โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

จับเครือข่ายกักตุนหน้ากากอนามัย จำหน่ายในราคาเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด 

สยามรัฐ

อัพเดต 09 เม.ย. 2563 เวลา 07.42 น. • เผยแพร่ 09 เม.ย. 2563 เวลา 07.40 น. • สยามรัฐออนไลน์
จับเครือข่ายกักตุนหน้ากากอนามัย จำหน่ายในราคาเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด 

วันที่ 9 เม.ย. 63 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ดร.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร. /รอง ผอ.ศปอส.ตร. แถลงข่าวผลการปฏิบัติงานของ ศปอส.ตร. จับเครือข่ายกักตุนหน้ากากอนามัย จำหน่ายในราคาเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ที่ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 ตร.

พล.ต.ท.ดร.ปิยะ กล่าวว่า ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID 19 ทำให้มีกลุ่มมิจฉาชีพอาศัยช่วงโอกาส กักตุนหน้ากากอนามัย แล้วนำมาจำหน่ายในราคาแพง เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ทำให้ประชาชนทั่วไปได้รับความเดือดร้อน มีการนำเสนอข่าวทางสื่อกระแสหลักและในโซเซียลมีเดีย  โดยเฉพาะในกรณีของนายบอย หรือ ศรสุวีร์ ภู่รวีรัศวัชรี ที่ได้มีการไลฟ์สดผ่านแอพพลิเคชั่นเฟชบุค เสนอขายหน้ากากอนามัยในราคาแพง โดยอ้างว่ามีหน้ากาอนามัยในความครอบครองจำนวนมาก นั้น เป็นกรณีที่สื่อมวลชน ตลอดจนประชาชนทั่วไปให้ความสนใจ  พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงได้สั่งการให้ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมกลุ่มกระบวนการกักตุนหน้ากากอนามัย แล้วนำมาจำหน่ายในราคาแพงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ทำให้ประชาชนทั่วไปได้รับความเดือดร้อนนั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์  ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ผอ.ศปอส.ตร.) ดำเนินการเร่งรัด สืบสวนติดตามจับกุมตามสั่งการของนายกรัฐมนตรี โดยประสานการปฏิบัติกับ บช.ก., บช.น. และตำรวจภูธร 1-9   ศปอส.ตร. ได้ประสานงาน และสนธิกำลังในการปฏิบัติกับหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ รวมทั้ง ร่วมกับบก.ปคบ.,บก.ปอศ, ปอท., บก.ป. และคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ของ บช.ก. เข้าสืบสวนติดตามจับกุม กลุ่มผู้ลักลอบจำหน่ายหน้ากากอนามัย โดยเฉพาะการจำหน่ายออนไลน์ ผ่านทางโซเซียลมีเดีย นั้น สรุปมีผลการจับกุมผู้ต้องหาจำหน่ายหน้ากากอนามัยและเวชภัณท์ ตั้งแต่วันที่ 4  กุมภาพันธ์ 2563 ถึง วันที่ 8 เมษายน 2563 สามารถจับกุมผู้กระทำผิด 328 ราย ( แยกเป็น หน้าร้าน 238 ราย ออนไลน์ 77 ราย สายลับแจ้งยึดหน้ากากอนามัยของกลาง 13 ราย ) สามารถยึดของกลาง เป็นหน้ากากอนามัย 2,587,578 ชิ้น เครื่องวัดอุณภูมิ 2,764 เครื่อง เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ 80,500.6 ลิตร ชุดเครื่องตรวจ 55,048 ชิ้น รวมมูลค่า 71,959,665 บาท 

พล.ต.ท.ดร.ปิยะ กล่าวอีกว่า จากการสืบสวนขยายผลจากการจับกุมผู้กระทำผิดรายย่อย  รวมกับข้อมูลการสืบสวนสอบสวนขยายผลจาก การดำเนินคดีกับนาย ศรสุวีร์ ภู่รวีรัศวัชรี หรือนายบอย นั้น  ทางการสืบสวนพบข้อมูลพยานหลักฐาน พยานบุคคล และพยานเอกสาร ยืนยันพฤติการณ์การกระทำผิดของ  นายพันธ์ยศ  อัครอมรพงศ์ และบริษัท ไทยเฮลท์ จำกัด  โดยพฤติการณ์กล่าวคือ บริษัท ไทยเฮลท์ จำกัด เดิมประกอบธุรกิจจำหน่ายอาหารเสริมสุขภาพ ได้เลิกกิจการไปเมื่อวันที่ 25 ธ.ค.2562  แต่เมื่อต้นปี พ.ศ. 2563 ประเทศไทยมีปัญหาเรื่องฝุ่น PM 2.5 บริษัท ไทยเฮลท์ จำกัด กลับยังคงประกอบกิจการอยู่ โดยได้หันมาค้าขายหน้ากากอนามัย  และเมื่อเริ่มมีการแพร่ระบาดของเชื้อไว้รัส COVID 19 นายพันธ์ยศฯ และบริษัท ไทยเฮลท์ จำกัด ไม่ได้เป็นผู้ผลิตสินค้าหน้ากากอนามัย แต่จะรวบรวม ระดม สั่งซื้อสินค้าหน้ากากอนามัยจากแหล่งต่าง ๆ มารวมไว้ที่ตนเอง แล้วนำมาบรรจุกล่องภายใต้แบรนด์ของ ไทยเฮลท์ แล้วเสนอขายโดยใช้ใบรับประกันคุณภาพสินค้าของ บริษัท ไทยเฮลท์ จำกัด เพื่อให้ผู้ซื้อเกิดความเชื่อถือ ต่อมาเมื่อมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสมากขึ้น ประชาชนทั่วไปมีความต้องการหาซื้อหน้ากากอนามัยมาใช้ในการป้องกันตัวจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส  นายพันธ์ยศ อัครอมรพงศ์ และ บริษัท ไทยเฮลท์ จำกัด จึงได้นำหน้ากากอนามัยที่รวบรวมไว้ ปล่อยออกมาจำหน่ายในราคาสูงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด โดยมีการโฆษณา ประกาศขายในสื่อโซเซียลมีเดียต่าง ๆ รวมทั้งให้คนใกล้ชิดทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการติดต่อซื้อขายกับประชาชนทั่วไป  

เจ้าหน้าที่สืบสวนได้มีการล่อซื้อจับกุมนายอานนท์วัฒน์ วรเมธชยางกูร ข้อหา จงใจให้ราคาต่ำเกินสมควร หรือสูงเกินสมควร หรือทำให้เกิดความปั่นป่วนซึ่งราคาของสินค้า (หน้ากากอนามัย) ตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการฯ พร้อมของกลางหน้ากากอนามัย จำนวน 5,000 ชิ้น สอบสวนขยายผลพบว่าของกลางที่นำมาจำหน่ายนั้น นำมาจาก นายพันธ์ยศฯ และบริษัท ไทยเฮลท์ จำกัด อีกทั้งนายอานนท์วัฒน์ฯ ยังมีพฤติกรรมเช่นนี้มาแล้วหลายครั้ง คณะพนักงานสอบสวน บช.ก. ได้สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติหมายจับนาย นายพันธ์ยศ  อัครอมรพงศ์ โดยกล่าวหาว่า  “ จงใจให้ราคาต่ำเกินสมควร หรือสูงเกินสมควร หรือทำให้เกิดความปั่นป่วนซึ่งราคาของสินค้า (หน้ากากอนามัย) และ เป็นผู้ผลิตไม่แจ้งปริมาณสถานที่เก็บ ต้นทุน ค่าใช้จ่าย แผนการผลิต กระบวนการผลิต และวิธีการจำหน่ายสินค้าหรือบริการควบคุมต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ” ศาลอาญาตลิ่งชัน ได้อนุมัติหมายจับที่ 122/2563  ลงวันที่ 7 เมษายน 2563   

ต่อมา วันที่ 8 เมษายน 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปอส.ตร. ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ   บก.ปคบ. นำหมายค้นของศาล เข้าปิดล้อมตรวจค้น 2 จุด 1.บริษัท ไทยเฮลท์ จำกัด  35/530 ซอยเลียบคลองภาษีเจริญฝั่งเหนือ 8/4 ถ.เลียบคลองภาษีเจริญฝั่งเหนือ แขวงหนองแขม เขตหนองแขม กทม. 2.คอนโดมิเนียมชีวาทัย ห้อง 83/77 ถนน.เพชรเกษม 27 แขวงบางแวก เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร  เพื่อจับกุม นายพันธ์ยศ อัครอมรพงศ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าว สามารถจับกุมตัวได้ที่คอนโดมิเนียมชีวาทัย ดังกล่าว  ในชั้นจับกุม นายพันธ์ยศฯ รับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับ แต่ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ในการตรวจค้นสามารถตรวจยึดสิ่งของ ภายในห้องพักกล่องบรรจุหน้ากากอนามัย จำนวน 14 ชิ้น บรรจุในกล่องสีฟ้า ยี่ห้อ Super Protect,กล่องบรรจุหน้ากากอนามัย จำนวน 22 ชิ้น บรรจุในกล่องสีเขียว ยี่ห้อ EURO,หน้ากากอนามัยสีขาวบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส่ จำนวน 3 แพ็ค แพ็คละ 50 ชิ้น รวม 150 ชิ้น  และตรวจยึดสิ่งของที่ตรวจยึดภายในรถหน้ากากอนามัยสีฟ้าไม่ระบุยี่ห้อ จำนวน 48 แพ็ค แพ็คละ 50 ชิ้น รวม 2,400  ชิ้น บรรจุภายในลัง สีน้ำตาล
,หน้ากากอนามัยยี่ห้อ coolblack 1 กล่อง ภายในบรรจุ 30 ชิ้น,หน้ากากอนามัยสีขาวไม่ระบุยี่ห้อจำนวน 44 ชิ้น บรรจุภายในถุงพลาสติกใส ,หน้ากากอนามัยสีขาวไม่ระบุยี่ห้อจำนวน 36 ชิ้น บรรจุภายในกระเป๋าสีดำ,หน้ากากอนามัยยี่ห้อ paomask จำนวน 1 กล่อง ภายในบรรจุ 30 ชิ้น,หน้ากากอนามัยยี่ห้อ swiss surgical จำนวน 2 กล่อง ภายในบรรจุกล่องละ 50 ชิ้น รวม 100 ชิ้น รวมหน้ากากอนามัย ทั้งหมด 2,826 ชิ้น  นำตัวผู้ต้องหาพร้อมหน้ากากอนามัยที่ตรวจยึด ส่งพนักงานสอบสวน บก.ปคบ. ดำเนินการตามกฎหมาย

สำหรับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง พ.ร.บ.ว่าด้วยสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ประกอบกับ ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการหน้ากากอนามัย

1.จงใจทำให้ราคาต่ำเกินสมควร หรือสูงเกินสมควร หรือทำให้เกิดความปั่นป่วนซึ่งราคาของสินค้า (หน้ากากอนามัย) อันมีความผิดมาตรา 29 และมีโทษตามมาตรา 41 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปีหรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

2. เป็นผู้ผลิตไม่แจ้งปริมาณ สถานที่เก็บ ต้นทุน ค่าใช้จ่าย แผนการผลิต กระบวนการผลิต และวิธีการจำหน่ายสินค้าหรือบริการควบคุมต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ อันมีความผิดมาตรา 25 และมีโทษตามมาตรา 38 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกไม่เกินวันละสองพันบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน หรือจนกว่าจะแจ้ง

พล.ต.ท.ดร.ปิยะ กล่าวอีกว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอฝากถึงพี่น้องประชาชนว่า ขออย่าได้หลงเชื่อบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่โพสต์ โฆษณา ชวนเชื่อ ให้ซื้อสินค้าต่างๆ ผ่านทาง Online เพราะจะตกเป็นเหยื่อ ถูกหลอกให้สูญเสียทรัพย์สินได้ อย่างไรก็ตาม หากพี่น้องประชาชนมีเบาะแส หรือได้รับความเดือนร้อนจากการเอารัดเอาเปรียบในการจำหน่ายหน้ากากอนามัยหรือเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ สามารถแจ้งเหตุผ่านสายด่วนของ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ที่สายด่วนหมายเลข 1155 และ 1599 ตลอด 24

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0