“กูรูการเมือง” ซื้อหวยถูก แม่นฉมังราวกับเปิดถ้วยแทงยังไงยังงั้น ข่าวล่ามาเร็ว เมื่อไม่กี่อึดใจ ความว่า “คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. มีมติเป็นเอกฉันท์ยุบพรรคอนาคตใหม่” เรียบร้อยโรงเรียน คสช.
ให้เหตุผลถึงการยุบหนอพองหนอว่า“นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปล่อยเงินกู้จำนวน 191 ล้านให้ลูกพรรค เข้าข่ายรับเงินบริจาคโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามมาตรา 72 ของกฎหมายพรรคการเมือง ที่ห้ามมิให้พรรคการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองรับเงินบริจาค ทรัพย์สิน ประโยชน์อื่นใด โดยรู้ว่าควรจะรู้ว่าได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย”
ก้าวถัดไป จะเป็นตายร้ายดี“ผีถึงป่าช้า” หรือไม่ ก็ต้องจับตาดูกันตาอย่ากะพริบ พลันที่มีมติ “กกต.” ชงเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ ตามมาตรา 923 ของกฎหมายพรรคการเมืองทันที
กรณีที่“ศาลรัฐธรรมนูญ” วินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ ลูกพรรคทั้งบัญชีรายชื่อและเขตเลือกตั้งจำนวน 80 คน ที่ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค จะกลายเป็น“ผึ้งแตกรัง” โผผินหาถิ่นที่อยู่ใหม่ในบัดดล
แน่ยิ่งกว่าแช่แป้งว่า จำนวนหนึ่งไม่มากก็น้อย ต้องบินข้ามฟากมาเกาะ“พรรคพลังประชารัฐ” ธรรมชาติของ “ต้นไม้ใหญ่” ที่ใบดก นกต้องรุมเกาะ
เข้าแก๊ปเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับข่าวลือก่อนหน้านี้ว่า “รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” …เขาอยากอยู่ยาว จึงหาทางหนีทีไล่ อัปเปหิ“พรรคประชาธิปัตย์” เขี่ยพ้นทางปืน ด้วยการปรับออก เพราะส่อเค้าเล่าอาการว่าจะคุมทัพกันได้ไม่ราบรื่น
ส่งสัญญาณอันตรายมาให้ดูชมทีละสเต็ป เริ่มจาก 6 ส.ส.ของพรรคลุกขึ้นมา“โหวตสวน” มติวิปรัฐบาล พ่ายป่าราบไปในการลงมติตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาผลกระทบประกาศและคำสั่งของหัวหน้า คสช.ตามมาตรา 44
แม้วิปรัฐบาลจะแก้เกมให้นับคะแนนใหม่ ฝ่ายค้านพากันวอล์กเอาต์ ทำให้ที่ประชุมไม่ครบองค์ ส่งผลให้สภาล่มรอบที่ 2 ต้องแก้มือกันครั้งที่ 3 ถึงจะแก้เกี้ยวได้สำเร็จ แต่ถือว่าอนาคตตกอยู่ในวังวนอันตราย
แถมพรรคประชาธิปัตย์ยังพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก 6 ส.ส.โหวตสวนชวนระทึกแล้วยังไม่พอ ในวันเวลาใกล้เคียงกัน ลูกพรรคระดับมือชั่งทอง ตบเท้าไขก๊อกกันเป็นว่าเล่น
ก่อนหน้านี้ “หมอวรงค์ เดชกิจวิกรม” ชิงลาออก บางกระแสว่า เตรียมแต่งตั้งไปนั่งเก้าอี้รัฐมนตรี ถัดมาไม่กี่วัน “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ตัดสินใจลาออกไปอีกราย ทั้งที่เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ
ย้อนเทปไปดูผลเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ “คนที่ 8” ซึ่ง“จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” ได้รับเลือกให้เป็นผู้ชนะ ด้วยสัดส่วน 125 คะแนน เหนือ“พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ได้ 82 คะแนน “กรณ์ จาติกวณิช” ได้ 14 คะแนน และ “อภิรักษ์ โกษะโยธิน” ได้ 8 คะแนน
เมื่อแยกแยะเส้นสนกลในของผู้เข้าชิงหัวหน้าพรรคทั้ง 4 พระหน่อดูทางลมแล้ว พบว่าคนละ “คอนเน็กชั่น” กองหนุนคนละขั้ว
“จุรินทร์” ในฐานะศิษย์ในคาถาของ “นายหัวชวน หลีกภัย” มี ส.ส.ทั้งเขตเลือกตั้งและบัญชีรายชื่อ กลุ่มก้อนที่มีน้ำหนักชี้เป็นชี้ตายมากที่สุดอยู่จำนวนหนึ่ง แต่ที่แข็งแกร่งที่สุด คือโหวตเตอร์ที่มาจากสาขาพรรค
ขณะที่“พีระพันธุ์” ถึงจะแพ้แต่กลับหายใจรดต้นคอ ผู้ส่งเข้าประกวดคือ“สายลุงกำนัน-สุเทพ เทือกสุบรรณ” มีกองหนุนหนาตามากพอสมควร ขณะที่กลุ่มก้อนของ“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ให้การสนับสนุน “กรณ์ จาติกวณิช”
ความขัดแย้งในพรรคประชาธิปัตย์แตกลายงามาตั้งแต่ช่วงหาเสียงศึกเลือกตั้งใหญ่ เมื่อ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศนโยบายหลักว่า หัวเด็ดตีนขาด “ไม่เอาบิ๊กตู่”
ส่งผลให้ประชาธิปัตย์ ซึ่งผลัดกันแพ้-ชนะกันมากับเครือข่ายเพื่อไทยมาตลอด ปราชัยอย่างถล่มทลายเข้าป้ายมาเป็นลำดับ 4 ยับเยินที่สุด โดยเฉพาะฐานเสียงจากภาคใต้และ กทม. รุมเทกระจาด จน “อภิสิทธิ์” ต้องประกาศล้างมือในอ่างทองคำ ยอมไขก๊อกตัวเองพ้นจากสารบบ จากหัวหน้าพรรค และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
หลังจากเลือกตั้งหัวหน้าพรรค-กรรมการบริหารชุดใหม่ กระทั่งเสียงข้างมากมีมติเข้าร่วม เป็นแค่อะไหล่ เสริมใยเหล็กในรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์” มีการสมานรอยร้าวกันหลวมๆ
ระหว่างกลุ่มเข้าวิน ที่เข้ามาบริหารพรรคใหม่ กับกลุ่มเข้าเพลส ที่สนับสนุน “พีระพันธุ์” หล่อรวมเป็นข้าวต้มมัด และมีตำแหน่งแห่งหนได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีในรัฐบาล “ตู่ 2/1” สมประโยชน์ด้วยกัน
แต่คลื่นลมภายใน ปชป.แทนที่จะสงบ กลับกระโชกแรง หลังคากระเจิง เมื่อ ส.ส. 6 คนเครือข่าย “อภิสิทธิ์” ที่หย่อนบัตรเลือก “กรณ์” แสดงฤทธิ์เดชให้ดูชม ด้วยการโหวตสวนสนับสนุนญัตติ สวนทางปืนกับ“มติวิปรัฐบาล”
ยังไม่หนำ “สายลุงกำนัน” พากันพาเหรดตบเท้าลาออก
จึงเป็นที่ไปที่มาว่า“บิ๊กทำเนียบ” เกิดหวั่นไหว ไม่ไว้ใจประชาธิปัตย์ เตรียมจะปรับออก
มีการดีดลูกคิด คูณคำนวณดูตัวแล้ว
ตัวเลข 50 ที่นั่งของประชาธิปัตย์ ง่ายมากๆ สำหรับรัฐบาล “บิ๊กตู่” ชั่วโมงนี้
มี ส.ส.ลูกพรรคเพื่อไทย ถูก “ตกเขียว” มาได้สำเร็จเรียบร้อยแล้วไม่ต่ำกว่า 10 คน+เศรษฐกิจใหม่จำนวนหนึ่ง+ผึ้งแตกรังจากอนาคตใหม่จะมาอีกบานตะเกียง
ชั่วโมงนี้ “พรรคพลังประชารัฐ” มีอานุภาพแห่งการดูดสูงส่ง
ใครๆ ก็อยากมาร่วมสังกัด ศิโรราบเป็นลูกพรรค เพราะล้วนกินหรู อยู่เฟ่ รวยปะ
ประชาธิปไตยแบบไทยๆ อย่าไปคาดหวังอะไรมาก
