สัตวแพทย์มหาวิทยาลัยมหิดลเก็บตัวอย่าง DNA จระเข้ยะนุ้ย คาด 2 สัปดาห์รู้ผล พันธุ์แท้หรือผสม ด้านประมงภูเก็ตขอความร่วมมือผู้ที่เลี้ยงจระเข้ในพื้นที่มาจดแจ้งการครอบครองให้ถูกต้อง…
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 15 ส.ค.2561 ที่บ่อเพาะเลี้ยงของศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งภูเก็ต ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต นายโกวิทย์ เก้าเอี้ยน ประมงจังหวัดภูเก็ตพร้อมด้วยนายไพศาล สุขปุณพันธ์ เจ้าพนักงานประมงอาวุโส หัวหน้ากลุ่มบริหารจัดการด้านการประมง สำนักงานประมงจังหวัดภูเก็ตนำทีมสัตวแพทย์จากคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล นำโดยสัตวแพทย์หญิงนรีรัตน์ สังขะไชย ผู้ช่วยวิจัย คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลและนายสัตวแพทย์พีรวัส วงษ์ลือชัย ร่วมเก็บตัวอย่างเลือดของจระเข้ยะนุ้ยที่ถูกจับได้ที่บริเวณใกล้เกาะกระทะ หาดลายัน ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เมื่อรุ่งสางวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา เพื่อนำไปพิสูจน์ DNA หาสายพันธุ์ ทั้งนี้ได้มีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการจับจระเข้ของบริษัท ภูเก็ต คร็อกโคไดล์เวิร์ค จำกัด และเจ้าหน้าที่ของบ่อเพาะเลี้ยง ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งภูเก็ตช่วยในการจับ ก่อนที่ทีมสัตวแพทย์และผู้เชี่ยวชาญร่วมกันฝังไมโครชิพที่หางจระเข้ วัดขนาดความยาว เก็บตัวอย่างเลือด ตรวจสุขภาพ ทายารักษาบาดแผลตามตัวจระเข้ และฉีดยาบำรุง โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
สัตวแพทย์หญิง นรีรัตน์ สังขะไชย ผู้ช่วยวิจัย คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลเปิดเผยว่า เบื้องต้นในวันนี้ได้มีการตรวจสุขภาพเบื้องต้นหลังจากที่จระเข้ยะนุ้ยถูกจับมาหลายวัน พบว่าร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ แต่มีบาดแผลภายนอกเล็กน้อย จึงทายารักษาและได้มีการเก็บตัวอย่างเลือดนำกลับไปตรวจที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยจะตรวจหาโรคพยาธิแฝง และตรวจ DNA พิสูจน์ว่าเป็นสายพันธุ์อะไร เป็นจระเข้น้ำเค็มแท้ที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติหรือเป็นจระเข้น้ำเค็มพันธุ์ผสม โดยคาดว่าการตรวจ DNA จะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์จึงจะทราบผลที่ชัดเจน
ด้าน นายโกวิทย์ เก้าเอี้ยน ประมงจังหวัดภูเก็ตเปิดเผยว่า หลังจากที่จังหวัดภูเก็ตได้ออกประกาศ เรื่อง ขอให้ผู้ที่ครอบครองจระเข้ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตและไม่ได้จดแจ้งการครอบครองที่ถูกต้อง ปรากฏว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่มีผู้มาแจ้งเพิ่มเติมจากเดิม และในส่วนที่มีการตั้งรางวัลสำหรับผู้ที่ชี้เบาะแสในการแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบสถานที่ต้องสงสัยว่ามีการลักลอบเลี้ยงจระเข้โดยผิดกฎหมาย ยังไม่มีเช่นกัน จึงขอเน้นย้ำให้ผู้ที่ครอบครองจระเข้ แต่ยังไม่ได้แจ้งการครอบครองไว้กับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องให้มาดำเนินการแจ้งการครอบครองได้ที่สำนักงานประมงจังหวัดภูเก็ต
ทั้งนี้ หากไม่ดำเนินการจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 19 และมาตรา 49 มีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พี่น้องประชาชนในพื้นที่ช่วยสอดส่อง หากพบเห็นผู้มีพฤติกรรมซื้ออาหารสัตว์ หรือโครงไก่ในปริมาณมากเกินความจำเป็น หรือคาดว่าจะมีการครอบครองเลี้ยงจระเข้โดยไม่ได้รับอนุญาต ให้แจ้งเบาะแสได้ที่ สำนักงานประมงจังหวัดภูเก็ต.
