โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

"ชวน" เข้ม! ออกกฏห้ามกมธ.เชิญมั่ว ให้ "ปธ.กมธ." รายงานต่อ "ประธานสภาฯ" ทุกวันศุกร์

สยามรัฐ

อัพเดต 18 พ.ย. 2562 เวลา 04.29 น. • เผยแพร่ 18 พ.ย. 2562 เวลา 04.26 น. • สยามรัฐออนไลน์

"ชวน" เข้ม ออกกฏห้ามกมธ.เชิญมั่ว ให้ "ปธ.กมธ." รายงานต่อ "ปธ.สภา" ทุกวันศุกร์ พิจารณาเรื่องไหน ประเด็นอะไร เชิญใคร กันทำงานซ้ำซ้อน ให้อำนาจ "ปธ.สภา" ชี้ขาดใครดำเนินการ หากทำมากกว่าหนึ่งคณะแล้วตกลงกันไม่ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 31 ต.ค.62 ที่ผ่านมา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ออกประกาศระเบียบสภาผู้แทนราษฎร ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการกระทำกิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใดที่มีความเกี่ยวข้องกันของคณะกรรมาธิการหลายคณะ พ.ศ. 2562 มีเนื้อหาว่า
โดยที่เป็นการสมควรให้มีระเบียบสภาผู้แทนราษฎรว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการกระทำ
กิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใดที่มีความเกี่ยวข้องกันของคณะกรรมาธิการหลายคณะ

อาศัยอำนาจตามความในข้อ 4 และข้อ 90 วรรคหก แห่งข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พศ. 2562 ประธานสภาผู้แทนราษฎรจึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า "ระเบียบสภาผู้แทนราษฎรว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการกระทำกิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใดที่มีความเกี่ยวข้องกันของคณะกรรมาธิการหลายคณะ พ.ศ. 2562

ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นตันไป

ข้อ 3 ในระเบียบนี้
"ประธานสภา" หมายความว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎร
"คณะกรรมาธิการ" หมายความว่า คณะกรรมาธิการสามัญของสภาผู้แทนราษฎร
"ที่ประชุม" หมายความว่า ที่ประชุมร่วมกันระหว่างประธานสภาและประธานคณะกรรมาธิการ
ที่เกี่ยวข้องทุกคณะ

ข้อ 4 เมื่อคณะกรรมาธิการจะกระทำกิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใด ให้ประธานคณะกรมาธิการทุกคณะรายงานต่อประธานสภาทราบภายในวันศุกร์ของทุกสัปดาห์ ว่าจะมีการพิจารณา
เรื่องใด ประเด็นใด และเชิญผู้ใด หรือหน่วยงานใดเข้าร่วมการพิจารณาในสัปดาห์ถัดไป

ข้อ 5 ให้ประธานสภาตรวจสอบรายงานตามข้อ 9 หากพบว่ามีคณะกรรมาธิการมากกว่าหนึ่งคณะ
จะกระทำกิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใดที่มีความเกี่ยวข้องกัน ให้ประธานสภาแจ้งให้ประธานคณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องทราบโดยไม่ชักข้า และจัดให้มีการประชุมร่วมกันระหว่างประธานสภาและประธานคณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องทุกคณะ เพื่อร่วมกันดำเนินการ ทั้งนี้ ให้คณะกรมาธิการที่เกี่ยวข้องยุติการกระทำกิจการ
พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องนั้นไว้เป็นการชั่วคราว ในกรณีที่ไม่อาจยุติการดำเนินการดังกล่าวได้ ให้คณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจไปพลางก่อนได้ แต่ต้องไม่เกินเจ็ดวันนับแต่วันที่ประธานสภาแจ้งให้ทราบ

ข้อ 6 การร่วมกันดำเนินการตามข้อ 5 อาจพิจารณาดำเนินการในลักษณะใดลักษณะหนึ่งดังต่อไปนี้
(1) ให้คณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องทุกคณะร่วมกันกระทำกิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง
หรือศึกษาเรื่องนั้น โดยตกลงร่วมกันให้ประธานคณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องคณะใดคณะหนึ่งเป็นประธานในการดำเนินการดังกล่าว หากไม่อาจตกลงกันได้ ให้ประธานสภาเป็นผู้กำหนด
(2) ให้คณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องทุกคณะร่วมกันกระทำกิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง
หรือศึกษาเรื่องนั้น โดยให้คณะกรรมาธิการคณะใดคณะหนึ่งเป็นหลักในการดำเนินการ และให้คณะกรรมาธิการคณะอื่นที่เกี่ยวข้องส่งกรรมาธิการตามจำนวนที่ที่ประขุมกำหนดเข้าร่วมการดำเนินการนั้นด้วย
(3) แนวทางอื่นที่ที่ประชุมเห็นชอบให้คณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องร่วมกันดำเนินการ เมื่อที่ประชุมเห็นขอบให้ร่วมกันดำเนินการตาม (1)(2) หรือ (3) แล้ว ให้ประธานสภาแจ้งคณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องทุกคณะทราบเพื่อดำเนินการต่อไป

ข้อ 7 ในกรณีที่มีญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ให้ประธานสภาเป็นผู้มีอำนาจวินิจฉัย และคำวินิจฉัยของประธานสภาให้ถือเป็นเด็ดขาด

ข้อ 8 ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้

ประกาศณวันที่ 31ต.ค. 2562 ลงชื่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร

ทั้งนี้ ระเบียบดังกล่าวออกมาภายหลังเกิดปัญหากรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ออกหนังสือเชิญพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ถึง 3ครั้ง ให้มาชี้แจงกรณีเสนอร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจําปี 2563 โดยไม่ถูกต้อง เนื่องจากยังถวายสัตย์ไม่ครบถ้วน

ล่าสุดมีการอ้างถึงการใช้อำนาจออกคำสั่งเรียกตามพ.ร.บ.คำสั่งเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ด้วย ซึ่งในขณะนี้ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย มาตรา 5 มาตรา 8 และมาตรา 13 เกี่ยวกับการใช้อำนาจออกคำสั่งเรียกรวมถึงบทลงโทษทางอาญาให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 129 หรือไม่ตามคำร้องของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0