โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

จับได้แล้ว! ผู้ต้องขังหนีเรือนจำบุรีรัมย์รายสุดท้าย

ข่าวช่องวัน 31

อัพเดต 31 มี.ค. 2563 เวลา 05.57 น. • เผยแพร่ 31 มี.ค. 2563 เวลา 03.28 น. • one31.net
จับได้แล้ว! ผู้ต้องขังหนีเรือนจำบุรีรัมย์รายสุดท้าย

ตำรวจปูพรมจับผู้ต้องหาหนีเรือนจำบุรีรัมย์รายสุดท้ายได้ ในพื้นที่ใกล้บ้านเกิด อ้างมีขาใหญ่วางแผนแหกคุก

 

จากกรณีเหตุจลาจลในเรือนจำบุรีรัมย์ เนื่องจากมีกลุ่มผู้ต้องขัง จุดไฟเผาเรือนนอน จนต้องย้ายผู้ต้องขังกว่า 2,000 คน ไปตามเรือนจำใกล้เคียง 18 แห่ง โดยเหตุจลาจลที่เกิดขึ้นมีผู้ต้องขังร่วมก่อเหตุทั้งหมด 11 คน จับได้แล้ว 10 คน เหลือเพียง 1 คนที่ยังหลบหนี คือ นายธันยพงศ์ สินพูน อายุ 26 ปี ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้ว

ในช่วงกลางดึกที่ผ่านมาตำรวจได้สนธิกำลังติดตามไล่ล่าตัว นายธัณยพงศ์ โดยจากข้อมูลชุดสืบสวน ระบุว่า ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าพบบุคคลต้องสงสัยคล้ายกับ นายธัณยพงศ์ อยู่แถวบริเวณป่าใกล้กับลำคลองคูเมืองโบราณของหมู่บ้านโนนเมือง ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ นายธัณยพงศ์ ตำรวจจึงได้จัดกำลังปูพรมค้นหา กระทั่งพบรถจักรยานยนต์ และเสื้อผ้าของ นายธันยพงศ์ ที่ได้ขโมยมาจากหอพักใกล้กับเรือนจำ ขณะหลบหนีและถอดทิ้งไว้

กระทั่งเมื่อเวลาประมาณเวลา 01.00 น. ที่ผ่านมา ตำรวจได้รับแจ้งอีกว่าพบบุคคลต้องสงสัยคล้ายกับ นายธันยพงศ์ ในสภาพไม่สวมเสื้อ ลายสักเต็มตัว นุ่งกางเกงขาสั้น ได้เดินเท้ามาอยู่ในละแวกบ้านผักกาดหญ้า ต.พรสำราญ อ.คูเมือง ซึ่งอยู่ติดถนนสายบุรีรัมย์-พุทไธสง และอยู่ห่างจากจุดที่ นายธันยพงศ์ จอดรถจักรยานยนต์และถอดเสื้อผ้าทิ้งไว้ประมาณ 3 กิโลเมตร ก่อนพบตัว นายธัณยพงศ์ แอบซุกซ่อนตัวอยู่ข้างพุ่มไม้ริมถนนสายบุรีรัมย์-พุทไธสง ในสภาพอิดโรย และนำตัวมาสอบสวนที่ สภ.คูเมือง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เบื้องต้นจากการสอบสวนนายธันยพงศ์ ให้การยอมรับสารภาพว่า วันเกิดเหตุตนเองพร้อมกลุ่มเพื่อนผู้ต้องขัง ได้ทำการทุบกำแพงพร้อมตัดกรงเหล็ก ออกมาจากบริเวณช่องทางเยี่ยมญาติของเรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์ แล้วพากันวิ่งหลบหนีออกข้างกำแพงเรือนจำ ก่อนวิ่งอ้อมไปทางด้านหลังเรือนจำ ซึ่งพอไปถึงโรงแรมแห่งหนึ่งได้พากันเข้าไปขโมยเสื้อผ้า และรถจักรยานยนต์ขับหลบหนี โดยได้แยกย้ายกันหลบหนีไป ซึ่งระหว่างนั้นตนเองวิ่งตกลงไปในบ่อระเบิดหิน และได้หลบซ่อนตัวอยู่ในนั้น

กระทั่งเวลาประมาณเที่ยงคืน จึงได้ปีนขึ้นมาจากบ่อระเบิดหิน แล้วไปเอารถจักรยนต์ที่จอดทิ้งไว้บริเวณหอพักของน้องสาว ที่หมู่บ้านโคกเขา ต.เสม็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ที่ตนได้ฝากไว้ก่อนถูกจับกุม แล้วขับหลบหนีมุ่งหน้ามาที่หมู่บ้านโนนเมือง ซึ่งเป็นบ้านเกิด โดยได้ซุกซ่อนตัวอยู่ในป่า ก่อนถูกตำรวจจับกุมได้

ส่วนการจลาจลนั้น นายธัณยพงศ์ บอกเพียงว่าก่อนหน้านี้ได้มีขาใหญ่ในเรือนจำ ได้เรียกตัวพ่อบ้านของแต่ละบ้าน คือ ขาใหญ่ของผู้ต้องขังแต่ละอำเภอ ไปพูดพูดคุยกันว่าจะทำการแหกคุกในวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา โดยระหว่างที่ตนกำลังนั่งกินข้าวต้มอยู่ ได้เห็นเพื่อนผู้ต้องขังลุกฮือก่อเหตุจลาจล จึงได้ไปร่วมกับเพื่อนช่วยกันทุบทำลายกำแพงประตู ตัดกรงเหล็กแล้วทำการหลบหนี

ขณะที่ พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าล่าสุดว่า สำหรับแผนประทุษกรรมเหตุการณ์นี้ จากการสอบถามตัวแกนนำใหญ่ พบว่า ถูกโดนตัดสินจำคุกตลอดชีวิตเมื่อวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมาในคดียาเสพติด และคาดว่าน่าจะเริ่มคิดหลบหนีหาวิธีแหกคุกด้วยกระแสโควิด-19 ก่อนจะเริ่มปลุกระดมผู้ต้องขังรายอื่นๆ จนเกิดเหตุจลาจลจนสถานการณ์บานปลาย ซึ่งช่วงเกิดเหตุได้มีเจ้าหน้าที่เข้าไปต่อรองเจรจากับแกนนำผู้ต้องขังแล้ว แต่ไม่มีแกนนำแสดงตัว

เจ้าหน้าที่จึงใช้วิธีสังเกตุว่าใครคือหัวหน้าหรือแกนนำ ก่อนคัดแยกผู้ต้องขังกลุ่มนั้นได้ออกมากว่า 30 คน และขนย้ายไปที่เรือนจำกลางคลองไผ่ เพื่อทำการสอบสวน ซึ่งเมื่อวานนี้ได้รับแจ้งว่ามีผู้ต้องขังรายอื่นๆที่เกี่ยวข้องถูกย้ายไปยังเรือนจำต่างๆ จึงได้มีการทำเรื่อส่งตัวมาสอบสวนที่เรือนจำกลางคลองไผ่ รวมล่าสุดตอนนี้กว่า 50 คน พร้อมยืนยันกระแสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นเป็นแค่คำกล่าวอ้างของผู้ต้องขัง.

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0