โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

จัดระเบียบโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม

ฐานเศรษฐกิจ

เผยแพร่ 18 เม.ย. 2562 เวลา 15.25 น.

ก.อุตสาหกรรมเตรียมออกประกาศกฎกระทรวงจัดระเบียบโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม หวังเพิ่มประสิทธิภาพการสกัดน้ำมันปาล์มคุณภาพสูงยกระดับแข่งขัน เว้นพื้นที่ภัยแล้งขาดแคลนน้ำกำหนดให้ผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศกำหนดคุณภาพตามเงื่อนไข ด้านวงในพาณิชย์เปิดโปงรูรั่ว ผวาซ้ำรอยมหากาพย์ "คดีลำไย-จำนำข้าว"

รายงานข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรม เผยว่า นายสมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ลงนามเซ็นประกาศกระทรวง เรื่อง กำหนดชนิดและคุณภาพวัตถุดิบในการผลิตของโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม พ.ศ. 2562 วัตถุประสงค์เพื่อเป็นการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพในการสกัดน้ำมันปาล์มของโรงงานให้ได้น้ำมันปาล์มในอัตราส่วนปริมาณที่สูงเมื่อเทียบกับปริมาณวัตถุดิบ ซึ่งการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพดังกล่าวจะทำให้ยกระดับความสามารถในการแข่งขันด้านการตลาด อันจะส่งผลให้เกิดประโยชน์ในทางเศรษฐกิจของประเทศจึงจำเป็นต้องมีการกำหนดชนิดและคุณภาพของวัตถุดิบที่จะนำมาใช้ในการสกัดน้ำมันปาล์มไว้

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 32(2) แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรม โดยอนุมัติคณะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม โดยอนุมัติคณะรัฐมนตรีออกประกาศดังต่อไปนี้

ข้อ1 การประกอบกิจการโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มต้องดำเนินการดังต่อไปนี้

  • กรณีเป็นการประกอบกิจการโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มแบบหีบน้ำมันแยกที่ใช้ปาล์มทะลายโดยรวมถึงผลปาล์มร่วงที่เกิดจากการตัดและขนส่งปาล์มทะลายเป็นวัตถุดิบเท่านั้นต้องสกัดน้ำมันปาล์มโดยใช้วัตถุดิบดังกล่าวในอัตราส่วน จำนวน 100 กิโลกรัม สกัดน้ำมันดิบได้ไม่น้อยกว่า 18 กิโลกรัม
  • กรณีเป็นการประกอบกิจการโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มแบบหีบน้ำมันรวมที่ใช้ผลปาล์มเป็นวัตถุดิบต้องสกัดน้ำมันปาล์มโดยใช้วัตถุดิบดังกล่าวในอัตราส่วน จำนวน 100 กิโลกรัม สกัดน้ำมันได้ไม่น้อยกว่า 30 กิโลกรัม

ข้อ 2 ในกรณีที่มีเหตุอันเกิดจากภัยแล้ง ซึ่งเป็นภาวะขาดแคลนน้ำตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไปและภัยดังกล่าวเป็นเหตุให้โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มได้อัตราส่วนต่ไหว่าที่ที่กำหนดไว้ในข้อ 1 ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในท้องที่ที่โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มตั้งแต่อยู่มีอำนาจประกาศกำหนดคุณภาพของวัตถุดิบในการสกัดน้ำมันปาล์มให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดดังต่อไปนี้

  • กรณีเป็นการประกอบกิจการโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มแบบหีบน้ำมันแยกตามข้อ 1 ให้สกัดได้น้อยกว่า 18 กิโลกรัม แต่ต้องไม่น้อยกว่า 17 กิโลกรัม
  • กรณีเป็นการประกอบกิจการโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มแบบหีบน้ำมันรวมตามข้อ 1ให้สกัดได้น้อยกว่า 30 กิโลกรัม แต่ต้องไม่น้อยกว่า 29 กิโลกรัม

ประกาศวรรคหนึ่งต้องระบุพื้นที่และระยะเวลาการใช้บังคับไว้ในประกาศดังกล่าวด้วย โดยให้ประกาศไว้ใน ณ ศาลากลางจังหวัด และที่ว่าการอำเภอพื้นที่นั้นตั้งอยู่เพื่อให้ทราบเป็นการทั่วไปเมื่อได้มีประกาศแล้วให้ยกเว้นการกำหนดคุณภาพของวัตถุดิบในการสกัดน้ำมันปาล์มตามข้อ 1(1) หรือ (2) แล้วแต่กรณีจนกว่าประกาศนั้นจะสิ้นสุดลง โดยประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 60 วันนับแต่วันที่ประกาศราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

ด้านแหล่งข่าวกระทรวงพาณิชย์ เผยว่า ปกติทุกปีราคาผลปาล์มน้ำมันในช่วงมกราคมถึงเดือนพฤษภาคมของทุกปีเป็นช่วงหน้าแล้งปาล์มขาดน้ำผลผลิตปาล์มออกมาน้อยราคาปาล์มจะมีราคาแพงสุด   ปีนี้อากาศร้อนมากผลผลิตปาล์มออกมาน้อยเช่นเดิม  แตคาดการณ์ว่าทางกระทรวงพาณิยย์นาจะได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากการเริ่มโครงการของกระทรววเริ่มด้วยวิธีการที่ผิดคือ   เงื่อนไขที่โรงงานต้องรับซื้อปาล์มราคา 3.25บาทต่อกิโลกรัม คืนให้ครบโควตาน้ำมันปาล์ม คิดเป็น 5.5 เท่า ไม่ได้กำหนดให้โรงงาน/ลานต้องแนบใบชั่งน้ำหนักที่มีชื่อเกษตรกรเป็นผู้ขายปาล์มแนบพร้อมใบเสร็จรับเงินพ่วงสำเนาสมุดเขียวหรือสำเนาบัตรประชาชน ทำให้เกิดการเพิ่มน้ำหนักปาล์ม​ โดยโรงงาน/ลาน​  มีการยกเลิก300 กก./ไร่/เดือน​ สิ่งที่ถูกต้องแต่ควรกำหนด 300กก./ไร่/งวดหรือรอบตัดปาล์ม(15หรือ20วัน) แต่​กระทรวงพาณิชย์​ กำหนดใหม่เป็นเกษตรรายย่อยขายได้ไม่เกิน 300 กิโลกรัม/ไร่/6เดือน

"ตั้งคำถาามเจ้าหน้าที่พาณิชย์จังหวัดว่าใครจะดูแลยอดขายสะสมของเกษตรกรรายตัวว่ามียอดสะสมเท่าไหร่แล้ว??? เขาตอบว่าทำไม่ได้ บทสรุป1.ใบชั่งน้ำหนักปาล์มที่ชื่อเกษตรกรเป็นผู้ขาย   2,300กก./ไร่/งวดหรือรอบตัดปาล์ม ก.พาณิชย์​ควรทำแต่ไม่สั่งการให้ทำให้มีปัญหา​เวียนเทียนของโรงงาน และลาน​ เหมือนเดิมและหนักข้อมากขึ้นเพราะทำแล้วรวยๆๆ ที่สำคัญเจ้าหน้าที่ระดับจังหวัดตรวจสอบไม่พบไม่เจอคงเหมือนโครงการจำนำลำไย​/ข้าว​ ที่มีมาตรการออกมาผู้ที่ได้ประโยชน์สูงสุดก็คือ "โรงงานอบลำไย" และ "ผู้ประกอบการโรงสีข้าว"

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0