เชียงใหม่ – ตำรวจจราจรเชียงใหม่ เจอของจริง..หลังจับสี่ล้อแดงจอดริมถนน-จุดห้ามจอด หน้ากาดวโรรสรอเมียซื้อส้ม แต่ไม่ยอมจับคันอื่น ถูกครูเกษียณแถมจบนิติศาสตร์คนขับรถแดงแจ้งความกลับฐานละเว้น ผิด ม.157
เย็นวันนี้(26 มี.ค.) นายกร กาญกนกพร อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37 หมู่ 4 ต.บ้านปง อ.หางดง จ.เชียงใหม่ คนขับรถสองแถวรับจ้าง หรือสี่แล้อแดง วิ่งรับส่งคนโดยสารในตัวเมืองเชียงใหม่ ได้เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.เกษมสิษฐ์ ต่อกัน รอง สว.สอบสวน สภ.เมือง เชียวงใหม่ ว่าขณะตนขับรถสองแถวยี่ห้ออีซูซุสีแดง ทะเบียน 30-6607เชียงใหม่ ไปจอดระเปิดไฟเลี้ยวหน้าตลาดตลาดวโรรส ถนนวิชยานนท์ ต.ช้าวงม่อย อ.เมือง เชียงใหม่ รอภรรยาซื้อส้มเขียวหวาน พร้อมกับรถคันอื่นๆอีกหลายคัน
ต่อมาได้มีตำรวจจราจรนายหนึ่ง มาบอกว่าที่นี่จอดไม่ได้ และได้เขียนใบสั่งให้ตนไปเสียค่าปรับในข้อหาจอดรถในที่ฝ่าฝืนห้ามจอด ตนก็น้อมรับความผิด แต่กลับพบว่า รถคันอื่นๆที่จอดอยู่ด้านหน้า และด้านหลังรถตนไม่ถูกจับ จึงย้อนถามตำรวจไปว่า ทำไมรถคันอื่นจอดได้ทำไมไม่จับ ตนจอดก็นึกว่าตำรวจอะลุ่มอะล่วยให้จอดชั่วคราวเหมือนรถคันอื่น ตำรวจคนดังกล่าว ได้ย้อนบอกว่ารถคันอื่นเขาจอดเอาของลงรถ ตนชี้ให้จับ ก็ไม่ยอมจับ
“ตนจึงถ่ายรูปเก็บหลักฐานเอาไว้ แล้วนำมาแจ้งความกับพนักงานสอบสวน เพื่อขอดำเนินคดีกับตำรวจจราจรนายนี้ให้ถึงที่สุด เพื่อเป็นคดีตัวเองว่าอย่าได้เลือกปฎิบัติ และใบสั่งที่ตนได้มานั้น ก็จะไปชำระค่าปรับตามกฎหมาย”
ทั้งนี้ระหว่างการสอบสวนปากคำ พบว่านายกร ใช้ภาษาและตัวบทกฎหมาย คุยกับร้อยเวรฯ อย่างคล่องแคล่ว ผิดกับคนที่มีอาชีพขับรถรับจ้างทั่วไป ที่ส่วนมากจะกลัวตำรวจจราจร ผู้สื่อข่าวจึงได้สอบถาม จึงทราบว่า เดิมนายกร เคยรับราชการการเป็นครูสอนอยู่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ ระหว่างที่รับราชการ ได้เรียนวิชากฎหมายของ มสธ.ไปด้วยจนจบนิติศาสตร์ กระทั่งเกษียนอายุราชการมาได้ 2 ปี และมาหารายได้พิเศษ โดยการขับรถสองแถวรับจ้าง เพื่อรอการไปสอบใบประกอบวิชาชีพทนายความ ภาคปฎิบัติ หลังจากที่สอบภาคทฤษฎีผ่านไปแล้ว
เมื่อมาเห็นตำรวจจราจรเลือกปฎิบัติ รังแกอาชีพคนขับรถโดยสารแบบนี้ ก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้อง รวมทั้งได้รับแรงใจจากเพื่อนๆอาชีพเดียวกันที่บอกว่า ควรจะมาแจ้งความดำเนินคดีตำรวจจราจร ในฐานความผิด ตาม ม.157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ต่อไป