"จตุพร" ประธานนปช. วิเคราะห์สถานการณ์การเมือง มั่นใจปีหน้าแก้รัฐธรรมนูญ-ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ เตือน "ธนาธร" เพิ่มความระมัดระวังจัดแฟลชม็อบครั้งต่อไป เสี่ยงถูกแทรกแซงง่าย
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แสดงความเห็นสถานการณ์การเมืองเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. ว่า กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่จากการที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ให้พรรคกู้เงินกว่า 191 ล้านบาทนั้น ตนเคยวิเคราะห์ว่า นายธนาธรและพรรคอนาคตใหม่รอดยาก โดยมีอย่างน้อย 4 ดาบที่ต้องเจอ คือ
- ดาบแรก ให้พ้นสมาชิกภาพ ส.ส. ซึ่งเจอไปแล้ว
- ดาบสอง เรื่องต่อเนื่องจากการพ้นสมาชิกภาพ คือ จำคุกอย่างต่ำ 1 ปี จากคดีอาญาในศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ตัดสิทธิทางการเมืองเต็มที่ 20 ปี
- ดาบสาม คือเรื่องยุบพรรค กรณีเงินกู้
- ดาบสี่ เรื่องที่พรรคอนาคตใหม่ถูกร้องเรียนเรื่องล้มล้างการปกครองที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ แต่จากมติ 5 ต่อ 4 ที่รับเรื่องนี้เข้าวินิจฉัยในศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้คิดได้ไม่ยากว่าผลจะเป็นอย่างไร ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าไม่รอด
(จตุพร พรหมพันธุ์)
นายจตุพร กล่าวด้วยว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญแก้ไขไม่ได้ เศรษฐกิจก็แก้ไขไม่ได้ รัฐบาลมี 3 ทาง คือ ไม่ยุบสภา ก็ยึดอำนาจ ไม่ยึดอำนาจก็โยกสลับตัว สถานการณ์บ้านเมืองรัฐบาลชุดนี้อยู่ไม่ถึงกลางปี (พ.ศ.2563) แน่นอน เพียงแต่เขาต้องการจะเลือกเล่นเกมไหน
"การจัดชุมนุมของธนาธรและพรรคอนาคตใหม่ก็จะต้องมีการระมัดระวังที่ต้องมากขึ้น เพราะการจัดชุมนุมในลักษณะต่างคนต่างไปจะถูกแทรกแซงได้อย่างง่ายดายมาก เรานั้นในช่วงชุมนุมต้องใช้หน่วยการ์ดหลายพันคน ขณะใช้หน่วยการ์ดและพี่น้องประชาชนเป็นการ์ดอาสาจำนวนมากแล้ว ยังถูกแทรกแซงได้อย่างง่ายดาย เพราะฉะนั้น ม็อบลักษณะแบบนี้โอกาสเข้าไปแทรกแซงและสร้างสถานการณ์ง่ายดายมาก และจะกลายเป็นเรื่องอื่น
เพราะฉะนั้นครั้งต่อไปถือเป็นคำแนะนำแล้วกัน ไปในลักษณะนี้สุ่มเสี่ยง แต่ว่าต้องจัดการมาให้ดีกว่านี้ นี่เป็นปรากฏการณ์การ ครั้งหนึ่งครั้งสองอาจไม่เป็นไร เราเดินทัพกันมาหลายปีพอถูกสร้างสถานการณ์แปลงจากสันติวิธีมาเป็นเรื่องความรุนแรงและก็สร้างความชอบธรรมในการเข้าปราบปรามสังหารประชาชน ถือเป็นจุดเริ่มต้น" ประธานนปช. กล่าวตอนหนึ่ง
ทั้งนี้ ตนจะติดตามประเมินสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด เพราะดูว่าอย่างไรก็ตามรัฐบาลชุดนี้ไปไม่ได้อยู่แล้ว ปัญหาเกิดจากสนิมเนื้อในไม่มีศักยภาพในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ แล้วคนที่ไม่พอใจจะไประบายอยู่ที่ธนาธร อีกฝ่ายก็จะไปปลุกให้เกิดความชิงชังประณามอีกพวกว่าชังชาติ คอยดูว่าจะใช้เวลาเท่าไหร่แต่ยุคโซเชียลมีเดียแบบนี้ไม่นาน จะมีการสร้างสถานการณ์ความขัดแย้งขึ้นมารอบใหม่ ทั้งนี้ในวันศุกร์ที่ 27 ธ.ค. ตั้งแต่เวลา 11.00 น. ตนจะวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองอีกครั้ง
