โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

คุย ‘เรื่องนั้น’ กับกัปตัน ชลธร พร้อมฟังเหตุผลที่ชีวิตนี้ไม่มีวันเหมือนเดิม

MATICHON ONLINE

อัพเดต 21 พ.ย. 2562 เวลา 00.32 น. • เผยแพร่ 21 พ.ย. 2562 เวลา 00.31 น.
ปก

กัปตัน ชลธร คงยิ่งยง บอกกับ มติชนออนไลน์ ว่า ตอนแรกที่จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ และนาดาว มิวสิค ชวนเขา กับ เจเจ กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม รวมถึง ไอซ์ พาริส อินทรโกมาลย์สุต ทำเพลง คอนเซ็ปต์ยังไม่มีการระบุ กระทั่งแต่ละคนถ่ายทอดชีวิตและความคิดไปนั่นละ ‘HUMAN ERROR’ – มนุษย์ซึ่งไม่สมบูรณ์แบบ จึงเกิดขึ้น

ในส่วนของตัวเขา ก่อนจะมาเป็นเพลง‘COLOR BLIND’  เขาได้ถ่ายทอดกราฟชีวิตของตัวเอง ตั้งแต่เด็กจนโต ให้คนแต่งเพลงรวมถึงทีมคนอื่นๆฟัง แล้วเรื่องความรักของเขาก็โดนใจ

“ตั้งแต่เล็กจนโต ผมใช้ความรักในการเดินทางมาตลอด การจะทำอะไรสิ่งหนึ่ง ผมจะคิดก่อนเลย ว่าจะทำเพื่อความรัก มันก็เลยเหมือนเราค่อนข้างหาตัวตนของตัวเองไม่ค่อยเจอ”

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงรู้สึกชอบเพลงซึ่งถ่ายทอดมาจากตัวตนของเขาเองมาก-มาก

“เพราะเหมือนเพลงเป็นสิ่งเตือนใจในชีวิต ว่าหลังจากนี้ ต่อไปในอนาคตเราจะก้าวต่อไปยังไง”

“ผมจะก้าวต่อไปในทุกอย่างที่มีความสุข แล้วผมเลือกมันด้วยตัวเอง จะใช้ชีวิตทุกวันให้มีความสุขมากที่สุด เพื่อจะได้ไม่เสียใจภายหลัง หรือไม่ได้ลองทำอะไรจริงๆ”

“ตั้งแต่เล็กจนโต ผมมีกรอบในชีวิตค่อนข้างสูง พอโตขึ้นกรอบค่อยๆเปิดออก ผมได้ออกมาเจอโลกมากขึ้น เจออะไรมากขึ้น แล้วก็ค่อยๆปรับตัว”

“ในสมัยก่อน ผมรู้สึกว่าความรักคือความสุขเดียวในชีวิต ไม่เคยสนใจตัวเอง ไม่เคยรู้ว่าตัวเองชอบ หรืออยากทำอะไรจริงๆ แล้วดันเจอความรักก่อน มันเป็นอะไรที่เดินทางกับผมมานานพอสมควร”

“รู้สึกว่ามันห่อหุ้มเรา”

อย่างไรก็ดีเมื่อโตขึ้น ความรู้สึกที่เคยยึดความรักมา ‘ห่อหุ้ม’ ก็เปลี่ยนเป็นให้รักนั้น ‘อยู่ข้างๆ”

“เอาเป็นสิ่งที่ให้กำลังใจ ดีกว่าที่จะเป็นทุกสิ่ง”

สำหรับวันนี้ กัปตันบอกว่า เขารู้สึกว่าชีวิตมีความสุข

“ผมมีความสุขในทุกวัน”

หากขณะเดียวกัน “ผมไม่เคยคาดหวังอะไรในอนาคต มีความหวังบ้าง…แต่ว่าไม่ทำปัจจุบันเพื่ออนาคต ผมทำปัจจุบันเพื่อปัจจุบัน”

“หมายความว่ามนุษย์ส่วนมากทำปัจจุบันเพื่ออนาคตน่ะ ทุกคนหาเงินตอนนี้ เพื่อจะเก็บไปใช้ตอนแก่ สมมุติว่าคุณตายขึ้นมาพรุ่งนี้ล่ะ เงินที่เหลือคุณก็ไม่ได้ใช้ ทำไมคุณไม่ทำทุกวันไปเรื่อยๆ แทนที่จะไปทำความสุขในบั้นปลาย”

ความคิดดังกล่าว เจ้าตัวคิดได้มาสักพักใหญ่ๆ “เป็นปีน่ะครับ” ว่าอย่างนั้น

เป็นการคิดได้หลังใช้เวลานอนมองเพดาน 

“มันมีจุดที่ผมเคยมองเพดาน มองไปเรื่อยๆ อันนี้ไม่เคยบอกใคร เป็นจุดที่เราดาวน์สุดในชีวิตมั้ง พอดาวน์สุดแล้ว เราจะเริ่มรักตัวเอง อยู่กับปัจจุบันมากขึ้น  เพราะคุณรู้แล้วว่าความตายมันอยู่ใกล้เรานิดเดียวเอง ถ้าไม่มีความสุขตอนนี้ จะตายพรุ่งนี้ ก็ไม่รับรู้อะไรแล้วมั้ง เลยรู้สึกว่า เอาตรงนี้สิ ตื่นมาวันนี้อยากทำอะไร อยากนอนอยู่บ้านก็นอนไป”

ส่วนถ้ามีงานต้องทำ นั่นไม่มีปัญหา เพราะทุกงานที่รับมา ล้วนแต่เลือกแล้วว่าชอบมาก อยากทำ

เรื่องดาวน์ที่พูดถึงนั้น กัปตันบอก “ก็เรื่องนั้นแหละครับ”

*“มันเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตผมเลย ถ้าไม่มีเหตุการณ์ในวันนั้น ก็จะไม่มีผมในวันนี้”  *

“เหตุการณ์วันนั้นทำผมเปลี่ยนมาเป็นคนปัจจุบันในวันนี้”

เหตุการณ์ที่หนักหนา สาหัส ถึงขนาดที่บางแว่บของความคิด การหลับนิรันดร์ก็ถูกนำมาคิด

“มันเหมือนฟุ้งไปเรื่อย ไม่รู้จะทำอะไร ตื่นมาก็มองเพดาน”

พร้อมกันนั้นก็ “รู้สึกว่าเวลาหลับตา มีความสุขกว่าเวลาลืมตา”

โชคดีที่ตอนนั้นมีครอบครัวเคียงข้าง จนสุดท้ายการได้รับความรักจากครอบครัวอย่างเต็มที่ และความอดทนที่มีก็ทำให้เขาสามารถก้าวพ้นผ่าน

กัปตันซึ่งปัจจุบันอายุ 21 ปี บอกด้วยว่า เอาเข้าจริงเขารู้สึกดีใจที่เจอเรื่องใหญ่ตอนอายุได้ 20 ปี

“ถ้าไปเจอตอน 30 คงไม่ไหว เพราะ 30 น่าจะเป็นช่วงที่ค่อนข้างมั่นคงในชีวิต ทุกอย่างผนึกเป็นแผ่นเดียวแล้ว ก่อขึ้นใหม่คงยาก”

สำหรับ ‘ความเปลี่ยนแปลง’ จนกลายเป็นกัปตัน ‘คนปัจจุบันในวันนี้’  กัปตันบอกว่าเขาหมายถึง “สิ่งที่ผมเรียกว่าเป็นมนุษย์มากขึ้นครับ”

“ผมยอมรับในทุกๆอย่างที่ผมเลือกที่จะทำ ซึ่งก่อนหน้าที่ผมจะเลือก ผมคิดก่อนแล้วว่าผมมีความสุขกับมันหรือเปล่า อะไรที่ไม่มีความสุข ผมเลือกที่จะตัดมันออกไป”

การทำเพื่อคนอื่น ทำเพื่อเหตุผลนั่นโน่นนี่ อย่างที่เคยเป็นๆมา-จะเลิกละ

“ทำไมไม่ทำเพื่อตัวเองบ้างล่ะ คุณน่าจะเป็นคนที่รู้ดีที่สุดว่าคุณอยากจะทำอะไรในชีวิต แต่คุณไม่เคยจะเลือกเลย เพราะคุณกลัว กลัวคนโน้นเสียใจ กลัวคนอื่นไม่ยอมรับ ถ้าเกิดคุณทำแบบนี้ไปเรื่อยๆจนชิน ชีวิตนี้คุณก็ไม่เคยทำอะไร เพื่อตัวคุณเองหรอก” เขาบอกอย่างนั้น

ถามกัปตันไปว่า จากวันนั้นถึงวันนี้ รู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็น ‘แผล’ ไหม

“ไม่เลยครับ” เขาบอกพลางยิ้ม

“ผมว่ามันเป็นยา มันคือสิ่งที่ทำให้ผมเจอตัวเอง เหมือนมารักษาอะไรบางอย่างในตัวผม ให้กลายมาเป็นคนคนนี้”

และนี่คือคลิปของการสนทนาที่อยากให้คุณได้ฟัง…

 

youtube
0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0