วันนี้( 17 ก.ค. 62) นายสุจิตต์ เชาว์ศิริกุล รองผู้ว่าการ กลุ่มบริหารรถไฟฟ้า การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า การประกวดราคาจัดหาและติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม ในโครงการรถไฟทางคู่ระยะแรก 3 สัญญา ราคากลางวงเงินรวม 11,494 ล้านบาท ได้เปิดขายเอกสารขอบเขตของงาน(TOR) ระหว่างวันที่ 21 พ.ค.-22 ก.ค. 62 โดยได้รับความสนใจจากเอกชนทั้งในและต่างประเทศ เข้าซื้อซองประมูลจำนวนมาก ซึ่งเส้นทางสายใต้ ช่วงนครปฐม-ชุมพร มีเอกชนซื้อซองมากที่สุด 17 ราย สายเหนือ ช่วง ลพบุรี-ปากน้ำโพ จำนวน 15 ราย สายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงมาบกระเบา-ชุมทางถนนจิระ จำนวน 14 ราย
โดย มีกำหนดจะให้ยื่นเอกสารประกวดราคา วันที่ 23 ก.ค. ในช่วงเช้า จากนั้นช่วงบ่ายคณะกรรมการคัดเลือกฯ จะประชุมเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ การพิจารณา ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะมีผู้ยื่นประมูลกี่ราย เนื่องจาก เป็นการประกวดราคานานาชาติ (InternationalBidding) ที่เปิดให้บริษัทผู้ผลิต เจ้าของผลิตภัณฑ์ สามารถยื่นประมูลโดยตรงได้ หรือจับมือร่วมกันมาเป็นกลุ่มได้
ทั้งนี้ พบว่า มีบริษัทผู้ผลิตหรือเจ้าของผลิตภัณฑ์ ซื้อซองประมาณ 6-7ราย โดยมี. ผู้ผลิตจีน ประมาณ 2ราย เช่น CRSC นอกจากนี้ยังมี ฮิตาชิ จากญี่ปุ่น ,บอมบาดิเออร์ แคนนาดา ,อัลซาโด้ สเปน , ซีเมนส์ เยอรมัน ,LSIS จากเกาหลี ส่วนเอกชนไทย ได้แก่ บริษัท บมจ.อิตาเลียนไทยดีเวล๊อปเมนต์, บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์คอนสตรัคชั่น เป็นต้น คาดว่า จะใช้เวลาในการพิจารณาและจะสรุปผลประมูลภายใน 2 เดือน หรือภายในเดือนก.ย.นี้จากนั้น จะนำเสนอคณะกรรมการ(บอร์ด) รฟท. ขออนุมัติ และเร่งเซ็นสัญญากับผู้รับเหมาต่อไป
สำหรับ การติดตั้งระบบระบบอาณัติสัญญาณรถไฟทางคู่ระยะแรก 3 สัญญา ได้แก่ 1.สายใต้ช่วงนครปฐม-ชุมพร ระยะทาง 169 กม. มี 59 สถานี ราคากลาง 6,250 ล้านบาท 2.สายเหนือช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 148 กม. มี 18 สถานี ราคากลาง 2,782 ล้านบาท และ 3.สายตะวันออกเฉียงเหนือช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระระยะทาง 132 กม. มี 17 สถานี ราคากลาง 2,460 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน รฟท.อยู่ระหว่างการก่อสร้างงานโยธา รถไฟทางคู่ระยะแรก ขณะที่ระบบอาณัติสัญญาณ ขณะนี้ ถือว่าล่าช้ากว่าการก่อสร้างงานโยธาค่อนข้างมาก ซึ่งหากสรุปผลประมูลระบบอาณัติสัญญาณในเดือนก.ย.และเซ็นสัญญา จะต้องวางแผนเร่งรัดการติดตั้งระบบ แต่หากงานโยธาเสร็จก่อน รถไฟสามารถเดินรถได้ด้วยโดยใช้ระบบ Manual ไปก่อน