กลุ่มรถร่วมฯขสมก. จ่อยื่นหนังสือก.คมนาคม-นายกฯขอขึ้นค่าโดยสารยันแบกรับต้นทุนค่าโดยสารไม่ไหวขอความช่วยเหลือและเคยรับปากไว้แล้วแต่ยังไม่ดำเนินการ
มีรายงานว่าในวันนี้ (19 พ.ย.) เวลา 09.00 น. ตัวแทนจากสมาคมพัฒนารถร่วมบริการเอกชนและผู้ประกอบการรถร่วม ขสมก. รายย่อยหมวด 1 จำนวนประมาณ 300 คน จะเดินทางไปทวงถามความคืบหน้าการปรับอัตราค่าโดยสารรถร่วมบริการของ ขสมก. ที่กระทรวงคมนาคม โดยผู้ประกอบการเคยเข้าพบและยื่นหนังสือต่อ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมมาแล้วครั้งหนึ่ง และได้รับคำยืนยันว่าจะมีการช่วยเหลือผู้ประกอบการแต่ก็ยังไม่ดำเนินการ
โดยกลุ่มรถร่วมบริการเสนอขอปรับค่าโดยสารรถธรรมดา (รถร้อน) เพิ่มจาก 9 บาท เป็น 12 บาทตลอดสาย, รถปรับอากาศเริ่มต้นที่ 15 บาท และเพิ่มระยะละ 2 บาท ส่วนรถโดยสารใหม่ที่เข้าสู่การปฏิรูป จัดเก็บค่าโดยสาร 2 ระยะ คือ อัตราที่ 4 กม.แรก เก็บที่ 20 บาท เกินจากนั้นเก็บที่ 25 บาท หลังผลการศึกษาโดยสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ร่วมกับสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) พบต้นทุนค่าโดยสารเกือบ 28 บาท
นอกจากนี้ กลุ่มรถร่วมบริการดังกล่าวจะยังเดินทางไปยื่นหนังสือถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อขอความช่วยเหลือในการเร่งปฏิรูป แก้ปัญหาค่าโดยสารและการขาดทุนสะสม
ซึ่งนางภัทราวดี กล่อมจรูญ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทาง ระบุว่า ผู้ประกอบการได้รับความเดือดร้อนจากค่าโดยสารที่ไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง และต้นทุนยังเพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนเครื่องยนต์จากดีเซลเป็น NGV ตามนโยบายรัฐบาล ตลอดจนการปรับค่าแรงขั้นต่ำ 2 ครั้ง จนปัจจุบันอยู่ที่ 325 บาทต่อวัน, ปัญหาการจราจรติดขัด ทำเที่ยววิ่งไม่ได้ ส่งผลให้รายได้ลดลง, ค่าเช่าอู่ และพื้นที่จอดเพิ่มขึ้น, ค่าใช้จ่ายด้านอุบัติเหตุ ค่าชดเชย ค่ารักษาพยาบาลเพิ่มขึ้น ตามภาวะเศรษฐกิจ
นางภัทราวดียังระบุว่า การปรับค่าโดยสารรถร้อนจาก 8 บาท เป็น 9 บาท รถปรับอากาศปรับขึ้นระยะละ 1 บาทเมื่อปี 2558 นั้นเป็นการช่วยเหลือเบื้องต้นเฉพาะค่า NGV ที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ยังไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง นอกจากนี้การศึกษาต้นทุนของรถโดยสารโดยกรมการขนส่งทางบกก็ยังไม่มีความคืบหน้า ท่ามกลางการทำหนังสือถึงหน่วยงานราชการเพื่อขอความช่วยเหลือ ผู้ประกอบการก็ยังแบกรับภาระต้นทุนอย่างต่อเนื่อง
