โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

จับแล้วเสมียนทนาย แย่งปืนยิง "พล.ต.ต.ธารินทร์" ศาลออกมาตรการรปภ.

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

อัพเดต 13 พ.ย. 2562 เวลา 15.21 น. • เผยแพร่ 13 พ.ย. 2562 เวลา 15.21 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

สรุปคดียิงในศาลจันทบุรี เสียชีวิต3ศพ พบ "พล.ต.ต.ธารินทร์"ถูกยิงเข้าช่องท้อง 2 นัด ตร.ตามจับเสมียนทนาย คนแย่งปืนมายิงได้ในโรงแรม ให้การปฏิเสธ เผยปฐมบทมาจากการขายที่ดินให้"กิตติวุฑโฒ"แล้ว ต่อมาทั้งคนขาย และคนซื้อตาย 

คดียิงในศาลฯ ตาย3 บาดเจ็บ2

วันที่ 13 พ.ย  กรณี พล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์ อดีตรองจเรตำรวจ วัย 67 ปี จำเลย ก่อเหตุชักปืนยิงคู่กรณีฝ่ายโจทก์ทำให้ นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ ทนายความและเป็นอดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ  นายวิจัย สุขรมย์ ทนายความ เสียชีวิต ส่วน นางสุภาพร ปรมีศณาภรณ์ ภรรยาของนายบัญชา และทนายความอีกคนบาดเจ็บ ก่อนที่ นายธนากร ธีรวโรดม เสมียนทนาย จะเอาปืนตำรวจศาล มายิง พล.ต.ต.ธารินทร์ จนเสียชีวิตไปด้วย สรุปเสียชีวิตรวม 3 ศพ บาดเจ็บ 2 ราย เหตุเกิดหน้าบัลลังก์ ภายในห้องพิจารณาคดี 2 ศาลจังหวัดจันทบุรี เมื่อเช้าวันที่ 12 พ.ย. ที่ผ่านมา ปมเหตุมาจากการฟ้องร้องเรื่องที่ดิน มานานร่วม 10 ปี

จับ"ธนากร"เสมียนทนาย คนยิง"พล.ต.ต.ธารินทร์"

ความคืบหน้า วันที่13พ.ย. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึง เหตุการณ์ที่ศาล จ.จันทบุรี ว่าได้รับรายงานจาก ภ.จว.จันทบุรี ว่าภายหลังจากการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ตรวจยึดอาวุธปืน, ปลอกกระสุนปืนและลูกกระสุน, สอบปากคำพยาน รวมไปถึงกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ ร.ต.อ.หญิง ปัญญาพร ศรีชาย รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองจันทบุรี ได้ขออนุมัติหมายจับ ศาลจังหวัดจันทบุรี เข้าจับกุม นายธนากร ธีรวโรดม ผู้ใช้ปืนของ ร.ต.อ.ขจร บรรจง รอง สวป.สภ.เมืองจันทบุรี ปฏิบัติหน้าที่ตำรวจศาล ยิงใส่ พล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์ เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ในความผิดฐาน “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” 

ไม่ได้หนี ยังนอนอยู่โรงแรม

ต่อมา เวลา 09. 00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธรภาค 2 ได้พบรถยนต์คันที่นายธนากร โดยสารออกจากศาลฯ อยู่บริเวณ โรงแรมเกษมศานติ์ ในตัวเมืองจันทบุรี จึงได้เฝ้าดู จนกระทั่ง นายธนากร ออกจากห้องพัก จึงได้แสดงหมายจับ เข้าทำการจับกุม ควบคุมตัวมาสอบสวนปากคำที่ สภ.เมืองจันทบุรี โดยมีทีมทนายความ เดินทางมาร่วมฟังการสอบสวน โดยทางทนายความของ นายธนากร ไม่อนุญาตให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าไปภายในห้องสอบสวน ซึ่งนายธนากร ได้ขอให้การในชั้นศาล จนกระทั่งบ่าย ตำรวจได้นำตัวนายธนากร คลุมหน้าเดินลัดเลาะออกจากอาคารขึ้นด้านข้างโรงพักไปอย่างรวดเร็ว

ภรรยา "ทนายบัญชา"ผ่าตัดแล้ว หายใจปกติ 

จากนั้น เวลา 12.00น.ที่ห้องประชุมอาคารประชาธิปกศักดิเดช รพ.พระปกเกล้า จ.จันทบุรี นายเกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผอ.โรงพยาบาล พร้อมด้วยแพทย์นิติเวช และคณะแพทย์ผู้ดูแลรักษา ผู้บาดเจ็บ 2 ราย คือ นางสุภาพร ปรมีศณาภรณ์ อายุ 59 ปี ภรรยาทนายความบัญชา ฝ่ายโจทย์ และนายวิชัย อุดมธนภัทร อายุ 51 ปี ทนายความ ที่ถูก พล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์ ใช้อาวุธปืนพกสั้น ปืนกล็อก 22 ขนาด .40 กระหน่ำยิงจนได้รับบาดเจ็บสาหัส  เปิดแถลงอาการของผู้บาดเจ็บทั้ง 2 ราย

ทั้งนี้ อาการ นางสุภาพร ที่ถูกนำตัวส่งเข้ามารักษา มีอาการบาดเจ็บสำคัญ คือ ถูกยิงบริเวณท้อง และขาซ้าย 15 นาที ก่อนมาถึงโรงพยาบาล หลังเข้ารับการผ่าตัด ผู้ป่วยรู้สึกตัวดี มีอาการตอบสนอง หายใจสัมพันธ์กับเครื่องดี แผลผ่าตัดหน้าท้อง ที่บริเวณขาหนีบข้างซ้าย และที่ฝ่าเท้าข้างซ้าย มีอาการดีขึ้น ปัจจุบันผู้ป่วย รู้สึกตัวดี ระบบการหายใจปกติ แผลผ่าตัดหน้าท้อง และแผลขาซ้ายที่ทำผ่าตัดแห้งดี ไม่บวมแดง

ส่วนอาการบาดเจ็บของ นายวิชัย อุดมธนภัทร อาการสำคัญ เข้ามารับการรักษา จากสาเหตุถูกยิงบริเวณนิ้วก้อยมือขวา อาการปัจจุบัน รู้สึกตัวดี แผลเย็บที่นิ้วก้อย แห้งดี ไม่มีเลือดซึม ไม่บวมแดง มีแผลถลอกบริเวณสีข้างด้านขวา โดยวันนี้แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านไปแล้ว

ศพ"พล.ต.ต.ธารินทร์"ถูกยิงช่องท้อง 2 แผล

ขณะที่ แพทย์นิติเวช เปิดเผยถึงรายละเอียด บาดแผลเบื้องต้น ที่ตรวจพบจากการฉายเอ็กซเรย์ บนร่างของผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย คือ นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ ทนายความ นายวิจัย สุขรมย์ ทนายความ และ พล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์ ผู้ก่อเหตุ ก่อนถูกนำไปผ่าชันสูตรอย่างละเอียดที่ รพ.ตำรวจ โดยบนศพของ พล.ต.ต.ธารินทร์ พบบาดฉกรรจ์ บริเวณช่องท้องด้านซ้ายและด้านขวา จำนวน 2 นัด มีขนาดใกล้เคียงกัน และรอยกระสุนปืนถากบริเวณศีรษะ แขนซ้าย รอยถูกกระสุนปืนเข้า 2 แผล ออก 2 แผล ที่บริเวณเข่าด้านขา ซึ่งมีขนาดใกล้เคียงกัน และจากการเอ็กซเรย์ ไม่พบมีกระสุนตกค้าง คาดว่า มีการนำออกในขณะที่ผ่าตัดรักษา

เผย "ทนายบัญชา"ถูกยิงเข้าลำคอด้านซ้าย

ส่วนศพของ นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ ทนายความ จากการตรวจด้วยการเอ็กซเรย์ พบมีกระสุนปืนค้างที่บริเวณกราม บริเวณปาก กระดูกกรามแตกหลายแห่ง ที่คาดว่าจะเกิดจากรอยกระสุนปืนที่ทะลุจากลำคอด้านซ้าย และพบบาดแผลจากกระสุนปืน ที่บริเวณขาหนีบด้านซ้าย และที่บริเวณขาขวา จากการฉายภาพรังสี พบมีกระสุนปืนตกค้างที่บริเวณขาหนีบ

ศพของ นายวิจัย สุขรมย์ ทนายความฝ่ายโจทก์อีกคน จากการเอ็กซเรย์ พบมีบาดแผลจากกระสุนปืนที่บริเวณขมับซ้าย และจากการฉายรังสี พบมีกระสุนตกค้างในกะโหลกศีรษะ ที่คาดว่าน่าจะโดนในส่วนของสมอง  พบมีบาดแผลกระสุนอยู่ที่บริเวณอก และจากการฉายรังสี ยังพบมีกระสุนปืนค้างอยู่ที่ช่องอก 1 นัด ที่ช่องท้องอีก 1 นัด ที่ข้อศอกขวาอีก 1 นัด และที่บริเวณสีข้าง มีรอยกระสุนปืน อีก 1 นัด ซึ่งกระสุนที่ถูกผ่าตัดออกมา จากผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต ได้ส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวนใช้เป็นหลักฐาน ในการนำไปเปรียบเทียบกับผลผ่าพิสูจน์หัวกระสุนจากทั้ง3ศพ ว่าแต่ละศพ ถูกยิงด้วยปืนกระบอกใด และขนาดใด

เผยที่มาเหตุพิพาท ขายที่ดินให้"กิตติวุฑโฒ"

ด้าน นายจรูญ วรรณกสิณานนท์ ทนายความที่ปรึกษาของ พล.ต.ต.ธารินทร์ กล่าวว่า จุดเริ่มต้นเป็นคดีความที่เกิดขึ้นมาเป็นเวลานานถึง 8 ปี เป็นคดีของตระกูลโกศลานันท์ ที่ จ.จันทบุรี ที่ได้ขายที่ดินให้กับพระกิตติวุฑโฒ ภิกขุ ในนามของ มูลนิธิอธิธรรมมหาธาตุวิทยาลัย จำนวนเงิน 12 ล้านบาท เมื่อปี 2515 โดยพระกิตติวุฑโฒ ได้ขอซื้อผ่อนชำระ โดยการเรี่ยไรบุญจากประชาชน ตามหนังสือช่อฟ้าของวัดมหาธาตุ

*"กิตติวุฑโฒ"มรณภาพ น้องชายอ้าง เป็นคนซื้อ *

"เจ้าของที่ดิน คือ ตาของนางเขมจิรา บัญฑูรนิพิท อดีตภรรยา พล.ต.ต.ธารินทร์  ซึ่งคุณตาได้เสียชีวิต ไปเมื่อปี 2538 จากนั้น ระหว่างการผ่อนจ่ายซื้อที่ดินอยู่นั้น พระกิตติวุฑโฒ ได้มรณภาพ ต่อมาเมื่อปี 2550 นายบุญช่วย น้องชายของพระกิตติวุฑโฒ ออกมาอ้างตัวว่า เป็นคนซื้อที่ดินทั้งหมด ตั้งแต่ปี 2515 ในราคา 14 ล้านบาท และอ้างว่า ได้ชำระค่าที่ดินแล้ว แต่นายบุญช่วย ไม่มีสัญญาซื้อขาย ไม่มีหลักฐานการชำระเงิน ไม่มี นส.3 ตัวจริง นอกจากนี้ ในคดีมีการแถลงจำนวนทายาทในคดีแรก มีเพียง 3 คน จากความจริงมี 6 คน ซึ่งแม่ของนางเขมจิรา เป็น ทายาท 1 ใน 6 ทำให้ทางแม่ของนางเขมจิรา ได้ขอให้ พล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์ อดีตตำรวจซึ่งเป็นอดีตสามีของนางเขมจิรา เข้ามาช่วยพิสูจน์ความจริง และจากการตรวจสอบพบว่า การซื้อขายที่ดินดังกล่าวมีการซื้อขายอย่างไม่ถูกต้อง จึงได้เกิดการฟ้องร้องกัน เป็นเวลา 8 ปี จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ขึ้น โดยส่วนตัวคิดว่า น่าจะเกิดความเครียด และกดดัน ทำให้ก่อเหตุขึ้น"นายจรูญ กล่าว

*เร่งสอบปม "พล.ต.ต.ธารินทร์" ลอบนำปืนเข้าศาล *

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 14.00 น. วันที่ 13 พ.ย.พ.ต.อ.ณพล นามนารถ รอง ผบก.จว.จันทบุรี ได้แถลงกับผู้สื่อข่าวว่า จากการสอบปากคำนายธนากร ให้การปฎิเสธในทุกข้อหา และขอให้การในชั้นศาล แต่ยอมรับว่าเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ส่วนในเรื่องของนายธนากร จะเป็นคนแย่งปืนไปยิงเองหรือตำรวจศาลเป็นผู้ยื่นปืนให้ รวมไปถึง เรื่องการที่ พล.ต.ต.ธารินทร์ ลักลอบนำอาวุธปืนของตนเองเข้าไปในศาลนั้น ตอนนี้อยู่ระหว่างให้คณะกรรมการสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้อยู่

*อดีตผญบ.ยันที่ดิน3.8พันไร่ เป็นของบ.จิตตภาวัน  *

ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยัง วัดคลองน้ำเป็น ตำบลพลวง อำเภอเขาคิชฌกูฏ พื้นที่ที่นายบุญช่วย ได้บริจาคที่ดินให้วัดไปแล้ว ได้พบกับ นายสมโภชน์ คละวรรณดี อายุ 60 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 7 ตำบลพลวง ให้ข้อมูลว่า ตนเองเคยเป็นอดีตผู้ใหญ่บ้านที่ดูแลในพื้นที่  ที่ดิน 3,800 ไร่ เท่าที่รู้เป็นของ บริษัท จิตภาวัน ซึ่งมีนายบุญช่วย เจริญสถาพร น้องชายของอดีตพระกิตติวุฑโฒ เป็นผู้จัดการบริษัทมาตั้งนานแล้ว ส่วนใหญ่พื้นที่ทั้งหมด จะทำเป็นสวนยางพารา ไร่ผลไม้ และช่วงหลังๆ มีการล้มไร่ยางพารา เปลี่ยนมาปลูกทุเรียนแทน

นายสมโภชน์ ยังบอกอีกด้วยว่า เพิ่งจะมีรู้ช่วงๆหลังๆมานี้ ที่มีการฟ้องร้องเรื่องที่ดิน ซึ่งตนเองก็ไม่รู้เรื่องมาก แต่ปกติแล้ว นายบุญช่วยนั้น เป็นคนที่ชาวบ้านในพื้นที่รักใคร่ดี มีน้ำใจ เนื่องจากเวลามีงานบุญ หรือให้ช่วยเหลือ บริจาคทำอะไร นายบุญช่วยก็จะเป็นคนยื่นมือเข้ามาช่วยตลอด ส่วนตัว มองว่า เหตุการณ์ที่ขึ้นในศาล อีกฝ่ายน่าจะไม่พอใจที่ฝั่งของนายบุญช่วย ชนะคดี และมีความอดทนไม่เพียงพอ ยับยั้งอารมณ์ไม่ได้ ซึ่งเป็นถึงตำรวจระดับพลตำรวจ ไม่ควรมาก่อเหตุแบบนี้

บุญช่วย ยืนยัน เรื่องจบที่ศาลฎีกา"ผมชนะคดี"

ผู้สื่อข่าว พยายามติดต่อนายบุญช่วย เจริญสถาพร ผู้ดูแลที่ดิน 3,800 ไร่ เพื่อสอบถามเรื่องความขัดแย้งที่เกิดขึ้นผ่านผู้ใหญ่บ้าน แต่ทางนายบุญช่วย และนายต้อม ลูกชาย ได้ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลใดๆกับทีมข่าว โดยบอกผ่านทางผู้ใหญ่บ้าน เพียงว่า เรื่องความขัดแย้งที่ดินทั้งหมดนั้น จบลงที่ 3 ศาล เรื่องจบลงที่ศาลฎีกาแล้ว และอีกฝ่ายได้แพ้คดีไปแล้ว ที่ดินทั้งหมดนั้นเป็นของตน โดยตอนนี้ขอเวลาจัดการเรื่องเหตุการณ์ในครั้งนี้ก่อน และขอคิดดูก่อนว่าจะชี้แจงกับนักข่าวหรือไม่ เพราะคิดว่าเรื่องจบไปแล้ว

รับศพ ทนาย"วิจัย สุขรมย์" กลับบ้านอดุรฯ 

วันเดียวกัน ที่.อุดรธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ่อแม่นายวิจัย สุขรมย์ อายุ 51 ปี ทนายความ อยู่บ้านเลขที่ 117 หมู่ 3 บ้านเมืองพรึก ต.แชแล อ.กุมภวาปี หนึ่งในผู้เสียชีสิต ได้เดินทางไปรับศพที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ เพื่อนำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิด โดยญาติเตรียมจัดพิธีสวดพระอภิธรรมศพตามประเพณีอีสาน และฌาปนกิจศพที่ วัดป่ามัชฌิมวงษ์รัตนาราม บ้านเหล่า ซึ่งญาติต่างวิพากษ์วิจารณ์ ถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้น ทำให้นายวิจัยต้องเสียชีวิต

ลุงเรียกร้อง ปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัย 

นายพัฒนกุล พึ่งตระกูล ลุงของนายวิจัย เปิดเผยว่า รู้สึกเสียใจมากที่มาเกิดเหตุในสถานที่ราชการ ที่เป็นบัลลังก์ศาล แต่มาเกิดเหตุสามารถเข้าไปยิงหน้าบัลลังก์ศาลยุติธรรม ที่ทุกคนร้องรู้ว่าเป็นที่ที่สำคัญ ต้องเคารพกฏของศาล และมีความปลอดภัย ซึ่งตนเสียใจอย่างมากที่มาเกิดเหตุกะทันหันแบบนี้ ในที่ที่ไม่น่าจะเกิด และญาติพี่น้องทุกคนต่างก็เสียใจ และตกใจที่ไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้

“เชื่อว่า ระบบรักษาความปลอดภัยของศาล ยังไม่ดีเท่าไหร่ ควรที่จะพัฒนาให้ดีขึ้น เพื่อให้ความคุ้มครองกับผู้ที่ต้องเข้าไปในศาลให้ดีที่สุด และมาเกิดเหตุร้ายแรงกับญาติของเรา ผมอยากเรียกร้องให้ศาล มีมาตรฐานในการเข้มงวด การรักษาความปลอดภัย ให้ดีขึ้นกว่านี้ เพื่อที่ให้คนที่ต้องไปศาลเกิดความสบายใจ อย่างนี้ถือว่ายังล้าหลัง ในการดูแลรักษาความปลอดภัย”

ไม่อยากเชื่อ มีการยิงกันตายในศาล 

นายพัฒนกุล กล่าวอีกว่า ตอนทราบข่าวว่าหลานถูกยิง พ่อแม่ทนายวิจัยก็ตกใจ ถึงกับเป็นลม เพราะมันเกิดขึ้นแบบกะทันหันพี่น้องก็ทำใจไม่ได้ เพราะมันไม่น่าจะเกิดเหตุแบบนี้ขึ้น ระบบรักษาความปลอดภัยของศาลในประเทศไทย ควรจะดีกว่านี้ ขอฝากถึงการดูแลรักษาความปลอดภัยของศาลไทย ให้มีมาตรฐานที่ดีมั่นคง ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก โดยขอให้เกิดกับหลานเป็นรายสุดท้าย อย่าไปเกิดเหตุแบบนี้กับลูกหลานของใครอีก เพราะตั้งแต่เกิดมาก็ยังไม่เคยเห็นเหตุการณ์ที่มีการยิงกันในศาล และก็ไม่เชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นจริง

เลขาศาลฯ ลงนามประกาศ "มาตรการรปภ."

บ่ายวันเดียวกัน นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ได้ลงนามประกาศ เรื่อง"กำหนดมาตรการเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย"

มีรายงานว่าการลงนามดังกล่าวเพื่อป้องกันเหตุร้ายคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนผู้มีอรรถคดีในศาลยุติธรรม และเพื่อเป็นหลักประกันความปลอดภัยให้แก่ข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ตลอดจนบุคคลต่างๆที่มาศาล อันจะทำให้ศาลยุติธรรมสามารถดำเนินกระบวนพิจารณาพิพากษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยอาศัยอำนาจตามความในระเบียบคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมว่าด้วยการรักษาความปลอดภัย พ.ศ.2550 หรือ ก.บ.ศ. ข้อ 6 และข้อ 24 โดยให้กำหนดมาตรการเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยโดยให้ถือปฏิบัติตามแผน"ควบคุมภาวะฉุกเฉิน "หรือEmergency Plan" ตามประกาศสำนักงานศาลยุติธรรมเรื่องการใช้แผนควบคุมภาวะฉุกเฉิน วันที่ 28 ก.พ. พ.ศ.2562

กำหนดข้อปฏิบัติ"รปภ.ศาล"เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน

ในเวลาไล่เลี่ยกัน นายสราวุธ ได้ลงนามในหนังสือเวียนเรื่องกำหนดมาตรการเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ถึงหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดสำนักงานศาลยุติธรรมทั่วประเทศ
โดยมีเนื้อหาสำคัญ ดังนี้

"ตามที่ได้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ศาลจังหวัดพัทยา ศาลจังหวัดจันทบุรีและในศาลต่างๆทั่วประเทศบ่อยครั้ง ซึ่งทำให้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นในการรักษาความปลอดภัยของหน่วยงานในสังกัดสำนักงานศาลยุติธรรมนั้น เพื่อเป็นการป้องกันและเตรียมความพร้อมในการแก้ไขสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น รวมถึงกำหนดบทบาทหน้าที่บุคลากรในสังกัดสำนักงานศาลยุติธรรมให้ทราบถึงขั้นตอนการปฏิบัติ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินต่างๆเพื่อป้องกันและขจัดเหตุร้าย ในเบื้องต้นจึงขอให้แต่ละศาลถือปฏิบัติตามในการเตรียมความพร้อมและซักซ้อมเพื่อความเข้าใจอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในการรักษาความปลอดภัยให้แก่บุคลากรรวมถึงประชาชนที่มาติดต่อราชการ

ทั้งนี้ ให้ ผอ.สำนักอำนวยการประจำศาลหรือผอ.สำนักงานประจำศาลเน้นย้ำโดยกำชับให้บุคลากรในสังกัดของท่าน ถือปฏิบัติตามประกาศสำนักงานศาลยุติธรรม เรื่องกำหนดมาตรการเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เพื่อโปรดทราบและแจ้งให้ผู้เกี่ยวข้องทราบและถือปฏิบัติโดยเคร่งครัดต่อไป

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0