โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ชนะคนอื่นไปทำไม ในเมื่อเป้าหมายคือต้องชนะตัวเอง - เพจเจ้าหญิงแห่งวงการHR

TALK TODAY

เผยแพร่ 19 ธ.ค. 2562 เวลา 04.17 น. • เพจเจ้าหญิงแห่งวงการHR

พอแก่ !!! เอ้ย พออายุมากขึ้น พอประสบการณ์เริ่มมากขึ้น มีเรื่องที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้น … ก็เลยได้เรียนรู้ว่าการตั้งเป้าว่าจะเอาชนะคนอื่นเป็นเรื่องที่ไร้สาระมากๆ

เข้าใจแหละว่าในการทำงานอ่ะ เราคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเข้าไปอยู่ในระบบการแข่งขันเพื่อเปรียบเทียบหาคนที่เก่งกว่า แกร่งกว่า แต่เอาจริงๆนะ วิธีการบริหารผลงานแบบนี้ก็ค่อยๆ ลดความสำคัญลงไปเยอะแล้ว ตอนนี้หลายๆองค์กรพยายามมุ่งเน้นให้พนักงานตั้งเป้าหมายร่วมกันกับองค์กร แล้วตั้งใจทำมันให้สำเร็จ ใครทำได้ ก็เอาไป แต่ ๆๆๆๆ ความน่าปวดหัวคือถึงแม้ว่าระบบการประเมินผลต่างๆ จะค่อยๆ ปรับเปลี่ยนไปยังไงก็ตาม แต่พฤติกรรมและความคิดของคนนี่ซิ ที่บางทีก็ไม่ได้เปลี่ยนตาม 

ก็เลยทำให้ การพยายามเปรียบเทียบคนนั้นกับคนนี้ เกิดขึ้นอยู่เสมอ แล้วที่มันตลกคือหลายคนชอบเอาคนอื่นมาแข่งกัน แต่ไม่เคยมองที่ตัวเอง 555 #เบื่อเนอะ มันก็เลยทำให้หลายครั้ง เราก็เอาตัวเองไปอยู่ในเกมการแข่งขันของคนอื่นโดยไม่จำเป็น พอนานๆ เข้าเราก็เลยกลายเป็นคนที่ต้องแข่งขัน ต้องเอาชนะอยู่ตลอดเวลา จำได้ว่าเคยเป็นคนแบบนี้นะ (ซึ่งจริงๆปัจจุบันก็ยังเป็นอยู่บ้าง แหะๆ) สิ่งที่เกิดตามมาคือความตึงของตัวเอง #ในขณะที่อย่างอื่นก็เหี่ยวไปตามอายุ #เจ็บปวด 555 

เคยเป็นมั้ยคะ ที่รู้สึกเครียด และหวั่นไหวไปตามคำพูด คำวิจารณ์ของคนอื่นอยู่บ่อยๆ คือมันไม่ใช่อารมณ์เถียงนะ แต่เป็นอารมณ์แบบว่า อุ้ย ถ้าเค้าทักเรา เราต้องเชื่อละ ต้องพิสูจน์ตัวเองละว่าเราไม่ได้เป็นแบบนั้น เราดีกว่านั้น คุณอย่าเข้าใจเราผิดนะ กลัวไปหมด กลัวว่าถ้าคนอื่นเข้าใจเราผิดแล้วจะส่งผลไม่ดีกับชีวิตเรา 

ทีนี้ ไม่ใช่แค่ผลกระทบด้านลบที่เกิดกับตัวเราเองละ มันจะส่งไปถึงเพื่อนร่วมงาน ลูกน้อง ลูกพี่ใดๆ ด้วยนะ เพราะเราจะกังวลว่าถ้ามีใครรอบตัวที่ทำงานได้ไม่ดี จะส่งผลให้เราดูไม่ดีไปด้วย ทีนี้ก็ไปกันใหญ่เลยค่ะ

Hello !!!! เรามาทำงาน เราไมได้แข่งกีฬาสีอยู่ตลอดเวลา เราไมได้ต้องเอาชนะทุกคนแบบเอาเป็นเอาตายในทุกเรื่องก็ได้ 

จริงๆนะ … พออายุมากขึ้น เริ่มทำความเข้าใจเรื่องพวกนี้ได้มากขึ้น ไม่ใช่ว่าจะหมดไฟ หรือจะทุ่มเทให้กับงานน้อยลงนะ แต่การผ่านเรื่องราวต่างๆ มา ได้เห็นได้เรียนรู้การพบ การจาก การมี การสูญเสีย เราจะรู้ว่าเวลาในชีวิตมันสำคัญจริงๆ แน่นอนแหละว่าการทำงานให้สำเร็จเพื่อรายได้ เพื่อความมั่นคง ก็เป็นสิ่งจำเป็น แต่ถ้าต้องทำเพื่อสิ่งนี้สิ่งเดียวโดยการแลกกับสิ่งอื่นๆในชีวิตมันก็ไม่คุ้มเท่าไหร่นะ เป็นคนนึงที่ไม่เคยเชื่อเรื่อง Work Life Balance เลยยยยยยย แต่พอมานั่งคิดๆดีๆแล้วอ่ะ Work life balance มันไมได้แปลว่าต้องแบ่งเวลาทำงานและการใช้ชีวิตแบบเท่าๆกัน หรือแบ่งแยกเวลาการทำงานชัดเจนอะไรขนาดนั้น แต่เรามองว่าการ Balance ก็คือการสร้างสมดุล เมื่อเราทำงานหนักในช่วงหนึ่ง ก็ควรมีอีกช่วงเวลาหนึ่งที่จะต้องดูแลใส่ใจตัวเอง และคนรอบข้าง 

ประกอบกับช่วงนี้มีอาการนอยด์ น่าจะมาจากภาวะจากวิกฤติวัยกลางคน เลยได้เริ่มทำความเข้าใจผู้ใหญ่ ที่เมื่อตอนเราเริ่มทำงานใหม่ๆ เราไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรีบไปรับลูก ต้องลาไปงานวันรวมญาติ ต้องไปพักร้อนยาวๆ … แต่พอเรามาถึงช่วงวัยนี้แล้วจริงๆ ก็รู้ว่า มันไม่ใช่การขี้เกียจทำงานนนนนนนนนนนนนนน มันคือการใช้ชีวิต !!!! 

ตอนวัยรุ่นๆ รู้สึกว่าช่วงเวลาก่อนนอนที่ได้มองว่าวันนี้เราทำอะไรมาบ้าง เป็นช่วงเวลาที่เจ๋งมากๆ ในการได้มองภาพตัวเองในแต่ละวัน แต่พออายุมากขึ้น กลับกลายเป็นว่าเวลาในตอนเช้าที่เราได้ตื่นขึ้นมา เป็นเวลาที่มีค่าที่สุด เพราะนั่นคือการบอกว่าเรายังมีโอกาสได้ทำสิ่งที่ควรจะต้องทำเพื่อตัวเองอยู่

ก่อนที่จะเข้าใจผิดว่าเขียนเรื่องนี้เพื่อต่อต้านการแข่งขันนะคะ กลับไปที่ต้นเรื่องของเราก่อน สิ่งที่จะบอกคือ คู่แข่งเดียวที่เราควรเอาชนะให้ได้คือตัวเอง #เรื่องราวดีๆอะไรบ้างในการแข่งขันกับตัวเอง

1.เราจะพัฒนาตัวเองขึ้นอยู่เสมอ เราจะมีข้อดีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากการพยายามหาวิธีเอาชนะอดีตของเรา

2.เราจะสามารถตั้งเป้าหมายชีวิตที่สอดคล้องกับความต้องการจริงๆ ซึ่งไมไ่ด้บอกว่าเป้าหมายนั้นจะต้องอยู่ตลอดไปนะ อาจจะเป็นเป้าระยะสั้น หรือระยะยาวก็ตามแต่ แค่จะบอกว่า เราจะไม่หลุดโฟกัสไปที่คนอื่น

3.เมื่อสนใจตัวเองมากขึ้น เราจะเป็นทุกข์เพราะเรื่องของคนอื่นน้อยลง

4.เมื่อไม่ได้แข่งกับใคร ก็ไม่เป็นศัตรูกับใคร … เราจะมองเพื่อนร่วมงานในมุมบวกมากขึ้น

5.เราจะมีโอกาสสัมผัสความสำเร็จได้มากขึ้นด้วยการตั้งเป้าหมายเล็กๆ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรนี่เนอะ

และที่สำคัญคือ อย่าเอาตัวเองไปให้ใครตัดสิน … ถึงแม้ว่าในการทำงาน เราจะถูกตั้งเป้าหมายจากหัวหน้า จากเพื่อนร่วมงานว่าต้องทำอะไรให้สำเร็จ … ที่เราต้องทำคือเอาเป้าหมายเหล่านั้นมาเป็นสิ่งที่เราต้องเอาชนะ #เพื่อตัวเอง

คิดว่าความสำเร็จนั้นช่วยให้เราเข้าใกล้เป้าหมายในชีวิตได้หรือไม่ ถ้าใช่ ก็ทำมันให้เต็มที่เพื่อเอาชนะตัวเอง เพื่อการไปได้ไกลอีกขั้นในชีวิต

อะ ว่าแล้วก็ย้อนกลับไปดูเป้าหมายที่เราวางไว้ในตอนต้นปีเนอะ ว่าเราอยากทำอะไรให้สำเร็จ ส่วนใหญ่เราก็จะคิดว่าอยากทำให้อะไรให้ชีวิตเราดีขึ้น แต่ในความเป็นจริงคือ เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ เรากลับใช้เวลาไปกับการโฟกัสเรื่องอื่นๆ ที่คนอื่นคาดหวังจากตัวเรา จนไม่ได้ทำในเรื่องที่เราคาดหวังกับตัวเองให้สำเร็จ

ปีหน้ามาลองกันใหม่ค่ะ ตั้งเป้าหมาย แล้วไปให้ถึงด้วยกันนะคะ

ขอให้มีความสุขกับชีวิตที่ดีขึ้นอยู่เสมอค่ะ

#รักนะคะ

#เจ้าหญิงแห่งวงการHR

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0