โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

กีฬา

จู่ๆ ก็มีโรคใหม่ปรากฏขึ้นเมื่อวานนี้ ชื่อ ‘โรคไม่แยแส’ ถ้าไม่อยากเป็น ‘โรคไม่แยแส’ เหมือนลุง คลิกเลยจร้า…

Rabbit Today

อัพเดต 19 ก.ย 2562 เวลา 08.13 น. • เผยแพร่ 19 ก.ย 2562 เวลา 08.13 น. • สุชา
อยู่กับ ‘โรคไม่แยแส’ ยังไงให้เป็นสุข

ณ ที่ประชุมหมู่บ้าน ‘หนองหมาว้อ’ เมื่อวาน มีประเด็นที่สมาชิกถกกันเรื่องโรคร้ายแรงที่ทำท่าจะระบาดหนักเพราะฝนตก-น้ำท่วม เดี๋ยวอีกไม่กี่วันหลังน้ำลด ลมหนาวก็คงจะพัดมาเยือนหมู่บ้านอันเป็นที่รักของพวกเราแน่แล้ว คทาชายหนุ่มหน่อหนึ่งนึกเป็นห่วงลุง กลัวว่าเดี๋ยวจะเจ็บไข้ได้ป่วยเสีย เห็นวันนี้เพลียๆ ดูเบื่อโลก จึงเอ่ยปากอยากให้พักอยู่กับบ้าน ไม่ต้องมาบริหารงานกิจการหมู่บ้านหนองหมาว้อของพวกเราก็ได้นะ

ลุงบอกทุกวันนี้ตัวเองแข็งแรงดี เตะปี๊บดัง…ปั้ง! ไม่เชื่อให้ถามป้า (ป้ารีบหลบตา มือไม้บิดเขิน) ว่าแต่ไอ้โรคที่เอ็งว่าข้าเป็นน่ะ มันชื่อโรคอะไรวะ

คทาชายหนุ่มหน่อนั้นเอ่ยขึ้นทันที ชื่อ ‘โรคไม่แยแส’ 

ทุกคนในหมู่บ้านทำหน้าเหวอ มีด้วยหรือ ‘โรคไม่แยแส’  

มีดิ่ค้าบ…บบบ พี่ป้าน้าอา ใครไม่อยากเป็นโรคไม่แยแสเหมือนลุง ฟังทางนี้

อะแฮ่ม! ก่อนอื่นขออนุญาตแปลไทยเป็นไทยก่อน โรคไม่แยแส ก็คือโรค ‘โนสน โนแคร์’ 

ขออนุญาตอีกครั้ง แปลอังกฤษกลับเป็นไทยอีกที โนแคร์ก็คือโรคไม่สนใจอะไรใครทั้งนั้น โรคที่ว่ามักมาพร้อมกับอาการ ‘หมดไฟ’ หรือ ภาษาอังกฤษชื่อ Burnout Syndrome จัดเป็นโรคทางจิตเวชชนิดหนึ่ง เกิดจากการทำงานหนักมากเกินไป พักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ความสนใจในงานที่ทำ รวมทั้งประสิทธิภาพในการทำงานลดลง 

ใครทำงานหนักมากเกินจนไม่มีเวลาเป็นของตัวเองเหมือนลุง โปรดจงระวังให้ดี Burnout Syndrome หรืออาการ ‘หมดไฟ’ อาจพัฒนากลายเป็นโรคซึมเศร้าได้ คทาชายหนุ่มหน่อนั้นอยากให้ลุงและทุกคนรีบเช็กตัวเองด่วน…

ถูกต้องแล้วค้าบ…อาการเหน็ดเหนื่อยและเมื่อยล้าทางร่างกายและจิตใจ เป็นเรื่องปกติที่คนทำงานต้องเจอ เมื่อต้องทำงานหนักมาทั้งวัน ซึ่งอาการเหล่านั้นสามารถหายไปได้เมื่อได้พักผ่อนอย่างเต็มที่­­แต่ถ้าหากพักผ่อนก็แล้ว หากิจกรรมทำเพื่อผ่อนคลายก็แล้ว ยังรู้สึกหมดไฟในการทำงาน รู้สึกเหนื่อยอยู่ดี นั่นอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ากำลังเป็นโรค Burnout Syndrome  

ว่าแต่โรคนี้คือโรคอะไร อาการสังเกตเห็นมีอะไรบ้าง เอียงหูมาใกล้ๆ เดี๋ยวหนุ่มหน่อจะกระซิบบอกให้

Burnout Syndrome เป็นโรคทางจิตเวชชนิดหนึ่ง เกิดจากการทำงานหนักมากจนเกินไปและพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ความสนใจในงานที่ทำรวมทั้งประสิทธิภาพในการทำงานลดลง นอกจากนี้ภาวะความเครียดเรื้อรังก็สามารถทำให้เป็นโรคดังกล่าวได้ด้วย 

Dr.David Ballard นักจิตวิทยาแห่งสมาคมจิตเวชศาสตร์สหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า สาเหตุของโรคนี้มาจากการที่ความสามารถในการรับมือกับความเครียดของคุณไม่ดีพอ ทำให้ไม่สามารถรับมือกับความเครียดมากมายที่ถาโถมเข้ามาได้ 

อาการเริ่มต้น หมั่นสังเกตดูตัวเองนะ ‘ลุง’

ใครสงสัยว่าตัวเองจะเป็นโรคไม่แยแส ให้สังเกตง่ายๆ จากอาการต่อไปนี้

  • เหนื่อยเรื้อรัง ในช่วงเริ่มต้นคุณอาจรู้สึกขาดพลัง ทำไมวันนี้รู้สึกเหมือนเหนื่อยผิดปกติ ไร้แรงบันดาลใจทำอะไรทั้งสิ้น รู้สึกว่าสิ่งที่ทำอยู่มันบั่นทอนจิตใจจนนำไปสู่ความหวาดกลัวกับสิ่งที่ทำอยู่
  • นอนไม่หลับ แม้จะรู้สึกเหนื่อยจะขาดใจ แต่กลับนอนไม่หลับ อาจเกิดขึ้น 1-2 คืนต่อสัปดาห์ในช่วงแรก จนกระทั่งอาการนอนไม่หลับนี้อาจเกิดถี่ขึ้น จนทำให้คุณไม่สามารถนอนได้อีกเลย
  • หลุดโฟกัส ความสนใจหล่นหาย อาการหลุดโฟกัส หลงๆ ลืมๆ (ลุงเป็นบ่อย) ล้วนแล้วแต่เป็นอาการเริ่มต้นของภาวะหมดไฟ และอาจก่อปัญหาจนกระทบการทำงานได้ในที่สุด
  • สุขภาพทรุดโทรม เริ่มมีอาการเจ็บป่วยทางสุขภาพกาย เช่น เจ็บหน้าอก หัวใจสั่น หายใจถี่ มวนท้อง เวียนศีรษะ เป็นลม และ ปวดหัว หากมีอาการดังกล่าวควรรีบปรึกษาแพทย์
  • ภูมิคุ้มกันบกพร่อง เมื่อพักผ่อนน้อยและเจ็บป่วยออดๆ แอดๆ จะส่งผลให้ภูมิต้านทานของคุณอ่อนแอ ป่วยง่าย เอะอะเป็นหวัด เอะอะไม่สบาย
  • ไม่ค่อยอยากอาหาร คุณจะเริ่มไม่ค่อยอยากทานอะไร อาจเบลอๆ ลืมทานข้าวไปสัก 2-3 มื้อ และเริ่มน้ำหนักตัวลดลงอย่างน่าตกใจ
  • เกิดความวิตกกังวล ในช่วงแรกอาจเริ่มเครียดและวิตกกังวลเล็กน้อย และลุกลามไปสู่ปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานที่ขาดประสิทธิภาพและเป็นปัญหาในชีวิตส่วนตัว
  • ซึมเศร้าบางขณะ มีบางช่วงที่คุณรู้สึกเศร้าใจอย่างไร้เหตุผล บางครั้งเกิดวามสิ้นหวัง ไร้ค้า และรู้สึกหดหู่ใจ ที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือภาวะดังกล่าวสามารถทวีคูณไปจนถึงการมองโลกในแง่ร้าย ไม่อยากอยู่ (ถ้าภาวะเศร้าของคุณมาถึงจุดนี้ ควรพบจิตแพทย์โดยทันที)
  • เกรี้ยวกราด ข้อนี้แหละ ลุงเข้าขายเป็นบ่อยๆ คือเริ่มเหวี่ยง ระเบิดลงไปทั่ว และขัดใจง่าย เป็นสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างบุคคล ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน ซึ่งความเกรี้ยวกราดนี้อาจนำไปสู่ความคิดหรือการกระทำที่รุนแรง ควรปรึกษาแพทย์โดยตรง

อยู่กับ ‘โรคไม่แยแส’ ยังไงให้เป็นสุข--ลุงบอก

ลุงได้ฟังตามที่คทาชายหน่อนั้นว่ามาทั้งหมดแล้วหัวเราะก๊าก ก่อนว่า…ความสุขอยู่ที่จิตใจของทุกคน คนที่มีความสุขจริงๆ ในชีวิต ไม่ว่าจะผ่านร้อน ผ่านหนาว แค่ใจคิดว่ามีความสุข ก็มีความสุข ต้องปล่อยวาง ต้องมองโลกในทางบวก และพร้อมจะหยิบยื่นความสุขและความรักให้คนรอบตัวได้เสมอ ทำให้คนที่อยู่ข้างๆ พลอยมี ‘รอยยิ้ม’ อยู่บนใบหน้าตามไปด้วยเสมอ 

และความลับที่ทำให้ลุงมีความสุขแบบนั้นได้ คือมีหลายสิ่งบนโลกนี้ที่ต้อง ‘ไม่แยแส’ หลานเอ๊ย! เรามาดูกันดีกว่ามันคืออะไรบ้าง

1. ไม่แยแสของนอกกาย ของหรูหรา ราคาแพง

แน่นอนว่าการมีเงินมากๆ การมีของแพงๆ ใช้ รถหรูๆ คอนโดฯ ราคาแพง คือเรื่องที่ดีในระดับหนึ่งถ้าจะมี แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ ‘การันตี’ ความสุขในชีวิต และความสำเร็จในชีวิตของคนหรอกนะ คนพวกนี้แสวงหา หรือใส่ใจกับของที่มีค่ามากกว่านั้น ของที่มีค่ากับความรู้สึก กับชีวิตเขาจริงๆ หากเงินเข้ามาหาเขา เขามีความสุข แต่ถ้าวันใดเงินไม่มา พวกเขาก็ยังมีความสุขอยู่เหมือนเดิมนั่นแหละ!

2. ไม่แยแสว่าทำอะไร ต้องมีผลตอบแทนกลับมา

ทุกคนมักรู้สึกดีเมื่อมีผลตอบแทน คำชม หรือรางวัล แต่ขณะที่คนอื่นๆ เรียกร้องหามันเมื่อทำอะไรก็ตามแต่ คนที่มีความสุขจะไม่เคยคาดหวังสิ่งนั้นๆ เขาทำทุกอย่างเพราะคิดว่ามันดี มันมีค่า มันมีประโยชน์ต่อใครก็ตามแต่ โดยไม่เคยหวังผลตอบแทนสักนิด

3. ไม่แยแสว่าจะต้องทำตามที่สังคมคาดหวังให้เป็น

คนในสังคมปัจจุบัน หลายคนหาความสุขในชีวิตจริงๆ ไม่ได้ เพราะเจอกับแรงกดดันรอบตัวมากมาย แรงกดดันที่คอยบอกว่า เราควรทำอะไร เราควรเป็นอะไร เราควรพูดอะไร และนี่คือความคาดหวังของสังคม ที่ถ้าคุณแบกรับมันไว้บนบ่า คุณจะหาความสุขในชีวิตไม่ได้เลย และนี่คือสิ่งที่คนที่มีความสุขเขาปฏิเสธที่จะทำ พวกเขาฟัง ‘เสียงหัวใจ’ ตัวเองต่างหากล่ะ

4. ไม่แยแสว่าคุณจะเป็นใคร มาจากไหน เพศ เชื้อชาติ แต่สนใจที่ตัวคนคุณจริงๆ

คนเหล่านี้ไม่ตัดสินคนที่รูปลักษณ์ภายนอก หรืออัตลักษณ์อื่นใด ทั้งเชื้อชาติ สีผิว ศาสนา เพศ หรือหน้าตา แต่ตัดสินคนที่ตัวตนของคนนั้นว่าเขาเป็นคนอย่างไร นิสัยเป็นอย่างไร ทำงานเป็นอย่างไรมากกว่า เพราะอัตลักษณ์อื่นๆ เป็นเพียงเรื่องผิวเผินเท่านั้น

5. ไม่แยแสว่าคนอื่นๆ จะคิดกับเขาว่าอย่างไร

คนพวกนี้ฟังสิ่งที่คนอื่นพูด แต่ไม่นำสิ่งนั้นมาเป็นสาระสำคัญจนทำให้พวกเขาไม่มีความสุข เขาฟังเสียงของตัวเอง เขาเชื่อมั่นในตัวเอง เพราะเขารู้ว่า หากทุกสิ่งทุกอย่าง ต้องฟังว่าคนอื่นเห็นด้วยมั้ย เขาก็จะหาความสุขไม่ได้เลย

6. ไม่แยแสว่าเขาจะต้องถูกตลอดหรือไม่

ผิดบ้าง ถูกบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา คนพวกนี้เข้าใจสัจธรรมที่ว่า ไม่มีใครเก่ง หรือรู้ไปหมดเสียทุกอย่าง และการที่เรา ‘ยอมรับ’ ว่าบางครั้งเราก็ผิด มันคือการเปิดประตูยอมรับที่จะเรียนรู้ในสิ่งที่ถูกต้องนั่นเอง

7. ไม่แยแสที่จะอยู่ในที่อโคจร หรือสิ่งแวดล้อมที่ไม่ทำให้เกิดความสุข

สถานที่บางแห่ง อยู่ๆ ไปก็มีความสุข คนพวกนี้จะไม่อยู่ ไม่สนใจ เช่น ที่อโคจร ที่สกปรก หรือสถานที่ที่มีแต่ความเครียด ความกดดัน คนพวกนี้ชอบอยู่ในที่โล่ง โปร่ง สบาย ตามสวนสาธารณะ หรือสถานที่ที่ไม่เครียด มีแต่คนดีๆ เพราะมันช่วยสร้างความสุขได้ง่ายกว่า

8. ไม่แยแสที่จะเปรียบเทียบกับคนอื่น

พวกเขาเลือกที่จะ ‘เรียนรู้’ จากคนอื่น แต่ไม่เคยเปรียบเทียบกับคนอื่น พวกเขาสนใจที่จะพัฒนาตนเองอย่างเดียว ในขณะเดียวกัน ถ้าคนอื่นประสบความสำเร็จ คนพวกนี้ก็พร้อมที่จะชื่นชม

9. ไม่แยแสเรื่องชาวบ้าน

ทุกคนมีปัญหา มีเรื่องของตัวเอง และบางทีหลายๆ เรื่องก็ไม่อยากให้คนนอกมายุ่ง โดยเฉพาะเรื่องภายในบ้าน หรือครอบครัว ซึ่งคนพวกนี้เข้าใจดี และปฏิบัติตาม คือสนใจเรื่องภายในบ้าน หรือเรื่องตัวเองมากกว่าที่จะไปสนใจเรื่องของคนอื่น

10. ไม่แยแสหากมีคนนินทา

คนที่สนใจเรื่องการนินทา ทั้งคนที่มานินทาตัวเอง หรือการนินทาเรื่องคนอื่น คือคนที่ผิวเผินมาก ซึ่งไม่ใช่คนที่มีความสุขจริงๆ คนพวกนี้สนใจแต่เรื่องตัวเองมากกว่าที่จะสนใจเรื่องของคนอื่น รวมถึงการที่คนมานินทาพวกเขา เขาก็ไม่สนใจ

11. ไม่แยแสคนที่อยู่ด้วยแล้วไม่มีความสุข หรือคนที่ชอบคิดแง่ลบ

ความสัมพันธ์ใดๆ ก็ตาม ทั้งเพื่อน หรือแฟน ถ้าอยู่ด้วยแล้วไม่มีความสุข อารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย หรือมองโลกในแง่ลบเสมอ คนที่มีความสุขจริงๆ จะออกห่าง พวกเขาจะอยู่กับคนที่อยู่ด้วยแล้วมีความสุขไปด้วยกันเท่านั้น

12. ไม่แยแสที่จะถือทิฐิ พวกเขาพร้อมให้อภัยและเดินหน้าต่อ

การโกรธ ถือทิฐิ ไม่ให้อภัย คือการทำให้เราไม่มีความสุข จะเครียดตลอดเวลา สุขภาพจิตก็ไม่ดี คนพวกนี้จะหลีกเลี่ยงสิ่งนั้น หากเกิดอะไรขึ้น เขาพร้อมที่จะให้อภัย และปล่อยตัวเขาเองจากความรู้สึกไม่ดีเหล่านั้น

13. ไม่แยแสการโกหก

คนพวกนี้เข้าใจความจริงที่ว่า คนบางคนก็โกหกจนเป็นนิสัย ซึ่งคนพวกนี้ไม่น่าคบด้วย และการโกหกมันทำให้โลกของเราไม่น่าอยู่ พวกเขาเลยขอไม่ยุ่งด้วย เพราะตัวเขาเองก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เหมือนกัน ปล่อยเลยตามเลย ไม่ยุ่งจะดีกว่า

14. ไม่แยแสที่จะต้องมา ‘ขี้บ่น’ 

การขี้บ่น คือผลผลิตของชีวิตที่ไม่มีความสุข การบ่นไปก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมา คนพวกนี้จะหลีกเลี่ยง ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่บ่น และรวมไปถึงการไม่อยู่ใกล้คนที่ชอบบ่นด้วย คนพวกนี้จะพึงพอใจและซาบซึ้งในสิ่งที่เขามี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม 

15. ไม่แยแสที่จะต้องตามแก้แค้น 

การแก้แค้น คืออย่างท้ายๆ เลยของชีวิต ถ้าคุณต้องการมีความสุข ก็ให้ปลดปล่อยทุกอย่างแก้ไขไปตามวิถีทางของมันเอง เขายอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น รู้จักการปล่อยวาง และมองโลกในแง่บวก

ก่อนเลิกประชุม คทาชายหน่อเดิมตะโกนบอก “เป็นห่วงนะค้าบ หมดไฟได้ แต่อย่าหมดใจนะลุ้ง!”

ขอบคุณข้อมูล: www.kiitdoo.com

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0