จากกรณีที่มีรถจักรยานยนต์พลิกคว่ำ ภายในนิคมอุตสาหกรรม เกตุเวย์ซิตี้ หมู่ที่ 7 ต.หัวสำโรง อ.แปลงยาวจ.ฉะเชิงเทรา จำนวนหลายคัน เพราะมีการทำถนน ทำให้นายณัชพล พรหมนา หรือ สอง อายุ 25 ปี อาสาสมัครกู้ภัย ที่ผ่านมาในบริเวณนั้น ได้ลงไปให้การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ขณะนั้นเองมีรถกระบะที่มีนายภูเบศร ใยไธสงค์ ขับมาด้วยความเร็ว แล้วแซงรถคันอื่นขึ้นมาจากด้านซ้าย ก่อนจะเสียหลักเข้าชนเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัย และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บซ้ำอีกครั้ง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทันที 2 ราย และบาดเจ็บอีก 6 ราย ซึ่งผู้เสียชีวิต 1 ในนั้น คืออาสาสมัครกู้ภัย ที่ชื่อว่านายณัชพล พรหมนา หรือ สอง
ล่าสุด (8 ส.ค.) เวลา15.30น. ได้มีพิธีรดน้ำศพเพื่อเป็นการไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้ายซึ่ง นางทัน พรหมนา ผู้เป็นแม่ และนายสังวี พรหมนา ได้จัดงานศพขึ้นที่บ้านภายในซอยวัดอ่าวช้างไล่ ต.หัวสำโรง อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา โดยขณะนั้นได้มีนายภูเบศร ใยไธสงค์ ผู้ขับรถกระบะ ได้เดินทางมาร่วมรดน้ำศพ พร้อมขอขมาต่อพ่อ และแม่ของนายณัชพล และนางสาวจุฑารัตน์ วรพงศ์ ผู้เป็นภรรยา ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า โดยทางญาติจะประกอบพิธีสวดพระอภิธรรมศพ ตั้งแต่วันที่ 8 – 12 ส.ค. เวลา 20.00 น. และฌาปนกิจในวันอาทิตย์ที่ 13 ส.ค.เวลา 15.30 น. ณ วัดอ่าวช้างไล่ ต.หัวสำโรง อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา
ทางด้านนายสุนทร พรหมนา พี่ชายกู้ภัยที่เสียชีวิต เผยว่า ขณะนี้ครอบครัวอยู่ในความรู้สึกที่เศร้าเสียใจ ซึ่งตั้งแต่มารดาทราบเรื่องก็เข้าโรงพยาบาลไปแล้ว 2 ครั้ง เนื่องจากมีโรคประจำตัว และยังทำใจกับเรื่องที่เกิดไม่ได้
นายสุนทร ระบุว่า ตนทราบเรื่องจากแม่ ที่โทรศัพท์มาบอกว่าน้องเกิดอุบัติเหตุ ขณะนั้นตนก็รีบเดินทางมาที่โรงพยาบาล เมื่อมาถึง พบว่าสภาพของน้องชายตอนนั้นสาหัส แพทย์บอกว่าให้ครอบครัวทำใจไว้บ้าง ส่วนตัวก็เป็นอาสากู้ภัย พอเห็นสภาพน้องก็รู้สึกใจไม่ดี เพราะน้องความดันต่ำมาก แพทย์ให้เลือดไปกว่า 6 ลิตรแต่ก็ไม่เพียงพอ คุณหมอจึงแจ้งว่าน้องชายตนก้านสมองแตกร้าว สมองเบี้ยว อวัยวะภายในช้ำไปหมด
นายสุนทร พูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า ตนนั้นพยายามรอปาฏิหาริย์ แต่สุดท้ายปาฏิหาริย์ก็ไม่มีจริง ซึ่งน้องคือความหวังของครอบครัว น้องคือคนดูแลพ่อแม่ ที่สำคัญน้องชายตนยังมีภรรยา และลูกวัย 3 ขวบอีกด้วย ตอนนี้ครอบครัวยังไม่ได้คิดอะไร ขอเพียงทำงานศพให้ผ่านไปเสียก่อน
ส่วนคู่กรณีที่ขับรถกระบะ ช่วงเย็นที่ผ่านมาได้เดินทางมาขอขมาต่อหน้าศพน้อง แต่ทางครอบครัวยังไม่ได้เจรจา ซึ่งพ่อตนก็ระบุว่าเรื่องมันเกิดแล้ว คงไม่มีใครอยากให้เกิด ซึ่งตนเชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่เรื่องคดีคงต้องให้ดำเนินต่อไป
นอกจากนี้ ทีมข่าวได้พูดคุยกับหนึ่งในกู้ภัย ที่อยู่ในเหตุการณ์ช่วงวานที่ผ่านมา (7ส.ค.) เผยว่า เหตุที่กู้ภัยต้องขับรถย้อนศร หรือบางครั้งขับรถเร็ว เสียงดัง เพราะทุกนาทีคือชีวิต อย่างกรณีนี้ เพียงเสี้ยวนาทีก็ทำให้คนตายได้ถึง 3 ราย ซึ่งตนอยากบอกว่า หากเจอกู้ภัย รถอาสา รถพยาบาลขณะปฏิบัติหน้าที่ อยากให้ประชาชนหลีกทาง เนื่องจากมั่นใจว่าทุกครั้งที่รถกู้ภัยออกทำงาน แสดงว่าขณะนั้นกำลังมีเหตุ