็บเงินหรือไม่
ชัดชัดกันไปเลย บิณฑ์ จะงานเข้า โดนสรรพากรเรียกเก็บเงินหรือไม่

จากกรณีที่ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ได้เป็นตัวกลางในการเปิดรับบริจาคผ่านทางบัญชีส่วนตัว ซึ่งหลังจากเปิดรับก็มีประชาชนโอนเงินเข้ามาช่วยเหลือผู้ประสบภัยจำนวนมาก

จากกรณีสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ทำให้พี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อนหลายครัวเรือน โดยที่ผ่านมา บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ได้ประกาศผ่านเพจตนเอง เตรียมเดินทางไปช่วยเหลือและมอบเงินให้แก่พี่น้องชาวอุบล ที่กำลังเผชิญวิกฤตน้ำท่วม เมื่อวันที่ 16ก.ย.62ซึ่งผ่านไปเเค่ไม่กี่วัน ยอดบริจาคพุ่งไปเเตะหลายร้อยล้านล่าสุดเพจเฟซบุ๊ก TaxBugnoms ได้ออกมาโพสต์ข้อความ โดยมีเนื้อหาดังนี้การรับเงินบริจาคแบบพี่บิณฑ์แบบนี้

จะโดนส่งข้อมูลให้พี่สรรพากรไหมครับ?

มีหลายคนถามปัญหานี้เข้ามา พร้อมกับแทคเพจTaxBugnomsให้พรี่หนอมช่วยตอบที ขออนุญาตตอบเป็นความเห็นโดยอ้างอิงตามหลักการกฎหมายดังนี้ครับ1. ถ้าถามว่า จะโดนส่งข้อมูลไหม คำตอบคือ ถ้าเข้าเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดไว้ นั่นคือ ตั้งแต่ 3,000 ครั้ง/ปี ขึ้นไป หรือ 400 ครั้ง/ปี และมียอดเงินตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป ย่อมจะถูกส่งข้อมูลอยู่แล้วครับดังนั้น ถ้าถามว่ากรณีพี่บิณฑ์ถูกธนาคารส่งข้อมูลให้สรรพากร คำตอบคือ ต้องถูกส่ง และถูกส่งภายในวันที่ 31 มีนาคม 2563 ตามเงื่อนไขของกฎหมาย2. แต่ประเด็นต่อคือ จะถูกประเมินภาษีไหม? คำตอบตรงนี้ต้องแยกก่อนว่า กรณีที่ธนาคารส่งข้อมูลให้กับสรรพากรนั้น ทางสรรพากรเองไม่สามารถประเมินภาษีได้ทันที หรือถ้าจะประเมินจากกรณีนี้ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ถูกต้องสักเท่าไร เพราะตัวพี่บิณฑ์เองน่าจะมีหลักฐานการบริจาคที่ชัดเจนให้เห็นอยู่แล้วว่า เงินที่เข้าบัญชีหมด ได้ถูกส่งต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยเหลือเรื่องน้ำท่วมต่อไปถ้ามองในแง่ของการทำงาน และหลักฐาน โดยส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะมีการประเมินภาษีจากกฎหมายในส่วนนี้ได้ เพราะว่าเงินที่ได้มานั้นมันมีหลักฐานการเข้าออกบัญชีที่พิสูจน์ได้ว่า ไม่ใช่รายได้ของพี่บิณฑ์ แต่เป็นเพียงทางผ่านของเงินไปเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ประสบปัญหาดังนั้น กฎหมายฉบับนี้ไม่สามารถเก็บภาษีได้ครับ จากหลักฐานที่ว่ามา และมันเป็นเครื่องยืนยันอย่างนึงให้เราเข้าใจว่า ถ้าหากเรามีหลักฐานการใช้จ่ายเงิน หรือรับเงินที่พิสูจน์ได้ ต่อให้ถูกส่งข้อมูลให้สรรพากรไปจริงๆ ก็ไม่สามารถประเมินภาษีได้3. ถ้าหากจะมองในแง่ของปัญหาด้านภาษีจริงๆ อาจจะไปดูที่เรื่องของ#ภาษีการรับให้น่าจะเป็นไปได้มากกว่า เพราะว่ากรณีนี้มีการได้รับเงินมากกว่า 10 ล้านบาทแน่ๆ และถ้ามองในแง่ของกฎหมาย การให้เงินทั้งหมดนี้ จะถูกตีความว่าเป็นการอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยา ให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธีหรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณีจากบุคคลอื่นหรือเปล่า อันนี้ขึ้นอยู่กับว่าทางสรรพากรเองมองไปในทางไหน(เพิ่มเติม) ถ้าให้มองจริงๆ เงินก้อนนี้ควรได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ที่ได้รับจากการให้โดยเสน่หาที่ผู้ให้แสดงเจตนาใช้เพื่อกิจการสาธารณประโยชน์มากกว่าอย่างไรก็ดี พรี่หนอมคิดว่าเรื่องใหญ่ที่คนในชาติกำลังช่วยเหลือกันแบบนี้ คงไม่มีใครจะมาคิดจัดเก็บภาษีจากเงินก้อนนี้หรอกครับ เพราะเราก็รู้กันดีว่าเงินก้อนนี้ถูกใช้เพื่อช่วยเหลือคนอื่นต่อ ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของตัวเองจริงไหมครับ?โพสนี้ถือว่าแลกเปลี่ยนเป็นความรู้และมุมมองการวิเคราะห์เรื่องภาษีดีกว่าครับ และเป็นการย้ำเตือนว่า บัญชีรายรับรายจ่าย หรือรายการต่างๆในบัญชี เป็นเรื่องที่เราทุกคนควรให้ความสำคัญกับมันครับข้อกฎหมายทีเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 48)

พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 40)

มาตรา 42(29)

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0