โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

จุดจบ 1 ประเทศ 2 ระบบ? สรุปกฎหมายความมั่นคงฮ่องกง ชนวนที่ทำให้ประชาชนประท้วงอีกครั้ง

The MATTER

อัพเดต 26 พ.ค. 2563 เวลา 10.21 น. • เผยแพร่ 26 พ.ค. 2563 เวลา 09.08 น. • Quick Bite

ภาพประชาชนใส่เสื้อสีดำ ด้วยอุปกรณ์ป้องกันออกมารวมตัว แก๊สน้ำตาที่ฟุ้งทั่วถนน กำลังพลตำรวจที่เตรียมปะทะกับผู้ชุมนุม การประท้วงในฮ่องกงรอบใหม่ ได้เกิดขึ้นแล้ว โดยครั้งนี้ นอกจากแรงปะทุ และความไม่พอใจที่ยืดเยื้อจากการชุมนุมตั้งแต่ปีก่อน ยังมีชนวนใหม่ เมื่อจีนเตรียมเสนอร่างกฎหมายความมั่นคงฮ่องกง

ร่างกฎหมายนี้มีอะไร ทำไมชาวฮ่องกงถึงไม่พอใจ และแนวโน้มทิศทางของฮ่องกงต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร The MATTER สรุปมาให้แล้ว ?

อธิบายก่อนว่า ปัจจุบัน ฮ่องกงใช้กฎหมาย Basic Law ซึ่งเป็นเหมือนรัฐธรรมนูญของฮ่องกงที่อังกฤษร่างไว้ตั้งแต่ส่งมอบเกาะ โดยในกฎหมายนี้ได้ให้ฮ่องกงจึงเป็น 1 ประเทศ 2 ระบบ ที่มีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การชุมนุม สิทธิบางอย่างที่แตกต่างจากแผ่นดินใหญ่

ซึ่งภายใต้ Basic Law ฮ่องกงต้องมีกฎหมายความมั่นคงของตัวเอง แต่หลังจากที่รัฐบาลพยายามเสนอในปี 2003 ก็ถูกชาวฮ่องกงกว่า 5 แสนคน มาชุมนุมต่อต้าน จนต้องยกเลิกไป ซึ่งหลังจากนั้นก็มักมีข่าวว่ารัฐบาลพยายามจะผลักดันกฎหมายนี้อีกหลายครั้ง แต่ก็โดนกระแสต่อต้านเช่นกัน

แต่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โฆษกสภาประชาชนแห่งชาติจีน (National People’s Congress: NPC) แถลงว่าจะพิจารณาออกกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่สำหรับฮ่องกงอีกครั้ง โดยคาดว่าที่จีนเตรียมจะเสนอเองนั้น เป็นเพราะไม่เชื่อมั่นในรัฐบาลฮ่องกง จึงใช้อำนาจเพื่อผลักดันกฎหมายนี้โดยตรงเลยด้วย

มาตรา 23หรือกฎหมายความมั่นคงฮ่องกงคืออะไร?

รายละเอียดของข้อกฎหมายนี้ ยังไม่มีระบุออกมาแน่ชัด แต่จากเอกสาร ซึ่งโฆษกของรัฐบาลจีนเปิดเผยออกมา ทำให้เห็นว่าตัวกฎหมายจะทำให้สิทธิ และเสรีภาพของชาวฮ่องกงแต่เดิมหายไป

เพราะจะมีเนื้อหาห้ามการแบ่งแยกดินแดน,ห้ามการก่อความไม่สงบ โดยใช้ความรุนแรง หรือข่มขู่, ห้ามการปลุกระดมให้เกิดการกระทำที่กระทบต่อความมั่นคงของรัฐบาล ,ห้ามการแทรกแซงจากต่างชาติต่อไป และห้ามขโมยความลับของรัฐ

หากกระทำการเหล่านี้ จะกลายเป็นคดีอาชญากรรม ที่จะมีบทลงโทษด้วย ซึ่งแม้ฮ่องกงจะมี Basic Law อยู่ แต่จีนก็สามารถบังคับให้ฮ่องกงทำตามได้ด้วยการเพิ่มในภาคผนวก ให้ฮ่องกงเคารพกฎหมายจากจีนแทน

โดยมีการมองว่า ที่จีนใช้โอกาสในช่วงเวลานี้ในการผ่านกฎหมาย มีหลายปัจจัยทั้งจากการเลือกตั้งท้องถิ่นของฮ่องกงในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ยังแสดงให้เห็นว่าฝ่ายประชาธิปไตยได้รับการโหวตข้างมากจากประชาชน ซึ่งการเลือกตั้งท้องถิ่นที่จะเกิดขึ้นอีกครั้งในเดือนกันยายน ก็มีแนวโน้มที่ฝั่งประชาธิปไตยจะได้เสียงข้างมาก รัฐบาลปักกิ่งจึงใช้อำนาจเสนอกฎหมายเองทางตรง โดยไม่หวังกระบวนการเสนอจากรัฐบาลฮ่องกงที่คะแนนนิยมตกต่ำลง

ทั้งการชุมนุมที่ยืดเยื้อในปีก่อน ซึ่งฮ่องกง ที่สถานการณ์ของโรคระบาด COVID-19 ดีขึ้น ทางจีนก็ไม่ต้องการให้การชุมนุมเกิดขึ้นอีกทั้ง ไปถึงสถานการณ์ COVID-19 ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ยังทำให้รัฐบาล อย่างอังกฤษ และสหรัฐฯ ที่สนับสนุนประชาธิปไตยในฮ่องกง ไม่สามารถเข้ามายุ่งได้มาก เพราะกำลังเร่งจัดการวิกฤตในประเทศด้วย

ความกังวลของชาวฮ่องกงต่อกฎหมายนี้

“อะไรที่เราเคยทำได้ในวันนี้ ไม่สามารถการันตีได้ว่าเราจะยังทำได้ในวันพรุ่งนี้” - เอเวอรี่ นัง นักเคลื่อนไหวประชาธิปไตยในฮ่องกง

หลังจากมีข่าวการเตรียมเสนอร่างกฎหมายนี้ ชาวฮ่องกงจำนวนมาก โดยเฉพาะฝั่งสนับสนุนประชาธิปไตย ก็ได้ออกมาคัดค้าน โดยมีการมองว่าหากกฎหมายนี้ถูกบังคับใช้ จะเป็นจุดจบของ 1 ประเทศ 2 ระบบ (ที่จีนสัญญาว่าจะคงไว้ถึงปี 2047)

ทั้งจากข้อกำหนดของกฎหมายนี้ ยังจะทำให้สิทธิบางอย่างของชาวฮ่องกงที่เคยทำได้ตาม Basic Law สูญเสียไป เช่นสูญเสียเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เสรีภาพของสื่อ และสิทธิในการประท้วง ทั้งหากวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลจีน ก็อาจจะมีบทลงโทษตามมา จึงมีความกังวลว่า ประชาชนจะถูกคุกคามสิทธิมนุษยชน ภายใต้กฎหมายนี้

เอ็ดดี้ ชู นักการเมืองผู้สนับสนุนฝั่งประชาธิปไตยให้สัมภาษณ์ถึงกฎหมายนี้ว่า เขาคิดว่ากฎหมายนี้จะถูกใช้เพื่อปิดปากผู้คน และฝ่ายค้าน ทั้งในผู้ที่สนับสนุนประชาธิปไตยระดับกลาง ไปถึงกลุ่มสุดโต่ง  “กฎหมายความมั่นคงแห่งชาตินี้ จะใช้เป็นเครื่องมือในการข่มขู่ประชาชนทั่วไปแ ละทำให้คนที่กล้าเปล่งเสียงออกมากลายเป็นอาชญากร”

ทั้งยังมีความกังวลในเรื่องของระบบตุลาการของฮ่องกง ว่าจะถูกทำให้กลายเป็นเหมือนจีน คือการพิจารณาคดีที่เกี่ยวกับความมั่นคง จะถูกปิดเป็นความลับ และอาจขาดความโปร่งใส ไปถึงประเด็นว่า เสรีภาพเหล่านี้ที่ถูกลิดรอนไป ก็อาจกระทบต่อการเป็น hub และการดึงดูดธุรกิจ และอำนาจทางเศรษฐกิจที่จะหายไปด้วย

แต่ถึงอย่างนั้น หวังอี้ รัฐมนตรีว่าการต่างประเทศของจีน ก็ระบุถึงกฎหมายนี้ว่า "ไม่มีผลกระทบในระดับสูงต่อเอกราช สิทธิ และเสรีภาพของผู้อยู่อาศัยในฮ่องกง รวมถึง สิทธิอันชอบธรรม และผลประโยชน์ของนักลงทุนต่างชาติในฮ่องกง" 

จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ?

หลังมีการจะเสนอกฎหมายนี้ และมีกระแสต่อต้าน หวังอี้ ยังได้เปิดเผยอีกว่า รัฐบาลจีนได้มองว่าว่าการพิจารณากฎหมายเป็นวาระเร่งด่วน และจะเร่งผ่านกฎหมายอย่างไม่ล้าช้า

โดยสำนักข่าว South China Morning Post คาดว่าร่างกฎหมายนี้ จะถูกนำเข้าพูดคุยถึงทิศทาง ในที่ประชุมสภาประชาชนจีน ช่วงวันที่ 28 พฤษภาคม หรือปลายเดือนพฤษภาคม และหลังจากนั้นจะมีการพูดถึงรายละเอียดของข้อกฎหมาย ก่อนที่จะมีการเสนออนุมัติร่าง และประกาศในฮ่องกง ซึ่งอาจจะเป็นช่วงต้นเดือนมิถุนายน

ในขณะที่ข้อเรียกร้องของทางผู้ประท้วงก็ยึดมั่นว่า จีนจะต้องยกเลิก และถอนกฎหมายนี้ออกไป และแม้ว่าการชุมนุมที่เกิดขึ้นเมื่อสุดสัปดาห์ยังเป็นเพียงแค่การชุมนุมย่อยๆ แต่จากประวัติศาสตร์ที่ชาวฮ่องกงเคยร่วมชุมนุมต่อต้านกฎหมายนี้มาแล้ว จึงมีการคาดการณ์ถึงเป็นไปได้ ที่จะเกิดการชุมนุมใหญ่ขึ้นต่อเนื่องด้วย

ทั้งยังมีการคาดว่า หากกฎหมายผ่านแล้ว ความสัมพันธ์ของฮ่องกงกับนานาชาติอาจจะไม่เหมือนเดิม โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่ก่อนหน้านี้ออกตัวสนับสนุนฝั่งประชาธิปไตยในฮ่องกงมาแล้ว ในการชุมนุมครั้งก่อน แต่หลังจากนี้ข้อตกลงทางเศรษฐกิจ และการค้าขายระหว่างทั้งคู่อาจเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งสถานการณ์จะเป็นอย่างไร เราคงต้องติดตามกัน

อ้างอิงจาก

scmp.com

theguardian.com

time.com

cnbc.com

nytimes.com

bbc.com

bbc.com

thematter.co

Illustration by Waragorn Keeranan

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0