การประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม.ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม มีวาระการประชุมที่น่าสนใจ คาดว่า กระทรวงการคลัง จะมีการเสนอขอใช้งบประมาณกลางในส่วนของรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 15,000 ล้านบาท เพื่อให้ประชาชน คนละ 1,500 บาท นำไปใช้จ่ายซื้อสินค้า และบริการผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ E-payment ในเมืองรอง 55 จังหวัด เพื่อเป็นการพยุงเศรษฐกิจและส่งเสริมให้มีการใช้จ่ายผ่านระบบ E-payment เพิ่มขึ้น
นอกจากนั้น คาดว่าที่ประชุมจะมีการพิจารณาแผนการจัดหาเครื่องบินใหม่ 38 ลำ วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท ทั้งนี้ หาก ครม.เห็นชอบจะใช้เวลาดำเนินการ 6 เดือน เพื่อจัดหาล็อตแรก 25 ลำก่อน และคาดว่า จะได้รับเครื่องบินใหม่ลำแรกอีก 2 ปีข้างหน้า รวมถึงคาดว่าที่ประชุมจะมีการพิจารณามาตรการช่วยเหลือผู้ปกครองนักเรียนในช่วงใกล้เปิดเทอม เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ด้านกระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท. จะรายงานที่ประชุมครม. จากรณีคำพิพากษากรณี ศาลปกครองสูงสุดสั่งให้ รฟท. จ่ายเงินชดเชยให้กับบริษัทโฮปเวลล์ จากการบอกเลิกสัญญาราว1.2 หมื่นล้านบาท
ส่วนประเด็นทางการเมืองจะต้องจับตาดูท่าทีของนายกรัฐมนตรี ภายหลังมีการร้องเรียนให้การเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม เป็นโมฆะ ที่ขณะนี้ทางสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ก็ได้รับคำร้องดังกล่าวพิจารณาในสัปดาห์นี้ เพื่อให้ทันต่อการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งในวันที่ 9 พ.ค. รวมไปถึง ความชัดเจนเรื่องสูตรคำนวณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อที่ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา ซึ่งถือว่า เรื่องนี้พล.อ.ประยุทธ์ มีส่วนได้ส่วนเสียในฐานะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ
ผู้สื่อข่าว: ปิยะธิดา เพชรดี
