ไม่มีช่วงให้ได้หยุดพักหายใจ หายคอกันให้ปลอดโปร่งโล่งใจ พลันมรสุมการเมืองก็สาดเข้าใส่ "กลุ่มสามกุมาร" ชนิดที่ไม่ทันให้ได้ตั้งตัว
ทันทีที่เกมในสภาผู้แทนราษฎร จบลง พ.ร.ก.กู้เงิน ทั้ง3ฉบับได้ผ่านความเห็นชอบที่จากที่ประชุมสภาฯ ไปอย่างฉลุย เมื่อเย็นวันอาทิตย์ที่ 31พ.ค.63หมาดๆ เกมนอกสภาฯ ก็เปิดฉาก "รุกไล่" มาอย่างกระชั้นชิด ชนิดที่ทำให้ "อุตตม สาวนายน" รมว.คลัง และ "หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ" ,สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน และเลขาธิการพรรค ไปจนถึง"สุวิทย์ เมษินทรีย์" รมว.การอุดมศึกษาฯ ตลอดจน "กลุ่มนักคิด" ในก๊วนพากัน นั่งไม่ติด
เพราะ "กลุ่มสามมิตร" ของ "สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ" รมว.อุตสาหกรรม และ "สมศักดิ์ เทพสุทิน" รมว.ยุติธรรม แกนนำของกลุ่ม ผนึกกำลังกับ "ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า" รมช.เกษตฯ ร่วมด้วย กลุ่มของ "พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์" รมว.ดิจิตอล รวบรวมชื่อได้ 18 เสียงยื่นหนังสือลาออกจากเป็น "กรรมการบริหาร"
และเมื่อมีกรรมการบริหารพรรค ลาออกเกินกึ่งหนึ่ง คือ18 เสียงของจำนวนทั้งสิ้น 34 คน จึงส่งผลให้ต้องมีการปรับโครงสร้างพรรคกันใหม่ทันที ภายในระยะเวลา 45 วัน
หมายความว่า อุตตม ต้องพ้นจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค และสนธิรัตน์ ต้องลุกจากเก้าอี้ "แม่บ้านพรรค" โดยปริยาย !
แน่นอนว่า สถานการณ์ความวุ่นวาย อันเนื่องมาจากความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐ ครั้งนี้ได้บ่มเพาะความคุกรุ่นกันมาพักใหญ่ โดยมีเป้าหมายการโจมตีอยู่ที่ "อุตตม-สนธิรัตน์" ให้ต้องพ้นจากเก้าอี้หลักในพรรค เพื่อเปิดทางให้ "บิ๊กป้อม"พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และในฐานะประธานยุทธศาสตร์ ของพรรค ได้ก้าวขึ้นไปนั่งเก้าอี้ "หัวหน้าพรรคคนใหม่" แทนที่
ในความเป็นจริงแล้วความเคลื่อนไหวภายในพรรคพลังประชารัฐ ได้ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง แต่ต้องมาเบรคลงชั่วคราว เพื่อรอจังหวะให้ พ.ร.ก.กู้เงิน ทั้ง 3ฉบับผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร จนเสร็จสิ้นเสียก่อน จึงค่อยเปิดฉากขับไล่ไสส่ง ทั้งอุตตม และสนธิรัตน์ อย่างที่เห็น
เมื่อศึกในปะทุขึ้นที่พรรคพลังประชารัฐจึงลุกลามบานปลายไปถึง ทำเนียบรัฐบาล อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง เพราะสื่อพากันจับตา จับจ้องไปที่ทั้ง บิ๊กป้อมและบิ๊กตู่ ในฐานะผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทุกประตู
โดยเฉพาะตัวบิ้กป้อมเองที่มีชื่อถูกพูดถึงมาโดยตลอดว่า เตรียมผงาดก้าวขึ้นนั่ง "หัวหน้าพรรคคนใหม่" แทนอุตตม แม้เจ้าตัวจะออกมาปฏิเสธอยู่หลายครั้ง ว่าไม่เกี่ยว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับตอบคำถามได้ชัดเจน โดยแทบไม่ต้องอธิบายข้อเท็จจริง ว่างานนี้กลุ่มสามมิตร ของ "สุริยะ-สมศักดิ์" จะไม่ได้หยุดแค่การออกแรงหนุนให้พล.อ.ประวิตร เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่เท่านั้น
หากแต่เป้าหมายที่แท้จริง สำหรับกลุ่มสามมิตร ว่ากันว่าอยู่ที่การสลับสับเปลี่ยนเก้าอี้ "รัฐมนตรี" ในครม.ต่างหาก !
เกมเขี่ยอุตตม-สนธิรัตน์ จึงเป็นแค่การเริ่มต้น เพื่อที่จะนำไปสู่การใช้แผนการเล่น เพื่อบีบไปยังการปรับ ครม.รอบหน้า ที่ "ประยุทธ์ 2/2" นั่นเอง !
