นายธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลตรุษจีนการซื้อขายทองคำคึกคัก เนื่องจากคนไทยเชื้อสายจีนจะนิยมให้ทองคำกับบุตรหลาน เพื่อเป็นสิริมงคลในชีวิต ซึ่งบางราย ซื้อทองเพื่อทยอยสะสมเก็บไว้เห็นได้จากราคาทองคำ โดยเฉพาะในไตรมาสแรกของทุกปี จะปรับตัวเพิ่มขึ้น จากข้อมูลย้อนหลังเฉลี่ย 4 ปีที่ผ่านมาปรับขึ้นประมาณ 4% และปีนี้ตรงกับปีนักกษัตริย์หนูจะมีผลิตภัณฑ์หนูให้ลูกค้าได้เลือกซื้อ แต่ผลิตภัณฑ์ที่นำออกมาจำหน่ายมีขนาดเล็กลง เพื่อให้ลูกค้าสามารถซื้อได้ง่ายขึ้นในราคาที่ไม่แพงมาก จากเดิมน้ำหนัก 1 บาทหรือ 2 บาท น้ำหนักประมาณ 15-30 กรัมกว่าๆ เป็นสินค้าน้ำหนักขนาด 1 กรัม เป็นต้น
" บรรยากาศร้านค้าทองเยาวราชคึกคึกช่วงตรุษจีน โดยราคาทองคำตรุษจีนปีนี้แพงกว่าปีที่ผ่านมาเนื่องจากค่าเงินบาทไทยอ่อนค่าลง และราคาต่างประเทศปรับตัวขึ้น ณ วันที่ 17 ม.ค.ราคาอยู่ที่ 1,555 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ส่งผลราคาทองแท่งขายบาทละ 22,400 บาท ซึ่งหากเทียบกับตรุษจีนปีก่อน 5 ก.พ.62 อยู่ที่ 1,315 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ทำให้ราคาทองคำแท่งอยู่ที่บาทละ 19,500 บาท"
สำหรับในช่วงต้นปีที่ผ่านมาราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากปัญหาความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและอิหร่านทำให้ราคาทองคำต่างประเทศปรับขึ้นมาที่ระดับ 1,600 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์และขึ้นไปจุดสูงสุดที่ระดับ 1,620 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งหลังจากที่สถานการณ์คลี่คลายทำให้ราคาทองคำปรับตัวลงมา นอกจากนี้การลงนามบรรลุข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯและจีนในการลดข้อพิพาททางการค้าเฟส 1 วันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา เป็นผลดีต่อตลาดทุนแต่กดดันราคาทองคำปรับตัวลงอีก
ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามเป็นเรื่องเบร็กซิทในช่วงปลายเดือน คาดว่าจะส่งผลบวกต่อราคาทองคำได้ในระดับหนึ่ง รวมถึงสงครามทางการค้าว่าสหรัฐฯและจีนจะมีการทำข้อตกลงในเฟส 2 ต่อไปหรือไม่ รวมถึงการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ จากเดิมที่คาดว่าจะไม่มีการปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้แต่ถ้าเศรษฐกิจไม่ดีอาจมีการปรับลดดอกเบี้ยลง ซึ่งจะมีผลบวกต่อทองคำ
นอกจากนี้ปีนี้เป็นปีที่สหรัฐฯจะเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ต้องจับตาแถลงการณ์ในแต่ละช่วงว่ามีผลเกี่ยวกับการเลือกตั้งมากน้อยแค่ไหนที่ส่งผลต่อระบบการเงิน โดยเฉพาะคู่ค้าของสหรัฐฯ ที่สหรัฐฯมองว่าได้เปรียบทางด้านการค้าและอาจทำให้มีการเจรจาต่อรองเกิดขึ้น ส่วนด้านภูมิศาสตร์เป็นเรื่องเกาหลีเหนือเกี่ยวกับสนธิสัญญานิวเคลียร์ รวมถึงอาวุธสงครามใหม่
อย่างไรก็ตาม แนวรับทองคำปีนี้อยู่ที่ 1,450 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แนวต้านอยู่ที่ 1,650 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยปีที่ผ่านมาปรับขึ้นมาที่ 1,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และต้นปีปรับขึ้นไปที่ระดับ 1,620 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ถือเป็นจุดสูงสุดในรอบ 7 ปี ส่วนราคาทองแท่งจะอยู่ที่ 21,500 บาท –23,000 บาท ขณะที่ค่าเงินบาทคาดว่าจะทรงตัวไม่หลุด 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ