คดีนี้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 2 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสรยุทธ สุทัศนะจินดาอดีตนักเล่าข่าวชื่อดัง, น.ส.มณฑา ธีระเดชอายุ เจ้าหน้าที่บริษัทไร่ส้มฯ และนางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด หรือ นางชนาภา บุญโต อดีตพนักงานจัดทำคิวโฆษณาของบริษัท อสมท. จำกัด ฐานทุจริตค่าโฆษณาเกินเวลา ทำให้ บมจ.อสมท เสียหายกว่า 138 ล้านบาท
ย้อน “คดีไร่ส้ม” ปมค่าโฆษณา “อสมท” ศาลอุทธรณ์พิพากษาวันนี้
ศาลอุทธรณ์สั่งจำคุก “สรยุทธ” 13ปี 4เดือน คดีไร่ส้มยักยอกเงินโฆษณา
คดีนี้ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาตามศาลชั้นต้นสั่งจำคุก นางพิชชาภา 20 ปี จำคุก ส่วนนายสรยุทธ และ นางสาวมณฑา สั่งคำคุกละ 13 ปี 4 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ส่วน บจก.ไร่ส้ม ให้ปรับ 800,000 บาท ซึ่งทั้งหมดได้ประกันตัวระหว่างฎีกาคนละ 5 ล้านบาท
จำเลยทั้งหมดจะต้องมาฟังคำพิพากษาตามนัดในวันนี้ 21 ม.ค. 2563 นอกจากมีเหตุกะทันหัน เจ็บป่วยฉุกเฉิน ซึ่งต้องมอบหมายให้ทนายยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขออนุญาตเลื่อนฟังคำพิพากษาออกไปก่อน ซึ่งวันนี้จะต้องมารอฟังว่าที่สุดแล้วคำพิพากษาจะออกมาอย่างไร
สำหรับคดีเงินค่า "โฆษณา อสมท" หรือ "คดีไร่ส้ม" นั้น เริ่มเป็นที่รับรู้ของสาธารณชนในช่วงปี 2549 เมื่อสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บมจ.อสมท ตรวจพบว่า บ.ไร่ส้ม จก. ที่มี นายสรยุทธ เป็นกรรมการผู้จัดการ, น.ส.อังคณา และ น.ส.สุกัญญา เป็นกรรมการบริษัท ทำสัญญาร่วมผลิตรายการกับ อสมท ระหว่างวันที่ 1 ก.พ.2548 จนถึงวันที่ 15 ก.ค.2549 ร่วมผลิตรายการ "คุยคุ้ยข่าว" ออกอากาศทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 12.00-13.00 น. ครั้งละ 60 นาที (รวมเวลาโฆษณา)
โดย อสมท ตกลงแบ่งเวลาโฆษณาให้ บ.ไร่ส้มฯ ครั้งละ 5 นาที ถ้ามีโฆษณาเกินกว่ากำหนด ต้องชำระค่าโฆษณาเกินเวลาให้ อสมท. อัตรานาทีละไม่ต่ำกว่า 2 แสนบาท
และทำสัญญาร่วมผลิตรายการ "คุยคุ้ยข่าว" ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 21.30-22.00 น. ครั้งละ 30 นาที (รวมเวลาโฆษณา)
โดย อสมท ตกลงแบ่งเวลาโฆษณาให้ บ.ไร่ส้มฯ ได้ครั้งละ 2 นาที 30 วินาที ถ้ามีโฆษณาเกินกว่ากำหนด ต้องชำระค่าโฆษณาเกินเวลาให้ อสมท. ในอัตรานาทีละไม่ต่ำกว่า 240,000 บาท
ต่อมาพบว่า บ.ไร่ส้มฯ ค้างรายได้จากค่าโฆษณาเกินเวลาเป็นเงินเกือบ 100 ล้านบาท โดยเมื่อ ก.ค.2549 "นางพิชชาภา หรือ ชนาภา เอี่ยมสะอาด หรือบุญโต" เจ้าหน้าที่ธุรการระดับ 5 สำนักกลยุทธ์การตลาด อสมท เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดทำคิวโฆษณารวม และเป็นผู้รายงานโฆษณาเกินเวลา เพื่อเรียกเก็บเงินจาก บ.ไร่ส้มฯ สารภาพต่อหน้าผู้บริหาร อสมท ในขณะนั้นว่า บ.ไร่ส้มฯ โฆษณาเกิน และไม่มีการรายงานเพื่อเรียกเก็บเงินจริง
โดย นางพิชชาภา ใช้ "น้ำยาลบคำผิด" ลบเฉพาะคิวโฆษณาเกินเวลาในส่วนของ บ.ไร่ส้มฯ ในใบคิวโฆษณารวมของ อสมท เพื่อปกปิดความผิดตามคำแนะนำของ นายสรยุทธ และ น.ส.มณฑาพนักงาน บ.ไร่ส้มฯ ก่อนจะมีการตรวจสอบเรื่องนี้
จากนั้นวันที่ 20 ต.ค.2549 บ.ไร่ส้มฯ ยอมชำระเงินค่าโฆษณาส่วนเกินให้ อสมท 138 ล้านบาท รวมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี และภาษีมูลค่าเพิ่มรวมเป็นเงินกว่า 152 ล้านบาท
แต่ อสมท ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ผลการตรวจสอบพบการกระทำผิดจริง และผลจากการไต่สวนของ ป.ป.ช. พบว่า นางพิชชาภา ให้ความช่วยเหลือ บ.ไร่ส้มฯ โดยไม่มีการรายงานการโฆษณาเกินเวลาเพื่อเรียกเก็บเงิน ตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ.2548 - 30 มิ.ย.2549
นอกจากนี้ ยังพบว่า นายสรยุทธ ได้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คของธนาคารธนชาต สาขาพระราม 4 รวม 6 ครั้ง เป็นเงินเกือบ 7 แสนบาท เพื่อตอบแทนที่ นางพิชชาภา ไม่ได้รายงานการโฆษณาเกินเวลาดังกล่าว
จากกระบวนการไต่สวนของ ป.ป.ช.นำไปสู่มติเอกฉันท์ 7 ต่อ 0 เมื่อวันที่ 20 ก.ย.2555 ชี้มูลความผิด นางพิชชาภา มีความผิดทางวินัยร้ายแรงและมีมูลความผิดทางอาญา
ขณะที่นายสรยุทธในฐานะที่เป็นกรรมการผู้จัดการ บ.ไร่ส้มฯ และ น.ส.มณฑา เจ้าหน้าที่ บ.ไร่ส้มฯ มีมูลความผิดทางอาญา ฐาน "สนับสนุนพนักงานกระทำความผิด"
จากนี้เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมง ที่ นายสรยุทธ และจำเลยร่วมทั้งหมดในคดีดังกล่าว จะได้ทราบแล้วว่า ผลการพิพากษาของศาลฎีกา จะออกมาเป็นอย่างไร
จำเลยในคดีนี้ทั้งหมดจะรอดคุกหรือไม่รอด และจะเป็นการปิดฉากมหากาพย์คดีทุจริตที่ยืดเยื้อมายาวนานกว่า 14 ปี