โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

จิตแพทย์แนะ 4 วิธีดูแลใจให้อยู่กับโรคเบาหวาน

new18

อัพเดต 14 พ.ย. 2562 เวลา 11.36 น. • เผยแพร่ 14 พ.ย. 2562 เวลา 11.35 น. • new18
จิตแพทย์แนะ  4 วิธีดูแลใจให้อยู่กับโรคเบาหวาน
รักษาการผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพที่ 9 เผยประชาชนใน 4 จังหวัดอีสานตอนล่างป่วยเป็นโรคเบาหวานกว่า 3 แสนคน ป่วยรายใหม่เพิ่มเดือนละ 3,100 คน ห่วงผลกระทบทางใจ โดยเฉพาะความเครียดและซึมเศร้า ชี้มีโอกาสเกิดมากกว่าคนทั่วไป 2 เท่าตัว ทำให้ผู้ป่วยคุมน้ำตาลในเลือดไม่ได้ เสี่ยงเกิดโรคแทรกซ้อนง่าย อาทิสมองเสื่อม ไตเสื่อม เน้นให้รพ.ในพื้นที่ดูแลอย่างองค์รวมทั้งกาย ใจ เฝ้าระวังอารมณ์อย่างต่อเนื่อง ด้านจิตแพทย์แนะผู้ป่วยโรคเบาหวาน โดยเฉพาะรายใหม่ ใช้ 4 วิธีดูแลใจให้อยู่กับโรคได้

*รักษาการผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพที่ 9 เผยประชาชนใน 4 จังหวัดอีสานตอนล่างป่วยเป็นโรคเบาหวานกว่า 3 แสนคน ป่วยรายใหม่เพิ่มเดือนละ 3,100 คน ห่วงผลกระทบทางใจ โดยเฉพาะความเครียดและซึมเศร้า ชี้มีโอกาสเกิดมากกว่าคนทั่วไป 2 เท่าตัว ทำให้ผู้ป่วยคุมน้ำตาลในเลือดไม่ได้ เสี่ยงเกิดโรคแทรกซ้อนง่าย อาทิสมองเสื่อม ไตเสื่อม เน้นให้ รพ.ในพื้นที่ดูแลอย่างองค์รวมทั้งกาย ใจ เฝ้าระวังอารมณ์อย่างต่อเนื่อง ด้านจิตแพทย์แนะผู้ป่วยโรคเบาหวาน โดยเฉพาะรายใหม่ ใช้ 4 วิธีดูแลใจให้อยู่กับโรคได้ *

นพ.พงศ์เกษม ไข่มุกด์ รักษาการผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขประจำเขตสุขภาพที่ 9 หรือเขตนครชัยบุรินทร์ เปิดเผยว่าวันที่ 14 พ.ย.ทุกปี สมาพันธ์โรคเบาหวานนานาชาติกําหนดให้เป็นวันเบาหวานโลก เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนใส่ใจดูแลสุขภาพป้องกันการป่วย รายงานล่าสุดในปี2560 ทั่วโลกมีผู้ป่วยเบาหวานกว่า 425 ล้านคน โดย 2 ใน 3 อยู่ในวัยแรงงาน สำหรับในส่วนของพื้นที่เขตสุขภาพที่ 9 ซึ่งครอบคลุม 4 จังหวัดอีสานตอนล่างได้แก่ นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์ ในปี 2562 มีรายงานผู้ป่วยเบาหวานขึ้นทะเบียนรักษา 312,797 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุและวัยแรงงาน พบผู้ป่วยรายใหม่เฉลี่ยเดือนละ 3,100 คน 

นพ.พงศ์เกษม กล่าวว่า โรคเบาหวานเมื่อป่วยแล้วต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง ผู้ป่วยจึงมีความเสี่ยงเกิดผลกระทบทางใจได้สูงกว่าคนทั่วไป ที่เป็นห่วงก็คือปัญหาความเครียดและซึมเศร้า จะมีผลต่อประสิทธิภาพการรักษาด้วย โดยมีผลการศึกษาพบว่าผู้ป่วยเบาหวานมีโอกาสเกิดภาวะซึมเศร้าสูงกว่าคนปกติทั่วไปประมาณ 2 เท่าตัว เมื่อมีปัญหาซึมเศร้าจะทำให้การดูแลตัวเองแย่ลง ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้ ขณะเดียวกันผู้ป่วยเบาหวานที่มีความเครียดจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นได้ ทำให้เกิดปัญหาแทรกซ้อนตามมาได้ง่าย เช่น โรคหัวใจ ไตเสื่อม โรคสมองเสื่อม เป็นต้น จึงให้โรงพยาบาล(รพ.)ในเขตพื้นที่ทุกแห่ง ดูแลผู้ป่วยเบาหวานแบบองค์รวมทั้งกาย-ใจ-สังคม ทำการตรวจคัดกรอง เฝ้าระวังความเครียดและภาวะซึมเศร้าให้ผู้ป่วยเบาหวานอย่างต่อเนื่อง โดยใช้เครื่องมือมาตรฐานของกรมสุขภาพจิต จะทำให้ค้นหาปัญหาได้รวดเร็วและสามารถดูแลผู้ป่วยได้อย่างทันการ

ทางด้าน นพ.กิตต์กวี โพธิ์โน ผู้อำนวยการรพ.จิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ จ.นครราชสีมา กล่าวว่า ในการป้องกันปัญหาสุขภาพจิตในผู้ป่วยโรคเบาหวานโดยเฉพาะรายใหม่ มีข้อแนะนำให้ผู้ป่วยปฏิบัติ 4 ประการ ดังนี้ 1. ทำความเข้าใจกับโรคให้ดีที่สุด โดยสอบถามอาการและการรักษาจากแพทย์หรือพยาบาลให้เข้าใจ จะทําให้เกิดความมั่นใจ คลายความกลัว ความกังวลและปฏิบัติตามคำแนะนำ 2. เข้าร่วมกิจกรรมที่รพ.จัดขึ้นร่วมกับเพื่อนผู้ป่วยโรคเบาหวาน ซึ่งจะได้รับความรู้และวิธีการปฏิบัติตัวที่สำคัญเช่นการควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย การดูแลจิตใจให้แจ่มใส และได้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ดีๆกับผู้ป่วยด้วยกันด้วย

3. หากรู้สึกว่าอารมณ์ตึงเครียด ให้สลายความเครียดด้วยวิธีการต่างๆ เช่นฝึกการหายใจโดยใช้กล้ามเนื้อหน้าท้อง นั่งสมาธิ ฝึกการผ่อนคลาย เป็นต้น สามารถขอคำแนะนำได้ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน และ 4. หมั่นดูอารมณ์ หากรู้สึกว่าอารมณ์ตัวเองเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เช่น หงุดหงิดง่าย เบื่อหน่ายชีวิต จิตใจหดหู่ นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร ไม่มีสมาธิทํางานหรือทํากิจวัตรประจําวัน โดยมีอาการติดต่อกันนานเกิน 2 สัปดาห์ ขอให้รีบปรึกษาอสม.หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่อยู่ใกล้บ้าน หรือโทรปรึกษาที่สายด่วนสุขภาพจิตหมายเลข 1323 ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ได้รับการดูแลที่เหมาะสมอย่างทันท่วงที

สำหรับครอบครัวที่มีผู้ป่วยโรคเบาหวาน ควรดูแลให้กำลังใจเพื่อไม่ให้ผู้ป่วยเกิดความรู้สึกโดดเดี่ยว อยู่คนเดียว พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือพาไปพบแพทย์ตามนัดหรือพาไปเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม งานบุญต่างๆ ในกรณีที่ผู้ป่วยเป็นผู้สูงอายุ ควรยกย่องคุณค่าอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้หากผู้ป่วยมีกำลังใจดี ก็จะทำให้การดูแลตัวเองดีตามไปด้วย

“ปัญหาโรคเบาหวานขณะนี้ยังพบในผู้ป่วยจิตเวชมากขึ้นด้วย สาเหตุทั้งจากพฤติกรรมของผู้ป่วยเอง เช่นขาดการออกกำลังกาย และจากผลข้างเคียงของยาบางชนิดที่อาจทำให้เพิ่มความอยากอาหาร จึงเน้นการเฝ้าระวังเรื่องน้ำหนักตัวทุกคนอย่างต่อเนื่อง โดยต่อวันมีผู้ป่วยจิตเวชที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานด้วยเฉลี่ย 19 คน กลุ่มโภชนาการได้จัดเมนูเฉพาะโรค เพื่อใช้อาหารให้เป็นยาด้วย เช่นเมนูคลีน ซึ่งไม่ใช้เครื่องปรุงรส หรือใช้ความหวานอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานไม่เกิน 6 ช้อนชาต่อวัน และได้นำสมุนไพรหญ้าหวานมาใช้ในเมนูอาหารและเครื่องดื่ม โดยวันเบาหวานโลกในวันนี้ รพ.จิตเวชนครราชสีมาฯได้จัดกิจกรรมให้ความรู้การป้องกันโรคเบาหวานแก่ประชาชนที่มาใช้บริการที่แผนกผู้ป่วยนอกด้วย” นพ.กิตต์กวี กล่าว

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0