จากกรณีที่มีผู้โพสต์ข้อความหลังได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาลจำนวน5,000 พันบาทระบุว่าเงินดังกล่าวเป็นเพียงแค่ "เศษเงินหลังตู้เย็น" กำลังกลายเป็นกระแสที่ชาวโซเชียลมีเดียให้ความสนใจและเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ถึงกรณีดังกล่าวกันอย่างร้อนแรง แต่นอกเหนือจากประเด็นการตรวจสอบสถานะรับเงินเยียวยา 5,000 บาทจากโครงการ "เราไม่ทิ้งกัน" แล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ชาวเน็ตถกเถียงและพ่วงต่อมาจากประเด็นนี้ด้วย ก็คือ วิธี"เก็บเงิน" หรือแหล่งซ่อนเงินยอดฮิตที่เรารู้ว่าคุณก็แอบทำ!
สำหรับบางคนอาจจะมองว่าการ "เก็บเงิน" ไว้ใกล้ตัวคือวิธีเก็บเงินที่ดีที่สุด (ดีกว่าการฝากบัญชีธนาคาร) โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่หลายคนกดเงินสดออกมาจำนวนมากในคราวเดียว สำหรับนำมาใช้จ่ายซื้อของจำเป็นต่างๆ ในช่วงกักตัวอยู่บ้านเพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อในภาวะโรคระบาด แต่ก็มีปัญหาตามมาว่า จะหาสถานที่เก็บเงินเหล่านั้นอย่างไรให้ปลอดภัยสะดวกต่อการใช้จ่าย วันนี้กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ เลยมีคำแนะนำเกี่ยวกับสถานที่เก็บเงินยอดนิยมจากผลสำรวจของCNBC เพื่อเป็นแนวทางที่ดีในการ "เก็บเงิน" มาฝากกัน
- พฤติกรรมการเก็บเงิน
ผลสำรวจการrพฤติกรรมการออมทรัพย์ของชาวอเมริกัน1,820 คนสำนักข่าวCNBC ร่วมมือกับบริษัทอเมริกันเอ็กซ์เพรสพบว่าชาวอเมริกันส่วนใหญ่ถึง67% มีพฤติกรรมการออมเงินนอกบัญชีธนาคารโดยมีถึง53 %ที่ยอมรับว่าซ่อนอยู่ในที่ลับและมีเพียง29% เท่านั้นที่จะเลือกออมในบัญชีธนาคารต่างๆ
สำหรับประเทศไทยสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วยอึ๊งภากรณ์เผยแพร่บทความที่ชื่อว่า ส่องพฤติกรรมการออมของคนไทย ผ่านข้อมูลบัญชีเงินฝากธนาคารกว่า 80 ล้านบัญชีจาก DPA โดยวิเคราะห์ข้อมูลสถิติจากสถาบันคุ้มครองเงินฝากณเดือนมิถุนายน2560 ซึ่งครอบคลุมข้อมูล72% ของเงินฝากทั้งระบบหรือกว่า80.2 ล้านบัญชีรวมเป็นเงินฝากทั้งสิ้น12 ล้านล้านบาทพบว่าคนไทยมากกว่าครึ่งหนึ่งหรือ37.9 ล้านคนมีบัญชีเงินฝาก
แม้คนไทยจะนิยมออมเงินหรือฝากเงินในบัญชีมากกว่าชาวอเมริกา(ตามผลสำรวจที่คนไทยนับเป็น50 % คนอเมริกาแค่29 %) แต่ทั้ง 2 ประเทศก็ถือว่ามีสัดส่วนการออมเงินในบัญชีที่ต่ำอยู่ดี
- ไม่เก็บเงินในธนาคาร แล้วไปเก็บไว้ที่ไหน?
จากผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมารีสสหรัฐอเมริกา( Marist College) พบว่าสถานที่ยอดนิยมที่คนอเมริกันมักจะใช้เป็นจุดลับ "เก็บเงิน" หรือนำเงินไปซ่อนไว้ มีหลากหลายจุดแบ่งตามลำดับ ดังนี้
1. ช่องแช่แข็งในตู้เย็น 27%
2. ลิ้นชักถุงเท้า 20%
3. ใต้ที่นอน 11%
4. ในโถคุ๊กกี้ 10%
5. ที่อื่นๆ ในบ้านอีก 9%
โดยคนส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่าเงินที่เก็บซ่อนไว้เพื่อใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ชาวยุโรปหรือสหรัฐอเมริกาจะมีข่าวเรื่องการเจอเงินในสถานที่ไม่คาดฝันมากมาย ยกตัวอย่างเช่น ในปี2015 หญิงชาวอิสราเอลบังเอิญเจอที่ "เก็บเงิน" ลับๆ ในที่ขณะที่กำลังเปลี่ยนที่นอนเก่าของแม่เธอในห้องนอน โดยพบว่าเงินดังกล่าวมีจำนวนมากถึง 1 ล้านเหรียญหรือในปี2017 มีข่าวว่าชายในรัฐอิลลินอยส์บังเอิญเจอเงินเกือบ 13,000 ดอลลาสหรัฐ ในชุดสุทเก่าที่ได้รับบริจาคมา
- ไอเดียเก็บเงินและของมีค่าไว้ใบ้าน
ส่วนในประเทศไทยเอง ประเด็นเกี่ยวกับผลสำรวจเรื่องสถานที่เก็บเงินยังไม่มีหน่วยงานไหนทำออกมาแบบทางการแต่ก็มีเคล็ดลับจากเว็บไซต์ต่างๆที่มีการเผยแพร่ข้อมูลในทำนองนี้มาให้กทราบกัน ยกตัวอย่างเช่นเว็บไซต์Real-Estate Mark ได้แนะนำไอเดียในการ "เก็บเงิน" และของมีค่าในบ้านไว้อย่างน่าสนใจถึง10 สถานที่ ได้แก่
1. ในขวดโหล
2. ในกระถางต้นไม้
3. ในลิ้นชักสอดไส้
4. หลังกรอบรูป
5. ในหนังสือ
6. ในตู้ยา
7. ในปลั๊กไฟ
8. ในบ้านนก
9. ในตู้เย็น
10.ในตุ๊กตา
แต่ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินก็ออกมาให้ความเห็นว่าการ "เก็บเงิน" ไว้ในบ้านนั้นมีความเสี่ยงมากมาย ทั้งการลืมสถานที่เก็บหรือสูญเสียเงินเหล่านั้นหากเกิดอุบัติเหตุ เช่น น้ำท่วม ไฟไหม้ ฯลฯ แต่ถ้าคิดในแง่บวก การมีเก็บเงินไว้ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม อย่างน้อยก็น่าจะดีกว่าการใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายไม่มีเก็บ จนต้องกู้หนี้ยืมสินมาประทังชีวิตไปวันๆ ซะอีก
----------------------
อ้างอิง : https://www.real-estate-mark.com/diy/keep-gold-cash-house/#