โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

จักรกฤษณ์ สิริริน : "เวียดนาม" จัดแข่ง Formula 1 "ไทย" หลับฝันบนหมอนยาง

มติชนสุดสัปดาห์

อัพเดต 19 ม.ค. 2563 เวลา 01.03 น. • เผยแพร่ 19 ม.ค. 2563 เวลา 01.03 น.
image

สัปดาห์นี้มีเรื่องราวเกี่ยวกับ “วงการรถยนต์เวียดนาม” มาฝากครับ

นอกจากการเปิดตัว “รถยนต์ประจำชาติ” ยี่ห้อ VinFast เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมาแล้ว ห้วงท้ายๆ ปีก็มีข่าวใหญ่ในแวดวงยานยนต์ คือการเปิดตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน “รถสูตรหนึ่ง” หรือ Formula 1

ภายใต้ชื่อ F1 Vietnam Grand Prix 2020

 

พูดถึง VinFast รถยนต์ประจำชาติ “เวียดนาม” แล้วก็ทำให้นึกถึง Angkor รถยนต์ประจำชาติ “กัมพูชา” ที่เปิดตัวมาเมื่อหลายปีก่อน

แม้ VinFast จะผลิตโดย VinGroup บริษัทที่ใหญ่สุดของ “เวียดนาม” ซึ่งทำธุรกิจครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ เกษตรกรรม ค้าปลีก โรงพยาบาล สถาบันการศึกษา และแน่นอน “รถยนต์ประจำชาติ”

และที่แน่นอนกว่าก็คือ รถยนต์ VinFast นี้ “ผลิตในเวียดนามทั้งคัน” มันจึงเป็น “ความภาคภูมิใจ” ของรัฐบาล “เวียดนาม”

เปิดตัวครั้งแรกที่ Paris Motor Show 2018 เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ.2562 ก็เรียกเสียงฮือฮาจากคนในวงการรถยนต์โลก ด้วยดีไซน์แบบอิตาลี และใช้เทคโนโลยีจากยุโรป

ปัจจุบัน VinFast มีให้เลือกทั้งรถเก๋ง เอสยูวี บัสไฟฟ้า และสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า

โรงงานผลิตรถยนต์ยี่ห้อ VinFast มีความใหญ่โตถึง 335 เอเคอร์ ตั้งอยู่ที่จังหวัด Cat Hai เมือง Hai Phong ภาคเหนือของ “เวียดนาม”

รัฐบาล “เวียดนาม” ประกาศความคาดหมายว่า VinFast จะเป็นทั้ง Flagship ธุรกิจรถยนต์ของ “เวียดนาม” ในฐานะ “รถยนต์ประจำชาติ”

และเป็นทั้ง Flagship ของ “อุตสาหกรรมอื่นๆ” ของประเทศได้ต่อไปในอนาคต

รัฐบาล “เวียดนาม” วาดหวังว่า VinFast จะได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายไม่น้อยหน้ารถยนต์จากญี่ปุ่นหรือยุโรป

ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการแสดงให้โลกเห็นว่า เมื่อ “เวียดนาม” สามารถผลิต “รถยนต์ประจำชาติ” ได้แล้ว

เรื่องอื่นๆ หรืออุตสาหกรรมอื่นๆ ก็ไม่ใช่งานยากอีกต่อไป

 

“รถยนต์ประจำชาติ” ยี่ห้อ VinFast คือหนึ่งในโครงการ Industry 4.0 ที่รัฐบาล “เวียดนาม” ได้มีนโยบายยกระดับอุตสาหกรรม โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นตัวขับเคลื่อน

คล้ายกับนโยบาย Thailand 4.0 และ S-Curve หรือ “อุตสาหกรรมเป้าหมาย” ใน EEC ของไทย

แต่ความจริงจังและจับต้องได้นั้น “เวียดนาม” นำร่องไปแล้ว โดยมี “รถยนต์ประจำชาติ” ยี่ห้อ VinFast และอุตสาหกรรมอื่นๆ ของ “เวียดนาม” ก็กำลังจะประกาศเปิดตัวตามมา

ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ (Smart Electronics) หรืออุตสาหกรรมเกษตรครบวงจร (Integrated Agricultural)

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การส่งเสริมและสนับสนุน ธุรกิจ Start-up ควบคู่ไปกับ SME ภายใต้นโยบาย Industry 4.0

ซึ่งรัฐบาล “เวียดนาม” มองว่า Start-up กับ SME คือกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพื่อไปให้ถึงฝั่งฝันในยุค “อุตสาหกรรม 4.0” หรือ Industry 4.0 นั่นเองครับ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “อุตสาหกรรมยานยนต์” คือ “ธงนำ” ภายใต้นโยบาย Industry 4.0 ของ “เวียดนาม”

เพราะในขณะนี้ รัฐบาล “เวียดนาม” ได้ให้การสนับสนุน “อุตสาหกรรมยานยนต์” อย่างเต็มกำลัง ซึ่งเน้นหนักไปที่การผลิตรถยนต์ขนาดเล็ก และรถยนต์พลังงานไฟฟ้า

เห็นได้จากการลดภาษีลงถึง 35% ทำให้บริษัทรถยนต์ระดับโลกจำนวนมากกำลังจับตามอง “อุตสาหกรรมยานยนต์” ของ “เวียดนาม”

และในขณะนี้ Mazda และ Hyundai รวมถึง Mercedes ได้เข้าไปเตรียมงาน โดยเฉพาะวางแผนสำหรับการสร้างและขยายไลน์การผลิตรถยนต์ใน “เวียดนาม” กันแล้ว

 

โดยเฉพาะในส่วนของ “รถยนต์พลังงานไฟฟ้า” ที่ “เวียดนาม” ประกาศความพร้อม โดยมี VinFast เป็น Flagship ธุรกิจรถยนต์ของ “เวียดนาม” ในฐานะ “รถยนต์ประจำชาติ” ดังได้กล่าวไป

เหตุผลก็คือ ณ ขณะนี้ “รถยนต์พลังงานไฟฟ้า” ไม่เพียงเป็น “ทิศทางของอุตสาหกรรมรถยนต์” แต่เป็นถึง “Trend โลก” ไปแล้ว

ดังนั้น อุตสาหกรรมยานยนต์สันดาปภายใน และอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันฟอสซิลที่ใช้สำหรับรถยนต์สันดาปภายใน จึงมีความเปราะบางเป็นอย่างมาก

เมื่อ Trend โลก เดินไปสู่ “รถยนต์พลังงานไฟฟ้า” เช่นนี้ จากกระแสลดใช้ “พลังงานฟอสซิล” และมุ่งสู่ทิศทางของ “พลังงานสะอาด” เพื่อรักษาสภาพแวดล้อมของโลก

“อุตสาหกรรมยานยนต์” ASEAN ชาติไหนที่ยังไม่ “ส่งสัญญาณความพร้อม” ที่จะเป็นฐานการผลิต แน่นอนว่า ผู้ประกอบการระดับโลก กำลังมุ่งหน้าเพื่อเลือกไปลงทุนใน “เวียดนาม” แทนแล้ว!

แม้ว่าในปัจจุบัน “ราคา” ของ “รถยนต์พลังงานไฟฟ้า” จะยังแพงลิบลิ่ว แต่ไม่เกิน 10 ปีนับจากนี้ “สถานการณ์ด้านราคา” จะต้องเปลี่ยนไปอย่างแน่นอนครับ

 

ทั้งข่าวการเปิดตัว “รถยนต์ประจำชาติ” ยี่ห้อ VinFast ก็ดี หรือการประกาศตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน “รถสูตรหนึ่ง” หรือ Formula 1 ภายใต้ชื่อ F1 Vietnam Grand Prix 2020 ก็ดี

ถือเป็นกระแสที่กำลังมาแรงในแวดวงยานยนต์ของ “เวียดนาม” และกำลังได้รับการจับตามองจากวงการรถยนต์โลก

เพราะทันทีที่ Liberty Media เจ้าของลิขสิทธิ์การแข่งขัน “รถสูตรหนึ่ง” หรือ Formula 1 ได้แถลงข่าวการลงนามในสัญญาร่วมกับ VinGroup (เจ้าของ VinFast) ก็ส่งผลให้วงการรถยนต์ ASEAN สั่นสะเทือนไม่น้อย

เพราะ “เวียดนาม” ถือเป็นประเทศที่ 4 ของเอเชียต่อจาก “ญี่ปุ่น”, “จีน” และ “สิงคโปร์” นั่นเอง

Liberty Media ประกาศอย่างเป็นทางการว่า Formula 1 ได้เลือก “เวียดนาม” เป็น 1 ในสนามการแข่งขันของ F1 (Formula 1) ตั้งแต่ปี ค.ศ.2020 เป็นต้นไป

โดยสนาม Street Circuit ที่จะใช้ในการแข่งขัน F1 ในครั้งนี้ Liberty Media จะใช้เส้นทางหลักในเมืองหลวงของ “เวียดนาม” คือ “กรุงฮานอย” ผสมผสานกับการสร้างถนนใหม่เพื่อรองรับการแข่งขัน F1 โดยเฉพาะ

ซึ่งต้องบอกว่า นอกจาก “เวียดนาม” จะเป็นประเทศที่ 4 ของเอเชียที่ผ่านการคัดเลือกให้ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน “รถสูตรหนึ่ง” หรือ Formula 1 ภายใต้ชื่อ F1 Vietnam Grand Prix 2020 แล้ว

“เวียดนาม” ยังถือเป็นประเทศที่ 4 เช่นกัน ที่รับหน้าเสื่อจัดการแข่งขัน F1 แบบ Street Circuit ต่อจาก “โมนาโก”, “อาเซอร์ไบจาน” และ “สิงคโปร์” อีกด้วยครับ

โดย F1 Vietnam Grand Prix 2020 ครั้งนี้ จะมีระยะทางการแข่งขันรวมทั้งสิ้น 5.565 กิโลเมตร รองรับ 24 โค้ง และช่วงทางตรงอื่นๆ ทั้งหมดตามข้อกำหนดของ F1

ซึ่ง “ช่วงทางตรงที่ยาวที่สุด” จะอยู่ที่ระยะประมาณ 1.5 กิโลเมตร ซึ่งจะทำให้บรรดา “ตีนผี” สามารถเร่งความเร็วได้สูงถึง 335 กิโลเมตร/ชั่วโมงเลยทีเดียว!

 

การแข่งขัน “รถสูตรหนึ่ง” หรือ Formula 1 หรือ F1 Vietnam Grand Prix 2020 นั้น ขณะนี้ได้รับการบรรจุในปฏิทินการแข่งขัน “รถสูตรหนึ่ง” ในเดือนเมษายน 2020 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

และจะดำเนินการจัดการแข่งขันขึ้นในระหว่างวันที่ 3 ถึง 5 เมษายน ปี ค.ศ.2020 ที่จะถึงนี้

ครับ, อ่านเรื่องราวของ “รถยนต์ประจำชาติเวียดนาม” ยี่ห้อ VinFast และการเปิดตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน F1 “รถสูตรหนึ่ง” หรือ Formula 1 คือ Vietnam Grand Prix 2020

รวมถึงความคืบหน้าของนโยบาย Industry 4.0 ของรัฐบาล “เวียดนาม” แล้ว ทำให้อดคิดถึงโครงการ “หมอนยางพารา” ไม่ได้

เพราะในขณะที่ชาติเพื่อนบ้านของเรากำลังจะได้ “ไปโลดแล่น” บน “เวทีโลก”

ประชาชนในอีกประเทศหนึ่งก็กำลังจะได้นอนหลับฝันถึงอนาคตบน “หมอนยางพารา” อันแสนนุ่มนิ่มนั่นเองครับ!

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0