โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

จีนซัดหนักUSฟุ้งฝันให้ปักกิ่งอ่อนข้อ หลัง'ทรัมป์'ระบุ'ดีลการค้า'มะกันต้องได้เปรียบ ชี้เรื่องปธน.มะกัน’เผยบริษัทแห่ย้ายฐานการผลิตออกจาก ‘จีน’ ที่แท้'ข่าวเก่าขึ้นรา'

Manager Online

อัพเดต 20 พ.ค. 2562 เวลา 14.29 น. • เผยแพร่ 20 พ.ค. 2562 เวลา 14.29 น. • MGR Online

รอยเตอร์/ผู้จัดการรายวัน360 – จีนซัดหนักสหรัฐฯในวันจันทร์ (20 พ.ค.) ว่า กำลังแอบๆ “ตั้งความคาดหมายแบบฟุ้งฝัน” ว่าสองประเทศจะสามารถตกลงทางการค้าในลักษณะวอชิงตันต้องการได้ ภายหลังที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์โดยกล่าวว่า ดีลการค้ากับปักกิ่งจะต้องไม่ใช่การแบ่งปันผลประโยชน์กันแบบ “50-50” แต่อเมริกาต้องเป็นฝ่ายได้เปรียบ พร้อมกับคุยว่ามาตรการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากจากทำให้หลายบริษัทตัดสินใจย้ายฐานการผลิตออกจากแดนมังกรไปยังเวียดนามและประเทศอื่นๆ ในเอเชีย ถึงแม้มีนักวิเคราะห์ชี้ว่า แนวโน้มเช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้เป็นปีๆ แล้ว

นอกจากนั้นความตึงเครียดระหว่างสองประเทศยังเพิ่มมากขึ้น เมื่อกองทัพสหรัฐฯแถลงว่า เรือรบของตนลำหนึ่งได้แล่นเฉียดใกล้แนวปะการัง สคาร์โบโร โชล ที่จีนอ้างกรรมสิทธิ์ในทะเลจีนใต้เมื่อวันอาทิตย์ (19) โดยถือเป็น “การปฏิบัติการสำแดงเสรีภาพในการเดินเรือ” ครั้งล่าสุดหลังจากที่ได้กระทำเรื่อยมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสร้างความโกรธขึ้งให้แก่ปักกิ่ง

ขณะเดียวกัน มาตรการที่ทางการสหรัฐฯเล่นงานหัวเว่ย ยักษ์ใหญ่เทเลคอมสัญชาติจีน ก็กำลังเริ่มส่งผลกระทบไปทั่วทั้งภาคเทคโนโลยีของโลก

ในการให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์นิวส์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วและนำมาออกอากาศเมื่อค่ำวันอาทิตย์ (19) ทรัมป์ ระบุว่า สหรัฐฯ และจีน “เคยมีข้อตกลงที่แข็งแกร่ง เรามีข้อตกลงที่ดี แต่พวกเขาเปลี่ยนแปลงมัน ผมก็เลยบอกว่าโอเค… งั้นเราจะรีดภาษีสินค้าของพวกเขา”

ที่กรุงปักกิ่ง ลู่ คัง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวในการแถลงข่าวประจำวันเมื่อวันจันทร์ (20) ว่า เขาไม่ทราบว่าทรัมป์กำลังพูดถึงอะไร

“เราไม่ทราบว่าข้อตกลงที่สหรัฐฯกำลังพูดถึงนี้คืออะไร บางทีสหรัฐฯอาจจะมีข้อตกลงที่พวกเขาตั้งความคาดหมายแบบฟุ้งฝันเอาไว้มาโดยตลอด ทว่าแน่นอนว่ามันไม่ใช่เป็นสิ่งที่เรียกว่าข้อตกลงซึ่งจีนได้ตกลงด้วย” เขาบอก

เหตุผลที่การเจรจาจีน-สหรัฐฯรอบสุดท้ายซึ่งจัดขึ้นที่กรุงวอชิงตันเมื่อวันที่ 9-10 ที่ผ่านมา ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ เป็นเพราะสหรัฐฯพยายามที่จะ “บรรลุผลประโยชน์ต่างๆ อันไม่สมเหตุสมผลโดยผ่านการกดดันอย่างสุดแรง” ลู่ กล่าว “ตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว นี่จะไม่มีทางสำเร็จหรอก”

จีนเข้าสู่การจรจารอบสุดท้ายด้วยท่าทีที่จริงใจและสร้างสรรค์ เขาพูดต่อ “ผมใคร่ขอย้ำอีกหนึ่งว่า การปรึกษาหารือทางเศรษฐกิจและการค้าจีน-สหรัฐฯ จะต้องเดินไปตามเส้นทางอันถูกต้องของการเคารพซึ่งกันและกัน, เท่าเทียมกัน, และเป็นประโยชน์แก่กันและกัน จึงจะมีหวังที่จะประสบความสำเร็จได้”

คณะผู้เจรจาการค้าของจีนและสหรัฐฯ ยังไม่ได้นัดหมายเจรจากันเพิ่มเติม หลังการพูดคุยครั้งล่าสุดยุติลงเมื่อวันที่ 10 พ.ค. ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ ทรัมป์ ประกาศขึ้นภาษีศุลกากรสินค้าจีนมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์จากพิกัดอัตรา 10% เป็น 25%

จากบริบทในบทสัมภาษณ์ทำให้ทราบได้ว่า ทรัมป์ ได้พูดคุยกับ สตีฟ ฮิลตัน ผู้สื่อข่าวฟ็อกซ์นิวส์คราวนี้ เพียง 2 วันหลังจากที่เขาสั่งลงดาบรีดภาษีสินค้าจีนล็อตใหม่ โดยผู้นำสหรัฐฯ ระบุว่ายินดีจะคงมาตรการทางภาษีเอาไว้ต่อไป เพราะจะช่วยให้อเมริกาเก็บภาษีศุลกากรได้เพิ่มขึ้นถึง 100,000 ล้านดอลลาร์ หรืออาจจะมากกว่านั้น

อย่างไรก็ดี ทรัมป์ เชื่อว่าสุดท้ายแล้วปักกิ่งจะต้องยอมประนีประนอมทำข้อตกลงกับสหรัฐฯ “เพราะมาตรการขึ้นภาษีกำลังฆ่าพวกเขา จีนกำลังจะถูกฆ่า”

ทรัมป์ ระบุด้วยว่า ตนเคยบอกกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ไว้แล้วว่าข้อตกลงการค้าจะต้องไม่ใช่การแบ่งปันผลประโยชน์แบบ 50-50 ทว่าอเมริกาจะต้องเป็นฝ่ายได้เปรียบ เพื่อชดเชยความสูญเสียอันเนื่องมาจากพฤติกรรมการค้าของจีนในอดีต

ในการให้สัมภาษณ์คราวนี้ ทรัมป์ยังอวดว่า มาตรการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากจีนของตน ทำให้หลายบริษัทตัดสินใจย้ายฐานการผลิตออกจากแดนมังกรไปยังเวียดนามและประเทศอื่นๆ ในเอเชีย

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เดวิด โกลด์แมน ได้เขียนเอาไว้ในเอเชียไทมส์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เรื่องนี้เป็นความจริง ทว่าเป็นข่าวเก่าๆ ขึ้นราไปแล้ว เพราะพวกกิจการของจีนกำลังโยกย้ายพวกอุตสาหกรรมประกอบตัวผลิตภัณฑ์ ซึ่งทั้งจ้างแรงงานในราคาต่ำ และทั้งให้มูลค่าเพิ่มไม่ได้มาก ออกจากแดนมังกรไปเวียดนามอยู่แล้วในช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา

เขาอ้างอิงตัวเลขสถิติว่า เมื่อปี 2014 ยอดการส่งออกของเวียดนามไปยังจีน มีมูลค่าเพียงแค่หนึ่งในแปดของสินค้าออกอเมริกันที่ส่งไปยังจีน ทว่าทุกวันนี้ตัวเลขนี้ได้เพิ่มสูงขึ้นจนมีมูลค่าเกือบเท่ากับครึ่งหนึ่งแล้ว

(อ่านข้อเขียนของ เดวิด โกลด์แมน เรื่อง Washington plays Monopoly, Beijing plays Go ได้ที่ https://www.asiatimes.com/2019/05/article/washington-plays-monopoly-beijing-plays-go/ หรือที่เก็บความเป็นภาษาไทยใช้ชื่อเรื่องว่า ‘ทรัมป์’ขยาย‘สงครามการค้า’ แต่จะชนะใน‘สงครามเทค’กับจีนได้หรือ?

https://mgronline.com/around/detail/9620000046325)

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0