โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ชวนเช็คความหวาน หน้าร้อนนี้เลือกแก้วไหน ให้หุ่นปังไม่พังตามอากาศ

HealthyLiving

อัพเดต 23 เม.ย. 2562 เวลา 10.13 น. • เผยแพร่ 17 เม.ย. 2562 เวลา 00.00 น. • Healthy Living
SugarTest_03.jpg

จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อทีมงาน healthy living พกเครื่องตรวจปริมาณความหวาน ตะลุยส่องน้ำตาลในน้ำดับกระหายยอดฮิต กลางตลาดนัดสวนจตุจักร ทั้งสายน้ำผลไม้ สายสมุนไพร สายโซดา ยันสายชานม!

มาดูกันว่าแต่ละแก้วจุความหวานเท่าไหร่กันบ้าง และจะหยิบแก้วไหนดีไม่ให้ร้อนนี้รอบเอวพุ่งตามอุณหภูมิของอากาศ ไปค่ะ!

งานนี้เราจะวัดความหวานกันอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ใช้เครื่องมือที่มีชื่อว่า Brix Meter ที่ใช้กันอย่างจริงจังในอุตสาหกรรมอาหาร เพื่อวัดค่าความหวานของผักและผลไม้ มีหน่วยวัดเป็นองศาบริกซ์ ยิ่งตัวเลขมากก็ยิ่งแปลว่าหวานมาก ซึ่งวิธีนี้ก็จะดีกว่าการใช้ความรู้สึกของตัวเองวัด เพราะมีตัวเลขกำกับชัดเจน ทีนี้เราก็จะได้รู้กันว่า "หวานมาก" หรือ "หวานน้อย" จริง ๆ เป็นอย่างไร

 เริ่มกันที่"กาแฟเย็น" วัดความหวานแล้วอยู่ที่ 12 Brix คิดเป็นปริมาณน้ำตาลแล้วก็อยู่ที่ราว ๆ 15 ช้อนชา  ส่วน "ชาเย็น" มีความหวานอยู่ที่ 8 Brix หรือคิดเป็นน้ำตาล 10 ช้อนชา ทั้งนี้ อัตราความหวานของแต่ละร้านก็จะแตกต่างกันไปตามสูตรและส่วนผสมของแต่ละร้านนั่นเอง มาต่อกันที่หมวดน้ำผลไม้กันบ้าง เพราะหลาย ๆ คนยังเข้าใจว่าผลไม้เป็นของไม่อ้วน แต่จริง ๆ แล้วผลไม้ก็มีน้ำตาล มีผลต่อรอบพุงของเราเช่นกัน และยิ่งน้ำผลไม้ที่มีการใส่ส่วนผสมอื่น ๆ เข้าไป ความหวานอาจจะมากขึ้นตามลำดับ  จากการลงพื้นที่ของทีมงาน Healthy Living ในครั้งนี้ เรามี "น้ำมะนาว", "น้ำลำไย" และ "น้ำมะพร้าว" ทั้งหมดนี้ซื้อที่ร้านเดียวกัน วัดความหวานออกมาแล้วก็พอ ๆ กัน นั่นคือ 5 Brix หรือคิดเป็นน้ำตาลประมาณ 6 ช้อนชา  เห็นตัวเลข 6 ช้อนชา เราอาจจะคิดว่าไม่มากเท่าไร น่าจะกินได้สบายใจและสบายพุง แต่จริง ๆ แล้วก็ไม่น้อยนะ เพราะองค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ว่า ในแต่ละวัน เราไม่ควรบริโภคน้ำตาลเกิน 6 ช้อนชา นั่นแปลว่าการน้ำผลไม้พวกนี้แค่แก้วเดียวก็ได้รับน้ำตาลเพียงพอแล้ว ยังไม่นับน้ำตาลในข้าว กับข้าว และขนมอื่น ๆ ที่เรากินทั้งวัน ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมเราถึงได้รับน้ำตาลเกิน  มาต่อกันที่ "น้ำเก๊กฮวย" และ "น้ำกระเจี๊ยบ" 2 แก้วนี้วัดได้ 6 Brix หรือประมาณ 7 ช้อนชา จะเห็นว่าถึงเป็นน้ำผลไม้ แต่ปริมาณน้ำตาลก็ไม่ใช่เล่น ๆ เลยทีเดียว  มาถึงน้ำสายปั่นกันบ้าง  นั่นก็คือ "แตงโมปั่น" และ "กีวีปั่น" ซึ่งแตงโมปั่นของเราวัดออกมาได้ 7 Brix คำนวณจากความจุแล้วคิดเป็นน้ำตาล 7 ช้อนชา ส่วนกีวีปั่น ที่แม้จะฟังดูเปรี้ยวมากกว่า แต่ปริมาณน้ำตาลยืนยันเป็นอีกอย่าง เพราะวัดได้ 9 Brix หรือราว ๆ 9 ช้อนชา  จบหมวดผลไม้แล้ว เรามาว่ากันด้วยน้ำเบสิค ๆ ที่คนมักนึกถึงเวลาอยากดื่มอะไรสักอย่างเพื่อดับร้อนแก้กระหาย นั่นก็คือ "น้ำแดงโซดา" ซึ่งเราวัดออกมาได้ประมาณ 8 Brix หรือคิดเป็นน้ำตาล 9 ช้อนชา และต่อกันด้วย "เฉาก๊วยนมสด" หวาน ๆ มัน ๆ กับปริมาณน้ำตาลที่ซัดเข้าไปถึง 7 ช้อนชา   ปิดท้ายกันด้วย "ชานมไช่มุก" เมนูสุดฮิตของสาว ๆ และเรียกได้ว่าเป็นเมนูยืนหนึ่งในเรื่องน้ำตาล เพราะจากที่ตระเวนชิมมาตั้งนาน ปริมาณความหวานของชานมไข่มุกถือว่าสูงที่สุด เพราะมีมากถึง 19 Brix เมื่อเทียบกับความจุคิดเป็นน้ำตาลประมาณ 17 ช้อนชา เกินความต้องการของร่างกายไปเกือบ 4 วันเต็ม ๆ  ครั้งต่อไปที่จะสั่งน้ำดื่มมาดับร้อน ก็อย่าลืมคิดถึงปริมาณน้ำตาลที่อยู่ในเครื่องดื่มแต่ละชนิดด้วยนะ โดยเฉพาะคนที่กำลังลดความอ้วน อาจจะลืมนึกถึงแคลอรีจากน้ำตาลในเครื่องดื่ม ซึ่งคิดรวม ๆ กันแล้วอาจจะมากกว่าแคลอรีจากของขบเคี้ยวด้วยซ้ำ  ส่วนใครที่พยายามลด ละ เลิก เครื่องดื่มหวาน ๆ แต่ยังอดใจไม่ค่อยได้ เราขอแนะนำว่าถ้าเลิกไม่ได้ก็ดื่มต่อไปเถอะ อย่าไปทรมานตัวเองเลย แต่อาจจะสั่งแบบหวานน้อย หรือระบุปริมาณน้ำตาที่ชัดเจน เช่น ใส่น้ำตาลช้อนเดียว แต่ถ้าไม่อยากสูญเสียความอร่อยที่คุ้นเคย อาจจะกินหวานเท่าเดิม แต่กินแค่ไม่เกินครึ่งแก้ว แล้วอย่าลืมไปออกกำลังกายเพื่อสุขภาพด้วยนะ  
เพิ่มช่องทางการรับข่าวสารและข้อมูลดี ๆ ผ่าน Line Official : AZAYfan ที่จะช่วยทำให้ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น ได้ที่

 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0