โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

จากบทเรียน "ขนมจีนน้ำปลา" มหาดไทย ตั้งคณะกรรมการแก้อาหารกลางวันเด็กใน 7 วัน

เส้นทางเศรษฐี

อัพเดต 18 มิ.ย. 2561 เวลา 08.55 น. • เผยแพร่ 18 มิ.ย. 2561 เวลา 06.05 น.
aaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaa

มท.ตั้งคณะกรรมการแก้อาหารกลางวันเด็กใน 7 วัน

มหาดไทยเตรียมตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนอาการกลางวันยั่งยืนเพื่อแก้ปัญหา การทุจริต และอาหารขาดโภชนาการ ภายใน 7 วัน ขณะที่นักโภชนาการเสนอให้มีนักโภชนาการท้องถิ่น พร้อมเรียกร้องทุกโรงเรียนเข้าโปรแกรม Thai School Lunch และ ปรับเปลี่ยนระบบ E-bidding ที่เลือกคนเข้าประมูลจากราคาต่ำสุด แต่เด็กกลับได้อาหารไม่มีคุณภาพ

กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จัดเสวนาทางวิชาการ เรื่อง การบริหารจัดการอาหารกลางวันนักเรียนให้เป็นไปอย่างมีคุณภาพ โดยมี ครูและบุคลากรทางการศึกษา ตัวแทนโรงเรียนสังกัด อปท. 400 โรงเรียนเข้าร่วม

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กล่าวว่า งบประมาณอาหารกลางวันปีละมากกว่า 22,000 ล้านบาท หัวละ 20 บาท ซึ่งถือว่ามีความเหมาะสม งบประมาณไม่ได้มากหรือน้อยเกินไป แต่การที่บางโรงเรียนนำงบประมาณไปใช้แบบมีปัญหา แม้จะมีตัวอย่างดีๆ ในการจัดการอาหารกลางวันด้วยงบประมาณจำนวนดังกล่าวได้เป็นอย่างดี เช่น โรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา สมุทรปราการ เป็นต้น

“เป็นเรื่องน่าเศร้าว่าผลการศึกษาเป็นอันดับ 8 ของอาเซียน ชนะแค่พม่ากับลาว เกิดจากเด็กเล็กกินอาหารไม่ดี เซลล์สมองไม่เติบโต โดยทางการแพทย์ระบุเด็กอายุ 0-12 ปี อาหารที่ดีมีความสำคัญจะได้มีร่างกายแข็งแรงขึ้น” นายสุทธิพงษ์ กล่าว

อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เห็นว่า การแก้ปัญหาการจัดการอาหารกลางวันจะให้ทุกโรงเรียนได้ใช้ Thai School Lunch และขยายผลในอนาคต โดยโปรแกรม Thai School Lunch นี้ ทางกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นถือว่าเป็นโปรแกรมที่จัดเมนูอาหารแบบ 4.0 ตามนโยบาย คสช. แบบใช้ได้ 2 ทาง คือเข้าไปเลือกหาเมนูอาหารในโปรแกรมและสร้างเมนูเพิ่มได้เอง นอกจากนี้จะผลักดันให้มีนักโภชนาการท้องถิ่น ให้ทุก อปท. ไปดำเนินการ เพื่อให้เด็กและคนในชุมชนได้มีอาหารที่มีคุณค่า มีสารอาหารและมีความปลอดภัย

นอกจากนี้ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เตรียมแนวทางการตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนคุณภาพอาหารกลางวันเพื่อโภชนาการของเด็กนักเรียน เพื่อติดตามการดำเนินการของทุกโรงเรียนไปใช้ระบบ Thai School Lunch จะวัดได้ว่ารายการอาหารมีสารอาหารครบมีปริมาณและจำนวนที่เป็นรูปธรรม โดยคณะทำงานติดตามก็จะเข้าไปเยี่ยมเด็กนักเรียน มีนายอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัด และการมีส่วนร่วมชุมชน ผู้ปกครอง กรรมการศึกษา เพื่อจะช่วยให้เกิดสิ่งที่ดีงามกับเด็กได้มากกว่าที่ผ่านมา โดยจะจัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนให้แล้วเสร็จใน 7 วัน

นายสง่า ดามาพงษ์ นายกสมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์และผู้ทรงคุณวุฒิ สสส. กล่าวว่า สำนักโภชนาการ กรมอนามัย ค้นพบมานานแล้วว่าการเติบโตของเด็กไทยมีทุพโภชนาการขาดสารอาหาร เตี้ย แกร็น ผอม สติปัญญาไม่เติบโต ผอม เตี้ยอ้วน ไอคิวต่ำ ที่เกิดจากอาหารและโภชนาการบกพร่อง เพราะสังคมคิดแค่อิ่มท้องไม่ได้อิ่มสารอาหาร ซึ่งที่ผ่านมา สสส. และกรมอนามัยขับเคลื่อนการดูแลโภชนาการเด็กมา 10 ปี มีบทเรียนจากโครงการโภชนาการเชิงรุก โภชนาการสมวัย เด็กไทยแก้มใส แต่ที่ต้องเดินไปข้างหน้าคือการทำงานต่อยอดให้เกิดการแก้ไขปัญหาทุพโภชนาการอย่างแท้จริง

นายสง่า กล่าวด้วยว่า บทเรียนขนมจีนน้ำปลา ทำให้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงใน 3 ระดับ คือนักโภชนาการท้องถิ่น ต้องดูแลแทนครูและแม่ครัว ต้องสอนให้คนในท้องถิ่นมีทักษะการจัดอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ สอนเด็กให้กินผัก มีพฤติกรรมด้านโภชนาการที่เหมาะสม

“ถึงเวลาที่จะต้องนำ Thai School Lunch มาใช้อย่างเป็นรูปธรรม เพราะโปรแกรมนี้ จะป้อนข้อมูลและบอกเมนูอาหาร วัตถุดิบและราคามาปรับปรุงให้เด็กรับประทานอาหาร กินอาหารครบถ้วนและเพียงพอ” ผู้ทรงคุณวุฒิ สสส. กล่าว

นายสง่า ระบุว่า สสส. และภาคีเครือข่ายจะนำมาช่วยกันผลักดันให้เกิดผลกับเด็ก โดยเฉพาะบทบาทของกรมอนามัยส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาพดี 1. ต้องสนับสนุนระบบ Thai School Lunch ให้เกิดกับโรงเรียนในสังกัดทั้งระบบ 2. ร่วมเป็นแกนนำเครือข่ายชุมชนกำหนดทีโออาร์ในการจัดซื้ออาหารกลางวัน 3. การเฝ้าระวังและติดตามภาวะโภชนาการ โดยให้วางแผนพัฒนาในระดับตำบลกำหนดคณะกรรมการขับเคลื่อนในเรื่องนี้เอาไว้อย่างชัดเจน 4. พัฒนาครูและแม่ครัวที่เกี่ยวข้อง ไม่ยอมให้แม่ค้ามากุมชะตาชีวิตเด็ก 5. เร่งรัดให้มีนักโภชนาการเกิดขึ้น อย่างน้อย อำเภอละ 1 คน 6. เปิดโอกาสให้ครอบครัวชุมชนมามีส่วนร่วมเป็นเจ้าของ

ขณะที่ ดร.อุไรพร จิตต์แจ้ง นักวิชาการด้านโภชนาการชุมชน สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า จากการอบรมครูเรื่องโปรแกรม Thai School Lunch 4-5 ปี พบว่า ประเด็นการประมูลจัดจ้าง ตาม Thai School Lunch ที่โรงเรียนต้องจัดอาหารล่วงหน้า มากำหนดเป็นเงื่อนไขในทีโออาร์ให้กับผู้เข้าประมูล ไม่ต้องใช้สเปกจากประมูลราคาตามระเบียบปฏิบัติเรื่อง E-bidding คนประมูลถูกสุดได้งาน แต่เด็กกลับได้อาหารไม่มีคุณภาพ

ส่วน ดร.สุปียา เจริญศิริวัฒน์ นักวิจัยศูนย์อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) กล่าวว่า อยู่ระหว่างการพัฒนาโปรแกรม Thai School Lunch ให้ใช้ง่ายและสามารถออนไลน์เข้าไปในทุกเครื่อง ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต และเชื่อว่าในสัปดาห์หน้าโรงเรียนกว่า 19,000 แห่งจะได้ใช้ระบบนี้ และจะปรับระบบให้หน่วยงานในสังกัดสามารถติดตามการจัดการอาหารของโรงเรียนตามโปรแกรมได้

“คาดว่าหากพัฒนาโปรแกรม Thai School Lunch ให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น เอาเทคโนโลยี AI มาแทนนักโภชนาการ จัดเมนูอาหารได้ไม่ซ้ำกันจะช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้” ดร.สุปียา กล่าว

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0