โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

จับตาเงินหยวนแข็งค่ากดดันดอลลาร์หนุนทองคำ

Manager Online

อัพเดต 22 ต.ค. 2561 เวลา 16.06 น. • เผยแพร่ 22 ต.ค. 2561 เวลา 15.41 น. • MGR Online

ความกังวลต่อทิศทางเศรษฐกิจที่อาจได้รับผลกระทบจากสงครามกีดกันการค้าของสหรัฐฯกับนานาประเทศ กดดันตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่ง หนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยปรับตัวเพิ่มขึ้น จับตาการฟื้นตัวของค่าเงินหยวนหากแข็งค่าขึ้นเรื่อยๆ จะกดดันดอลลาร์ หนุนราคาทองคำดีดตัวไปต่อ

"วรุต รุ่งขำ"ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลียน แอนด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวถึงทิศทางราคาทองคำช่วงที่ผ่านมาว่า มีแนวโน้มเป็นบวกมากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการร่วงลงของตลาดหุ้นวอลล์สตรีท และการปรับฐานของตลาดหุ้นทั่วโลก หลังจากความตรึงเครียดทางเศรษฐกิจ และความวิตกกังวลต่อสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับนานาประเทศ อาจส่งกระทบต่อการเติบโต

"ปัจจัยดังกล่าวกระตุ้นให้เกิดแรงซื้อต่อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยให้เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับได้รับแรงหนุนจากความตรึงเครียดทางการฑูตระหว่างสหรัฐฯกับซาอุดิอารเบีย ที่ทวีความรุนแรงขึ้น กลับมาเป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นแรงซื้อในตัวทองคำ"

อย่างไรก็ตาม การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำไปได้ไม่ไกลมากนัก เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่มีการเปิดเผยออกมายังคงอยู่ในระดับแข็งแกร่ง ประกอบกับรายงานการประชุมของคณะกรรมการ FOMC ประจำเดือนกันยายน ยังคงยืนยันว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงคุมเข้มนโยบายการเงินตามแผนเดิม โดยจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหนึ่งครั้งในเดือนธันวาคม และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีหน้า ตามที่เคยส่งสัญญาณไว้

สำหรับปัจจัยที่ต้องจับตา มองไปที่การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นทั้งในฝั่งสหรัฐฯ หรือในฝั่งจีน ซึ่งการร่วงลงของตลาดหุ้น จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะสร้างแรงซื้อเข้าในตลาดทองคำ โดยอาจจับตาดูการเคลื่อนไหวของทิศทางค่าเงินหยวนเพื่อประกอบการลงทุน หลังจากก่อนหน้านี้ค่าเงินหยวนอ่อนค่ามากจนกดดันราคาทองคำ แต่ว่าทิศทางเริ่มฟื้นตัวมากขึ้น หลังทางการจีนออกมาส่งสัญญาณจะกลับเข้ามาดูแลเศรษฐกิจ หลังจากพบว่าแนวโน้มเศรษฐกิจมีทิศทางชะลอตัวลง

"หากเงินหวยฟื้นตัวแข็งค่ามากยิ่งขึ้น อาจกลับมาเป็นปัจจัยที่กดดันดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ควรติดตามการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งคาดการณ์ว่าจะยังคงส่งสัญญาณคุมเข้มนโยบายการเงินตามเดิม รวมถึงรายงานตัวเลขเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดในระยะถัดๆไป"

ส่วนกลยุทธ์การลงทุน วายแอลจี แนะนำ แม้โมเมนตัมของทองคำจะเป็นบวกมากขึ้น แต่ยังคงมีปัจจัยกดดันทำให้เมื่อราคาขยับ หรือดีดตัวขึ้นยังคงมีแรงเทขายทำกำไรออกมา ประเมินแนวต้าน 1,246/1,266/1,284 เหรียญ/ออนซ์ ส่วนแนวรับ 1,214/1,197 และ1,180 เหรียญ/ออนซ์ โดยในระยะสั้นราคาทองอาจยืนอยู่เหนือโซนแนวรับ 1,214 เหรียญ/ออนซ์ ประเมินว่าราคาอาจค่อยๆขยับหรือดีดตัวขึ้นทดสอบกรอบแนวต้นสำคัญ 1,235 -1,246 เหรียญ/ออนซ์ แต่หากยังไม่ปัจจัยใหม่เข้ามาสนับสนุน หรือไม่มีแรงบวกมากพอ อาจแบ่งทองคำออกขายที่บริเวณดังกล่าว และรอเข้าซื้ออีกครั้งเมื่อราคาอ่อนตัว

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0