โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

จุดเริ่มวิบากกรรมหมื่นล้าน “ณพ ณรงค์เดช” พัวพัน “วินด์ เอนเนอร์ยี่”

ไทยรัฐออนไลน์ - Economics

เผยแพร่ 13 ธ.ค. 2561 เวลา 13.09 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

ไม่น่าเชื่อว่า เพียงแค่ธุรกิจกังหันลมผลิตไฟฟ้า “วินด์ เอนเนอร์ยี่” ที่สดใสรายได้นับพันล้าน จะกลายเป็นปมฟ้องร้องนับหมื่นล้านของคนในครอบครัว ณรงค์เดช แต่ก็เป็นไปแล้ว

“ถ้ารู้มาก่อนว่า การเข้าไปลงทุนซื้อหุ้น วินด์ เอนเนอร์ยี่ฯ แล้วจะทำให้ครอบครัวต้องมีปัญหากันขนาดนี้ ผมคงไม่ให้ซื้อ แม้โดยตัวธุรกิจเขาถือว่าเป็นธุรกิจที่เราเห็นว่าดี” นับเป็นประโยคสะท้อนความรู้สึกอย่างดี ของนายเกษม ณรงค์เดช เจ็บปวดกับความขัดแย้งในครอบครัว ที่ยืดเยื้อมาเป็นปี จนล่าสุดต้องเปิดบ้านแถลงข่าวพร้อมลูกชายคนโต และคนเล็ก กรณีฟ้องดำเนินคดีกับลูกชายคนกลาง คือนายณพ ณรงค์เดช กับพวกอีก 2 คน ฐานความผิดร่วมกันใช้เอกสารสิทธิปลอม และกำลังจะอุทธรณ์ต่อศาล หลังศาลชั้นต้นมีความเห็นส่ังไม่ฟ้อง

จุดเริ่มของปัญหานี้ ตามคำบอกเล่าของพี่น้องตระกูลณรงค์เดชในการแถลงข่าวนั้น ระบุว่า เมื่อต้นปี 2558 นายณพ ชวนครอบครัวในนามบริษัท เคพีเอ็น เอนเนอร์ยี (ประเทศไทย) ลงทุนในบริษัท วินด์เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้งส์ จำกัด มูลค่า 3,000 ล้านบาท ถือหุ้น 59.46% ซึ่งบริษัทวินด์ เอนเนอร์ยี่ฯ หรือ WEH นี้เป็นที่รู้กันดีในหมู่นักลงทุนว่าเป็นธุรกิจที่มีอนาคตไกล ก่อตั้งโดยนายนพพร ศุภพิพัฒน์ ที่ร่ำรวยจากการลงทุนในตลาดหุ้นและเคยติดอันดับเศรษฐีเมืองไทย แต่ขณะนี้หลบหนีหมายจับคดีม.112 แอบอ้างเบื้องสูง ไปอุ้มบีบเจ้าหนี้ให้ลดหนี้จาก 120 ล้านบาท เหลือ 20 ล้านบาท เมื่อหลายปีก่อน
แน่นอนว่าบริษัทนี้ในช่วงนั้นมีรายได้ และกำไรดี ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้านั้นพบว่า บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 27 ม.ค.2552 ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 1,088.37 ล้านบาท มีกรรมการที่มีอำนาจลงลายมือชื่อร่วมกันหลายคน หนึ่งในนั้นคือนายณพ ณรงค์เดช โดยไม่ปรากฏชื่อของคนในตระกูลณรงค์เดชคนอื่นๆ แต่อย่างใด

สำหรับฐานะการเงินนั้นมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ ซึ่งหากย้อนหลังไปช่วงที่ตระกูลณรงค์เดชตัดสินใจซื้อหุ้นในวินด์ เอนเนอร์ยี่ฯ ด้วยเงินลงทุน 3,000 ล้านบาท ในปี 2557 นั้นมีรายได้ 1,068.03 ล้านบาท กำไรสุทธิถึง 561.49 ล้านบาท แต่ต่อมาในปี 2558 หลังเข้าถือหุ้นแล้ว มีรายได้ลดลงเหลือ 747.93 ล้านบาท กำไรสุทธิ 76.73 ล้านบาท จากนั้นรายได้และกำไรเติบโตเล็กน้อย โดยกำไรอยู่ในสัดส่วนที่ดีเมื่อเทียบกับรายได้ แต่ก็ไม่เท่ากับปี 2557 จนปี 2560 รายได้ 889.70 ล้านบาท กำไรสุทธิ 263.63 ล้านบาท

ขณะที่ในส่วนทรัพย์สินรวมมีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จนปี 2560 มีทรัพย์สิน 6,330.36 ล้านบาท เช่นเดียวกับหนี้สินรวมที่เพิ่มขึ้น จนมี 1,920.49 ล้านบาท

ขณะเดียวกันในช่วงที่ผ่านมา นายณพยังได้เตรียมที่จะนำ WEH เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และมีโครงการกังหันลมผลิตไฟฟ้าหลายโครงการ แต่ก็ถูกฟ้องหรือค้างจ่ายหนี้ในการซื้อขายหุ้นประมาณ 2 หมื่นล้านบาท กระทั่งครอบครัวณรงค์เดชต้องแถลงยืนยันว่าการดำเนินการใด ๆ ของนายณพนั้นครอบครัวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0