เริ่มที่ศูนย์กีฬาไทยญี่ปุ่นดินแดง ที่มี 2 เวทีใกล้ๆ กัน โดยที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 พรรคอนาคตใหม่ จัดเวทีปราศรัยใหญ่ มีประชาชนไปร่วมฟังการปราศรัยเต็มความจุของพื้นที่ ซึ่งไฮไลท์อยู่ที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค ขึ้นเวทีปราศรัย รณรงค์ดึงทุกฝ่ายที่ขาดความเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย กลับมามีความเชื่อมั่น เพราะประชาธิปไตยเป็นเพียงเส้นทางหลักเส้นทางเดียว โดยเรียกร้องให้ทุกคนให้โอกาสรัฐสภา เพื่อสร้างรัฐบาลที่ดี เพื่อที่เสียงส่วนน้อยที่แพ้จะต้องไม่เรียกทหารออกมาก่อรัฐประหาร
พร้อมยืนยัน คนไทยต้องการความเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งที่ดีกว่า โดยในวันที่ 24 มีนาคมนี้ ทุกคนต้องตัดสินใจเพื่อนำประเทศกลับสู่เส้นทางที่ถูกต้อง หยุดการสืบทอดอำนาจ และหยุดพลัง สว. 250 เสียงที่เอารัดเอาเปรียบคู่แข่งทางการเมือง
ส่วนพรรคเพื่อไทย เปิดเวทีปราศรัย ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชน ไทยญี่ปุ่นดินแดง โดยมีแกนนำพรรคขึ้นเวทีอย่างพร้อมเพรียง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ชี้ประเทศไทยหยุดนิ่งมา 5 ปี การบริโภคภายในประเทศอ่อนแอ รัฐบาลใหม่ถ้าไม่เก่งจะอยู่ไม่ได้ จึงต้องอาศัยมืออาชีพเข้ามาบริหารประเทศ ชี้ทุกอย่างเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ที่เราไม่สามารถทำแบบเดิมได้อีกต่อไป ต้องซ่อมและสร้างภายใน 4 ปี พร้อมๆ กัน เพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปได้ ขอให้เลือกพรรคเพื่อไทย เพราะเข้าใจปัญหาของประชาชน
ขณะที่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง ขึ้นเวทีย้ำว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ ประชาชนต้องเลือกอย่างมียุทธศาสตร์ โดยเลือกพรรคเพื่อไทยอย่างถล่มทลาย เพื่อให้สามารถต่อสู้กับ สว.250 เสียงได้ เพราะถ้าไม่มีพรรคใดได้เสียงอย่างท่วมท้น ก็จะไม่มีพรรคใดได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแน่นอน
โดยยอมรับว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งที่เหนื่อยที่สุด อีกทั้งผู้สมัครจากทุกพรรคยังถูกกดดันโดยเจ้าหน้าที่ที่คอยติดตามอยู่โดยตลอด จึงต้องหยุดการสืบทอดอำนาจของ คสช.ให้ได้
พรรคพลังประชารัฐ จัดเวทีที่สนามกีฬาเทพหัสดิน โดย “บิ๊กเบอร์ไพรส์” ของพรรคที่ระบุว่าจะมีในเวทีปราศรัยนี้คือการปรากฏตัวของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ที่มาในชุดสีขาวไม่มีโลโกพรรค
ทั้งนี้ พลเอกประยุทธ์ได้เดินผ่านฝูงชนกลางสนามกีฬา พร้อมร่วมถ่ายรูปกับผู้ไปฟังคำปราศรัย พร้อมร้องเพลง “หยุดตรงนี้ที่เธอ” ของ ”ฟอร์ด” สบชัย ไกรยูรเสน ที่เปิดคลอบนเวทีตลอดทางเดินขึ้นเวทีที่จัดขึ้น โดยเฉพาะบริเวณกลางสนามฟุตบอล
ทั้งนี้ พลเอกประยุทธ์ได้ใช้โอกาสนี้เปิดใจถึงการทำงานตลอด 5 ปี และสัญญาจะทำให้ทุกคนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ดีใจที่ได้ลงพื้นที่พบกับประชาชน ซึ่งเชื่อว่ามีทั้งคนรักและไม่รัก ตลอด 5 ปีที่ลงพื้นที่ทำให้ทราบว่า อะไรคือปัญหา และจะต้องแก้ไขอย่างไร ทั้งนี้ขอให้ทุกคนมีความรักต่อกัน รักชาติ ศาสนา และสถาบัน อย่าทำให้ประเทศเกิดวิกฤตขึ้นมาอีก ซึ่งส่วนตัวพร้อมยอมตายเพื่อแผ่นดินผืนนี้ ต้องรักษาแผ่นดิน เพื่อให้ลูกหลาน ขอให้ทุกคนจับมือและเดินไปด้วยกันทั้ง 68 ล้านคน ประเทศไทยจะต้องไม่ล้มอีก ต้องลุกขึ้น และเดินไปข้างหน้าพร้อมกัน
สุดท้าย พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งเวทีที่ลานคนเมืองกรุงเทพมหานคร โดยมีพลของพรรคขึ้นเวทีอย่างพร้อมเพรียง โดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ขึ้นปราศรัยเป็นคนสุดท้าย ยอมรับการเลือกตั้งครั้งนี้หนักกว่าทุกครั้ง เพราะมี 2 ฝ่าย สร้างบรรยากาศความโกรธ ความกลัว จึงขอให้ประชาชนอย่าตกหลุมการเมืองที่ใช้ประชาชนเลือกข้าง ดังนั้น จึงควรเลือกการเมืองที่มีประสิทธิภาพ คือ “ประชาธิปไตยสุจริต”
นายอภิสิทธิ์ยังประเมินสถานการณ์ว่า หลังการเลือกตั้งและมีรัฐบาลใหม่ จะเข้าสู่สถานการณ์ใหม่ นั่นคือปัญหาการสืบทอดอำนาจ พร้อมพูดถึงการสืบทอดอำนาจ 3 ครั้งในประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่จบลงด้วยวิกฤติความรุนแรง จึงไม่อยากเห็นการสืบทอดอำนาจเป็นครั้งที่ 4 เพราะไม่มีใครกล้ารับประกันว่าจะไม่เกิดวิกฤติขึ้นอีกหรือไม่ ขอให้มั่นใจพรรคประชาธิปัตย์ เดินไปสู่สังคม เศรษฐกิจ การเมืองที่หลุดพ้น จากวงจรเดิมๆ นำพาประเทศออกจากวงจรอุบาทว์นี้
โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์
เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด
