โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

ชมพู่ ก่อนบ่าย พาว่าที่เจ้าบ่าวเปิดใจ เคยโดนว่า หาได้แค่นี้หรือ!? (มีคลิป)

TrueID Entertainment

อัพเดต 12 พ.ย. 2561 เวลา 12.19 น. • เผยแพร่ 12 พ.ย. 2561 เวลา 12.18 น. • TrueID
ชมพู่ ก่อนบ่าย พาว่าที่เจ้าบ่าวเปิดใจ เคยโดนว่า หาได้แค่นี้หรือ!? (มีคลิป)
ชมพู่ ก่อนบ่าย พาว่าที่เจ้าบ่าวเปิดใจ เคยโดนว่า หาได้แค่นี้หรือ!? (มีคลิป)

นับถอยหลังอีกไม่กี่เดือน นักแสดงตลกสาว“ชมพู่ ก่อนบ่าย” และหวานใจหนุ่ม “บอย วัชรพงศ์ พลเมืองดี” ก็จะควงแขนกันเข้าสู่ประตูวิวาห์กันแล้ว งานนี้เจ้าตัวก็เลยควงหนุ่ม บอย มาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่องone31 ที่มีหนิง ปณิตา และ เป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกร ถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมากว่าจะจูงมือกันมาถึงวันนี้ได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเพราะโดนดราม่าตั้งแต่แรกคบเลยทีเดียว

 

 

 

เห็นว่าตั้งแต่เริ่มคบกัน ก็มีประเด็นดราม่าเกิดขึ้นเลยจริงไหม?
ชมพู่ : ใช่ค่ะ ก็ตอนนั้นคนก็จะว่าทำไมอกหักแล้วคว้าความรักเร็วจัง เลือกดีแล้วหรือ ทำไมไปคว้าหนุ่มเบนซ์มาเป็นแฟนล่ะ อาจจะเห็นเขาสักเต็มตัวไง เป็นถึงชมพู่มีปัญญาหาได้แค่นี้เหรอ โอ้โหคือเจอเยอะมาก จริงๆ ต้องบอกว่าเวลาไปไหนมาไหนเขาไม่เคยออกตัวว่าเป็นหลานใคร ไม่ได้บอกว่าเรียนจบปริญญาโทหรือว่า Profile เป็นยังไง คือคนจะเข้าใจอะไรเขาผิดแบบไหนก็ปล่อยให้เป็นแบบนั้น เพราะว่าจริงๆชีวิตมันก็อยู่แค่นี้ ชีวิตเจอประเด็นดราม่าเยอะค่ะ

เวลาเจอดราม่าเยอะๆแบบนี้ เรารู้สึกยังไง?
ชมพู่ : ก็รู้สึกชินนะ เหมือนชีวิตเราตั้งแต่เข้าวงการมามันก็ไม่ได้สวยหรูอยู่แล้ว ตั้งแต่เกิดมาชีวิตเราก็ไม่ได้สวยหรู เข้าวงการมาก็เจอกระแสอะไรเยอะมาก ในเรื่องความรักเราก็โดนแบบทับถมหรือว่าทำครหาเยอะ จนมาถึงปัจจุบันซึ่งเจอเรื่องแบบนี้อีก เราเลยรู้สึกว่า เรามีภูมิต้านทานเรื่องแบบนี้เยอะมาก แล้วเราคิดเป็นก็เลยรู้ว่าความสุขของเรามันก็มีแค่นี้นี่แหละ

โดนดูถูกเยอะ รู้สึกยังไงบ้าง?
บอย : คือตอนแรกผมแทบไม่อยากเข้าไปเช็คในโซเชียลเลย แต่พอเจอแล้วคือไม่ได้ด่าเราคนเดียวครับด่าชมพู่ด้วย เราก็เลยคิดว่าแล้วเขาผิดอะไรจริงๆแล้วเขาเป็นคนดีนะครับ เขาเป็นคนดูแลพ่อแม่ เลี้ยงครอบครัว ดูแลทุกอย่างอะไรแบบนี้ กลับกลายเป็นว่าคนไปว่าเขาเสียหาย โดยส่วนตัวผม ผมไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว คนจะมองผมยังไงก็แล้วแต่”

คำหรือ Comment แบบไหนที่รู้สึกว่าแรงไปจนรับไม่ได้?
บอย : ส่วนใหญ่จะเป็นคำที่ด่าชมพู่ครับ เหมือนแบบแป๊บเดียวเองทำไมมีใหม่อีกแล้ว ไปหาได้แค่นี้หรือ ทำไมคุณไม่มองครับว่าเป็นเรื่องของความรักไม่ว่าจะเร็วจะช้าถ้าคนมันใช่ยังไงมันก็ใช่อยู่ดี ซึ่งก็ไม่ต้องวัดหรอกว่าใครเป็นใครครับ ผมก็อยู่แทบทุกเหตุการณ์ในช่วงชีวิตของเขา

ชมพู่ : คือเขาจะรู้หมด เพราะว่าเราเป็นคนชอบเล่า เป็นคนไม่ปิด คนนี้ดีแบบไหนหรือแย่ยังไง เราเจออะไรมาบ้าง เขาจะรับรู้สถานการณ์หมด ที่พีคสุดๆคือ เรามารู้ตอนหลังซึ่งเราจำไม่ได้ด้วยนะ วันที่เราโดนขอแต่งงาน เขาก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย งงมากค่ะ

ย้อนกลับไปนิดนึง เห็นว่าเริ่มต้นจากความเป็นเพื่อนมาก่อน?

บอย : เขาเป็นรุ่นพี่ผมครับ
ชมพู่ : อย่าใช้คำว่าเพื่อนเลยค่ะ แล้วไม่ใช่สเปกด้วยนะเราไม่เคยคิดว่าวันนึงเราจะมีแฟนแบบรุ่นเด็กกว่า เขาก็ไม่เคยคิดว่าจะได้แฟนที่แก่กว่าเหมือนกัน คือต่างคนอยู่ข้างๆกันแต่ไม่ได้คิดว่าจะคบกันเลย

 

ตอนที่ชมพู่มีแฟนแล้ว เราไปคอยดูแล มีใจตั้งแต่ตอนนั้นแล้วหรือเปล่า?
บอย : ไม่ครับ คือผมจะคอยดูแลทุกคนอยู่แล้ว ผมจะแคร์ทุกคน คอยดูสถานการณ์ของทุกคนในกองถ่าย เวลาเจอกันก็แบบ “สวัสดีครับพี่ชมพู่” อะไรแบบนี้เป็นเรื่องปกติครับ

ช่วงที่ชมพู่ทุกข์ที่สุด บอยก็อยู่ในช่วงนั้นด้วย เล่าให้ฟังหน่อย?
บอย : คือช่วงนั้นเขาอกหักกับรักครั้งที่ผ่านมา ผมก็รู้สึกว่าทำไมพลังการทำงานเขาดรอปลง พอมาในกองเขาก็จะซึมหรืออยู่คนเดียว ไปนั่งเล่นโทรศัพท์คนเดียวอะไรแบบนี้ แต่โอเคนะในเรื่องการมาทำงานเขาไม่เสีย แล้วเราก็คิดว่าจะทำยังไงดีให้พี่เขากลับมาเหมือนเดิม ก็พยายามดึงเขาออกมาจากความเครียดครับ เพราะผมรู้สึกว่า ถ้าเกิดคนเราอกหักเราไม่ควรอยู่คนเดียว ก็เลยชวนเขาไปทำโน่นทำนี่ ไปเที่ยว พาไปทุกอย่าง

ชมพู่ : คือบอยเขาจะมีนิสัยที่คอยเป็นห่วงเป็นใยคนอื่น ไม่ใช่เฉพาะกับเรา เวลาที่เขาเห็นใครมีปัญหา เพื่อนเขาเศร้าหรือว่าทีมงาน เขาก็จะเข้าไปถามหมด ซึ่งเราก็เป็นหนึ่งในนั้นที่เขาเข้ามาถามว่า พี่เป็นอะไรทำไมเศร้าตลอดเวลา เขาจะเข้ามาแล้วคอยดึงเราออกจากจุดที่แย่ๆเนี่ยแหละ

 

 

 

ความรู้สึกของเราตอนที่มีคนคนนึงมาคอยดึงเราออกจากความทุกข์ เป็นยังไงบ้าง?
ชมพู่ : คือตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร ต่างคนต่างไม่ได้คิดเหมือนกัน แค่รู้สึกว่าชีวิตมันเศร้าจังเลย ทำไมเรารู้สึกแบบไม่มีพลัง มันห่อเหี่ยวไปหมดในการทำงาน เหมือนแบบแตะบ่าน้ำตาก็ไหล ซึ่งตอนนั้นเราก็รู้สึกดีที่เขามาดึงเราออกมา เพราะว่าเราได้ออกไปใช้ชีวิตในกลุ่มเพื่อนใหม่ๆ มีเพื่อนกินข้าวกลุ่มใหม่ๆ มีเพื่อนพาไปดูหนัง ทำกิจกรรม หรือไปนวดให้ผ่อนคลายอะไรแบบนี้ ชีวิตมันก็เริ่มมีอะไรสงสัยขึ้นในช่วงนั้น

ช่วงอกหัก เราเกเรด้วยจริงไหม?
ชมพู่ : คือช่วงนั้นเป็นช่วงจิตตกแล้วไม่อยากทำงาน ก็จะบอกผู้จัดการว่างานนี้ถ้าไม่ซีเรียสก็ตัดไปก่อนนะอะไรแบบนี้ มันเหมือนอยากอยู่คนเดียว อยู่ในห้องเงียบๆ เหมือนการประชดชีวิต เราก็ทำทุกอย่างที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองเลย จนตอนนั้นที่มีข่าวว่าเป็นอัมพาตครึ่งซีกไงค่ะ นอน ICU ไป 2-3 วันค่ะ

ถึงขนาดมุดช่องลมของหน้าต่างเพื่อจะกระโดด?
ชมพู่ : อันนี้จะเป็นรอบสองที่เลิกกันค่ะ คือมันเป็นช่วงที่เราต่ำสุดๆเลย นาทีนั้นเรามองหน้าต่าง แล้วเอามือดันออกไปจนมีความรู้สึกว่า ถ้าลงไปตอนนี้ก็จะจบทุกอย่างอะไรประมาณนี้ เหมือนกับจะโดดค่ะ แต่ว่าวันนั้นโชคดีที่เราตัวใหญ่ ก้นใหญ่กว่าช่อง ได้มือถือกระป๋องเบียร์ พยายามจะหย่อนตัวเองลงไป แต่มันลงไม่ได้ พอมันลงไม่ได้ก็ปล่อยตัวเองลงมานั่งอยู่ในห้องนั้นเงียบๆ ประมาณ 3-4 วันค่ะ หลังจากนั้นบ่อยก็เป็นคนแรกที่มาหาเรา เพื่อที่จะพาเราออกไปจากตรงนั้น แล้วเขาก็ให้เราไปนอนที่คอนโด ส่วนเขาก็ไปนอนบ้านเพื่อน

เปลี่ยนความรู้สึกมาชอบกันตอนไหน?
บอย : หลายคนอาจจะมองเห็นชมพู่เป็นผู้หญิงที่ทำงานเก่ง แต่สำหรับผมมองเป็นผู้หญิงที่อ่อนไหวมากๆในเรื่องความรัก เขาเป็นคนที่ทุ่มเทความรักให้กับทุกคนเสมอแต่ทำไมเขาถึงไม่ได้รับกลับมาเลย พอได้คุยกันไปเรื่อยๆก็เลยกลับกลายเป็นว่าอยากคบกัน มันก่อตัวจนเป็นความรู้สึกดีๆ

ชมพู่ : มันไม่รู้เริ่มต้นตอนไหนเหมือนกัน เหมือนดูแลกันไปดูแลกันมา จากที่เรามองข้ามไป แล้วทำไมเขาดูแลเราดีจังเลย คอยส่งข้าวส่งน้ำแล้วให้กำลังใจเราตลอด ลึกๆแล้วเขามีความเป็นผู้ใหญ่สูงมากเลย แต่เราไม่เคยมองเห็นตรงนี้ ก็เลยรู้สึกว่า ถ้ามีคนแบบนี้เข้ามาในชีวิตเราแล้วดูแลเราไปจนแก่จนเฒ่ามันก็ดีนะ ก็แอบศึกษากันไปเรื่อยๆ โดยที่แบบเป็นความลับมากเลย ทุกคนไม่มีใครรู้ แต่หลังจากนั้นทุกคนในกองถ่ายก็แอบจับสังเกตได้

 

 

เห็นว่ากำลังจะแต่งงานกัน แต่ทำไมถึงไม่ยอมคุกเข่าขอแต่งงาน?
บอย : อย่างที่ผมบอกว่าผมเคยอยู่ในสถานการณ์ที่เขาขอแต่งงานมาแล้ว เขาเองก็เคยบอกกับผมว่าไม่เอาแล้วนะกับการคุกเข่าขอแต่งงาน จริงๆสำหรับผมคือเราคุยกันไปแล้วว่าจะแต่งงานกัน ต่อหน้าผู้ใหญ่ทุกคน เราจะใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว ผมว่าการคุกเข่าขอแต่งงานมันไม่จำเป็น ผมยืนยันว่ายังไงการแต่งงานก็ยังจะเกิดขึ้นแน่นอนครับ

ชมพู่ : เราก็ลืมไปเลยเพราะเขาเคยบอกว่าอยู่ในเหตุการณ์นั้น การคุกเข่ามันไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับหนูเลย เพราะหนูเคยโดนคุกเข่ามาแล้ว แต่มันก็ไม่ได้สมหวัง เราเคยบอกกับเขาแล้วเราก็ลืมเอง แต่จริงๆเขาก็เคยพูดกับหนูแล้วแหละ แต่แค่พูดในห้องส่วนตัวที่เราเข้าใจตรงกันว่าเรารักกัน เราร้องไห้ใส่กัน เราตกลงกันแล้วค่ะ

 

 

 

 

 

 

ขอบคุณภาพจากไอจีดารา chompoo_konbai , innocentzatan

อัพเดทชีวิตคนดัง ครบครันเรื่องบันเทิง เพลิดเพลินไปกับบทละคร ติดตาม Dara.trueid.net ได้อีกช่องทางที่ TrueID App  หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0