โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

จีนออกรายงานสมุดปกขาวเกี่ยวกับข้อเท็จจริงและจุดยืนของจีนต่อข้อพิพาทการค้ากับสหรัฐ

NATIONTV

เผยแพร่ 24 ก.ย 2561 เวลา 10.12 น. • Nation TV
จีนออกรายงานสมุดปกขาวเกี่ยวกับข้อเท็จจริงและจุดยืนของจีนต่อข้อพิพาทการค้ากับสหรัฐ
จีนออกรายงานสมุดปกขาวเกี่ยวกับข้อเท็จจริงและจุดยืนของจีนต่อข้อพิพาทการค้ากับสหรัฐ

จีนออกรายงานสมุดปกขาวเกี่ยวกับข้อเท็จจริงและจุดยืนของจีนต่อข้อพิพาทการค้ากับสหรัฐ โดยชี้ถึงความพยายามตลอด 4 ทศวรรษที่ผ่านมา เพื่อเอาชนะอุปสรรค และผลักดันความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าให้เดินหน้าต่อไป โดยถือเป็นการสร้างรากฐานของความสัมพันธ์แบบทวิภาคี

นอกจากนี้ รายงานสมุดปกขาวได้สรุปว่า สหรัฐได้ดำเนินการท้าทายจีนตลอดเวลา ซึ่งส่งผลให้ข้อพิพาทการค้าเป็นปัจจัยคุกคามที่ร้ายแรงต่อระบบการค้าพหุภาคีและหลักการของการค้าเสรี

ล่าสุดมีรายงานว่า จีนได้ยกเลิกแผนการเจรจาการค้ากับสหรัฐ จากเดิมที่มีแผนว่า จะเจรจาร่วมกันในสัปดาห์นี้ที่กรุงวอชิงตัน เนื่องมาจากการออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนครั้งใหม่วงเงิน 200,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 24 กันยายน  รวมถึงการที่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐประกาศคว่ำบาตรหน่วยงานผู้บริหารของหน่วยงานด้านกลาโหมของจีน

1.   สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รัฐบาลจีนได้ออกสมุดปกขาวในวันนี้ เผยแพร่ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ รวมทั้งการแสดงจุดยืนของจีนที่มีต่อความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐ และทาเลือกของทางออกอย่างสมเหตุสมผล

รายงานสมุดปกขาวได้ระบุถึงความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจและการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่เอื้อประโยชน์ด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งรวมทั้งข้อเท็จจริง นโยบายปกป้องทางการค้า การใช้นโยบายรุกรานทางการค้า ความเสียหายของนโยบายที่ไม่เหมาะสมของของทีมงานประธานาธิบดีธดนัลด์ ทรัมป์ ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก และสถานภาพของจีน

2.   รายงานสมุดปกขาวยังระบุถึงจีนว่า เป็นประเทศกำลังพัฒนารายใหญ่ที่สุดของโลก และสหรัฐเป็นประเทศพัฒนาแล้วรายใหญ่สุดของโลก ความสัมพันธ์ทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างจีนและสหรัฐ นับเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทั้งสองประเทศ และต่อความมีเสถียรภาพและพัฒนาของเศรษฐกิจโลก

ถึงแม้ว่า สหรัฐและจีนมีสถานะที่แตกต่างกันในด้านการพัฒนา  และระบบเศรษฐกิจที่ต่างกันด้วย ดังนั้น ข้อพิพาททางการค้าที่เกิดขึ้นจึงถือว่าอยู่ในระดับที่ปกติ โดยจีนได้ออกแนวทางเพื่อยกระดับความไว้วางใจซึ่งกันและกัน เพื่อสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือ และจัดการในเรื่องที่มองเห็นต่างกัน

รวมทั้งการเดินหน้าเพื่อที่จะพบกับคนละครึ่งทาง ด้วยการจัดตั้งกลไกการสื่อสารและการประสานงานในหลากหลายทาง ทั้งจัดตั้งคณะกรรมการร่วมทางการค้า และการเจรจาด้านยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ

3.   ในสมุดปกขาวยังชี้ถึงความพยายามตลอด 4 ทศวรรษที่ผ่านมา เพื่อเอาชนะอุปสรรค และผลักดันความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าให้เดินหน้าต่อไป โดยถือเป็นการสร้างรากฐานของความสัมพันธ์แบบทวิภาคี

แต่เมื่อทีมงานของผู้นำสหรัฐคนใหม่ประกาศนโยบาย America First มาตั้งแต่ปี 2016 และได้เพิกเฉยประเพณีปฏิบัติอันเป็นปัจจัยพื้นฐานความเคารพซึ่งกันและกัน และอย่างเท่าเทียมกัน ทั้งที่เป็นแนวทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

ขณะที่ทีมงานสหรัฐกลับดำเนินการในทางตรงกันข้ามแต่เพียงฝ่ายเดียว ใช้นโยบายกีดกันทางการค้า รวมถึงอิทธิพลทางเศรษฐกิจ โดยกล่าวหาตจีนและประเทศในภูมิภาคอื่นๆ การข่มขู่ประเทศอื่นๆผ่านทางมาตรการเศรษฐกิจ ในเรื่องการเรียกเก็บภาษีนำเข้าด้วยการกดดันจีนอย่างหนัก

4.   รายงานสมุดปกขาวยังได้ระบุถึงจีนที่ออกมาตรการตอบโต้โดยพิจารณาถึงผลประโยชน์ร่วมกัน 2 ฝ่าย และเพื่อให้การค้าโลกดำเนินไปอย่างเป็นเรียบร้อย บนหลักการของการแก้ไขข้อพิพาทผ่านทางการเจรจาและหารือ ซึ่งจีนได้ตอบสนองเรื่องที่สร้างความวิตกกังวลของสหรัฐด้วยความอดทน ใช้คติการแสวงหาจุดร่วมและสงวนจุดต่าง ด้วยการจัดการเจรจาหลายรอบกับสหรัฐ และเสนอแนวทางปฏิบัในการแก้ปัญหา

รายงานสมุดปกขาวได้สรุปในตอนท้ายว่า สหรัฐได้ดำเนินการท้าทายจีนตลอดเวลา ซึ่งส่งผลให้ข้อพิพาททางการค้าและเศรษฐกิจขยายวงออกไปอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาเพียงสั้นๆ และได้สร้างความเสียหายต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าที่ได้พัฒนามาเป็นเวลาหลายปี รวมทั้งข้อพิพาทการค้ายังเป็นปัจจัยคุกคามที่ร้ายแรงต่อระบบการค้าพหุภาคีและหลักการของการค้าที่เป็นเสรี

5.    ล่าสุดมีรายงานว่า จีนได้ยกเลิกแผนการเจรจาการค้ากับสหรัฐ จากเดิมที่มีแผนว่า จะเจรจาร่วมกันในสัปดาห์นี้ที่กรุงวอชิงตัน โดยที่ทางการจีนได้ส่งหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน ไปยังกรุงวอชิงตัน เพื่อแจ้งต่อรัฐบาลสหรัฐ เกี่ยวกับการออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนครั้งใหม่วงเงิน 200,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 24 กันยายน  

รวมถึงการที่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐประกาศคว่ำบาตรหน่วยงานผู้บริหารของหน่วยงานด้านกลาโหมของจีน ถือเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้จีนตัดสินใจยกเลิกการเจรจาการค้ากับสหรัฐในครั้งนี้

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0