โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

จีนลั่นเป้าหมายใหญ่สุดคือ'ไต้หวัน' ย้ำไม่ให้พลังใดมาขวางการรวมชาติ

Manager Online

เผยแพร่ 21 ต.ค. 2562 เวลา 15.38 น. • MGR Online

รอยเตอร์ – รัฐมนตรีกลาโหมแดนมังกรลั่น การตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่จะสะสาง “ปัญหาไต้หวัน” ให้ได้ คือ “ผลประโยชน์แห่งชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุด” ของจีน และไม่มีใครหรือพลังใดๆ จะมาขัดขวางการรวมชาติอีกครั้งของจีนได้

เว่ย เฟิ่งเหอ รัฐมนตรีกลาโหมจีน ยังสำทับว่า การดำเนินกิจกรรมต่างๆ ของพวกแบ่งแยกดินแดนจีนมีแต่จะล้มเหลว เขากล่าวเช่นนี้ในวันจันทร์ (21 ต.ค.) ระหว่างเปิดงาน “เซียงซาน ฟอรัม” ในกรุงปักกิ่ง งานประชุมด้านความมั่นคงประจำปีทำนองเดียวกับ “แชงกรี-ลา ไดอะล็อก” ซึ่งจัดขึ้นที่สิงคโปร์

ความตึงเครียดระหว่างจีนและไต้หวันกำลังเขม็งเกลียวยิ่งขึ้น ก่อนหน้าที่เกาะซึ่งปกครองตนเองแห่งนี้จะจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนมกราคมปีหน้า โดยไต้หวันถือเป็นประเด็นดินแดนที่อ่อนไหวที่สุดของจีน

เว่ยเสริมว่า จีนเป็นประเทศขนาดใหญ่เพียงแห่งเดียวในโลกที่การรวมชาติอีกครั้งหนึ่งยังคงไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์

“การตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่จะสะสาง “ปัญหาไต้หวัน” ให้ได้ เพื่อให้การรวมชาติอีกครั้งอย่างสมบูรณ์ของจีนปรากฏเป็นความจริงขึ้นมา จึงเป็นแนวโน้มที่ไม่อาจต้านทานได้ของยุคสมัย เป็นผลประโยชน์แห่งชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจีน เป็นทางเดินอันถูกต้องที่จะเดินตามและเป็นความปราถนาที่ประชาชนจีนเฝ้ารอคอย”

ทว่า ไต้หวันที่ปัจจุบันปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย โจมตีจีนว่าปกครองแบบเผด็จการและคุกคามความสงบสุขของภูมิภาค ขณะที่ปักกิ่งเพิ่มความกดดันต่อไทเปด้วยการแย่งชิงพันธมิตรทางการทูตที่เหลือพียงน้อยนิดไปจากไทเป

สภากิจการแผ่นดินใหญ่ของไต้หวันออกมาแถลงวิจารณ์การประชุมในปักกิ่งคราวนี้ว่า เป็นการเหน็บแนมตัวเอง เนื่องจากจีนต่างหากที่เป็นปัจจัยของความไร้เสถียรภาพอันนำไปสู่ความตึงเครียดมากขึ้นในภูมิภาค

คำแถลงของสภากิจการแผ่นดินใหญ่ยังระบุว่า การที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนข่มขู่จะใช้กำลังกับไต้หวันเป็นการคุกคามสันติภาพโลก แต่การข่มขู่ดังกล่าวไม่อาจสั่นคลอนเจตนารมณ์ในการปกป้องอธิปไตยและประชาธิปไตยของประชาชนไต้หวัน 23 ล้านคน และปักกิ่งควรเลิกความปรารถนาที่ไม่อาจเป็นจริงได้ในเรื่องการใช้กำลังเพื่อรวมชาติโดยเร็วที่สุด

จีนนั้นถือว่า ไต้หวันเป็นดินแดนของตนและต้องอยู่ภายใต้การปกครองของปักกิ่ง ซึ่งหากจำเป็นจีนพร้อมใช้กำลัง โดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ย้ำข้อความนี้อีกครั้งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

เวลาที่จีนแปลคำว่า “ท่งอิ” เป็นภาษาอังกฤษ จะใช้คำว่า reunification การกลับมารวมเป็นเอกภาพกันอีกครั้งหนึ่ง แต่ขณะเดียวกันคำนี้ยังสามารถหมายถึง unification การรวมเป็นเอกภาพกัน ซึ่งเป็นความหมายที่พวกผู้สนับสนุนให้ไต้หวันประกาศเอกราชนิยมใช้ โดยอ้างว่ารัฐบาลคอมมิวนิสต์ในปักกิ่งนั้นไม่เคยปกครองไต้หวันเลย ดังนั้นจึงย่อมไม่มีการกลับมารวมชาติเป็นเอกภาพกันอีกครั้ง

ทั้งนี้ กองทัพของพรรคชาตินิยม (ก๊กมิ่นตั๋ง) นำโดยเจียงไคเช็ก ที่พ่ายแพ้ต่อพรรคคอมมิวนิสต์ในสงครามกลางเมืองเมื่อปี 1949 ได้หนีไปยังไต้หวัน ดังนั้นสาธารณรัฐประชาชนจีนจึงไม่เคยปกครองไต้หวัน ขณะที่ชาวไต้หวันก็แทบไม่สนใจที่จะให้ปักกิ่งเข้ามาปกครอง

จีนยังไม่พอใจมากที่อเมริกาหนุนหลังไต้หวัน ทั้งด้วยการขายอาวุธให้ เนื่องจากแม้ไม่มีความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการกับไทเป แต่วอชิงตันมีกฎหมายบังคับให้ช่วยเหลือไต้หวันในการป้องกันตนเอง

เว่ยยังประกาศในเวทีเซียงซานว่า ไม่ว่าใครหรือกลุ่มอำนาจใดก็ไม่สามารถหยุดยั้งการรวมชาติอีกครั้งของจีนได้ และจีนมุ่งมั่นส่งเสริมความสัมพันธ์และการรวมชาติกับไต้หวันอย่างสันติ อย่างไรก็ตาม จีนจะไม่ยอมให้ขบวนการแบ่งแยกดินแดนมีช่องทางผลักดันให้ไต้หวันประกาศเอกราช และไม่ยอมให้กลุ่มพลังภายนอกเข้าแทรกแซง

ช่วงไม่กี่ปีมานี้อเมริกาและจีนขัดแย้งกันในหลายด้าน ไม่เฉพาะสงครามการค้า แต่ยังรวมถึงการที่วอชิงตันพยายามคานอำนาจและท่าทีแข็งกร้าวของกองทัพจีนในเอเชีย-แปซิฟิก

จีนนั้นอ้างอธิปไตยเหนือทะเลจีนใต้เกือบทั้งหมด ทำให้มีข้อพิพาทกับประเทศที่เล็กกว่าอย่างบรูไน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน และเวียดนาม แต่ประเทศเหล่านั้นไม่สามารถเทียบชั้นจีนในด้านงบประมาณกลาโหมที่สูงเกือบ 170,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ โดยเป็นรองเพียงอเมริกาซึ่งยังคงทิ้งห่างเป็นหลายเท่าตัว

นอกจากนั้นวอชิงตันยังโจมตีจีนว่า “ข่มขู่” เพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ทว่า เว่ยยืนยันว่า จีนเป็นประเทศใฝ่สันติที่จะไม่โจมตีใครก่อน และไม่ได้คุกคามประเทศอื่นๆ ทั่วโลก

รัฐมนตรีกลาโหมจีนสำทับว่า ความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างจีนกับอเมริกาโดยทั่วไปถือว่ามั่นคง แต่ก็มีการเผชิญหน้ากันในหลายประเด็นที่เป็นปัญหาและความท้าทาย ดังนั้น จึงควรส่งเสริมการสื่อสารเชิงยุทธศาสตร์ ความไว้ใจกันและกัน และการควบคุมความเสี่ยงระหว่างกองทัพของสองชาติ

อเมริกายังทำให้จีนขุ่นเคืองด้วยการย้ำเสรีภาพการเดินเรือโดยการส่งเรือแล่นเฉียดหมู่เกาะที่จีนยึดครองในทะเลจีนใต้บ่อยครั้ง

เว่ยปิดท้ายด้วยประเด็นนี้ว่า หมู่เกาะในทะเลจีนใต้และหมู่เกาะเตี้ยวอี๋ว์ (ในทะเลจีนตะวันออก ที่ฝ่ายญี่ปุ่นเรียกชื่อว่า เซงกากุ) เป็นส่วนที่ไม่สามารถแบ่งแยกได้ของดินแดนจีน และจีนจะไม่ยอมสูญเสียดินแดนที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษเหล่านี้แม้พียงตารางนิ้วเดียว

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0