จับ ส.ต.อ.ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พร้อมหน้ากากอนามัย ผบ.ตร. สั่งหาต้นตอ
เมื่อวันที่ 8 เมษายน พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วยผบ.ตร.) และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีมีการจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ฝ่าฝืนข้อกำหนด โดยออกนอกเคหสถานในเวลาห้าม ในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ดว่า เมื่อวันที่ 7 เมษายน เวลา 23.40 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครอง ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดตรวจคัดกรองการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ถนนโพนทอง-กุฉินารายณ์ หมู่ 3 ตำบลแวง อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด พบรถยนต์นั่งส่วนบุคคล มี ส.ต.อ.พิทักษ์ พลโยราช เจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรเมืองร้อยเอ็ด เป็นผู้ขับขี่ มีภรรยานั่งโดยสารคู่มาด้วย เจ้าหน้าที่จึงเรียกให้หยุดและขอทำการตรวจสอบภายในรถ พบหน้ากากอนามัย 3 ลัง จำนวน 7,500 ชิ้น
สอบถามเบื้องต้น ส.ต.อ.พิทักษ์ให้การว่า ตนและภรรยาเดินทางมาจากจังหวัดมุกดาหาร และกำลังจะกลับที่พักในตัวจังหวัดร้อยเอ็ด เจ้าหน้าที่ได้สอบถามถึงที่มาของหน้ากากอนามัยแต่ ส.ต.อ.พิทักษ์ให้การบ่ายเบี่ยง จึงตรวจยึดหน้ากากอนามัยไว้เป็นของกลาง จับกุมตัว ส.ต.อ.พิทักษ์และภรรยา นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี
พล.ต.ท.ปิยะกล่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทราบเรื่องแล้วและสั่งการไปยังผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดให้ตรวจสอบโดยละเอียดถึงที่มาของหน้ากากอนามัย และมูลเหตุจูงใจในการกระทำความผิด รวมถึงเคยกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวมาก่อนด้วยหรือไม่ หากพบความผิดให้ดำเนินคดีทุกข้อหา เช่น ความผิดเกี่ยวกับการมีสินค้าควบคุมไว้ในครอบครองเกินกำหนด หรือการกระทำผิดที่มีลักษณะเป็นขบวนการหรือไม่ นอกเหนือจากความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว รวมทั้งให้พิจารณาโทษทางการปกครองและวินัยอย่างถึงที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไปด้วย และสั่งการไปยังข้าราชการตำรวจทุกนาย โดยจะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีกับประชาชน และหน่วยงานอื่นในการเคารพและปฏิบัติตามกฎหมาย หากพบข้าราชการตำรวจกระทำผิดเสียเองจะลงโทษสถานหนัก ทั้งนี้ ยังได้กำชับไปยังผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นให้กวดขัน ความประพฤติ และระเบียบวินัยของผู้ใต้บังคับบัญชา ตามนัยคำสั่ง ตร.ที่ 1212/2537 อีกด้วย
