โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

กีฬา

คุยเป็นตับ เรื่องลับๆของ ฟาน ไดค์ : เมื่อกองหลังร่างใหญ่ แต่หัวใจ ดิสนี่ย์

ขอบสนาม

อัพเดต 15 ก.พ. 2561 เวลา 03.21 น. • เผยแพร่ 09 เม.ย. 2563 เวลา 20.07 น.
คุยเป็นตับ เรื่องลับๆของ ฟาน ไดค์ : เมื่อกองหลังร่างใหญ่ แต่หัวใจ ดิสนี่ย์

"ชีวิตจริง ยิ่งกว่านิยาย" คำนี้มันไม่ได้ดูสวยหรูไปหรอกครับ เพราะโชคชะตาแต่ละคน ต่างมีเส้นทางที่แตกต่างกัน ความสำเร็จที่ตั้งตระหง่านอยู่หน้าม่าน ใครจะรู้บ้างละว่า "เบื้องหลังคนเหล่านั้น" ต้องผ่านความยากลำบากมากแค่ไหน

เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ปราการหลังจาก ลิเวอร์พูล คือหนึ่งในเคสที่เส้นทางลูกหนังไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เขาผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ แต่น้อยคนที่จะรู้ไป ว่ากว่าเขาจะเฟี้ยวขึ้นมาเป็นเซ็นเตอร์แบ็กค่าตัว 75 ล้านปอนด์ ก็เคยเลี้ยวมาก่อนช่วงวัยรุ่น

ว่าแล้วก็เลยจะพาไปเจาะลึก ช่วงที่ ฟาน ไดค์ ได้นั่งเปิดใจออกสื่อกันหน่อยว่าชีวิตเขาเป็นอย่างไร และ จริงไหมที่เขาเป็นกองหลังร่างใหญ่ แต่หัวใจเป็นการ์ตูน ดิสนี่ย์

พิธีกร : คุณเกิดที่เมืองเบรดา คุณเล่นให้อะคาเดมี่ วิลเล็ม ทเวย์ ก่อนย้ายไปร่วมทีม โกรนิงเก้น ในปี 2010 คุณคิดว่าพรสวรรค์ทางฟุตบอลของคุณ ถูกค้นพบอย่างรวดเร็วหรือไม่ ?

ฟาน ไดค์ : ไม่ใช่เลย! เมื่อตอนที่ผมยังเด็ก ผมไม่ได้ตัวสูงขนาดนี้ จนกระทั่งผมเริ่มโตขึ้น อย่างตอนผมอายุ 16 น้องชายสูงกว่าผมอีก แต่พอถึงช่วงซัมเมอร์ตอนอายุ 17 ปี ผมสูงขึ้นมา 18 เซนติเมตร .. อย่างไรก็ตาม ผมมักมีปัญหาตรงขาหนีบ ผมพยายามจะวิ่งแบบปกติ แต่หัวเข่าของผมมันเหมือนคลอนแคลนเล็กน้อย ผมเลยจำเป็นต้องทำกายภาพและฟื้นฟูร่างกายอยู่ 6 สัปดาห์ มันเหมือนกับว่าผมต้องอาศัยอยู่อีกร่างหนึ่ง และ หลังจากนั้นผมก็เริ่มเล่นดีขึ้น

พิธีกร : คุณเล่นตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก มาตั้งแต่เริ่มเลยหรือเปล่า ?

ฟาน ไดค์ : "ตอนผมอายุ 16 ผมเคยเล่นตำแหน่งแบ็กขวา แต่มันก็ไม่ดีพอเท่ากับการเล่นเป็นเซ็นเตอร์แบ็ก ผมไม่เคยเป็นนักเตะที่โดดเด่นเอาเสียเลย จนกระทั่งถึงชุดยู-19 ผมได้เป็นกัปตันทีม บางครั้งก็ต้องถ่างไปเล่นเป็นฟูลแบ็กบ้าง แต่ทุกๆสิ่งมันหล่อหลอมให้ผมเป็นผู้เล่นที่ดีขึ้น เมื่อผมไปเล่นให้ทีมยู-23 ทุกอย่างก็ก้าวกระโดด"

พิธีกร : ชีวิตวัยรุ่นของคุณเป็นอย่างไรบ้าง ?

ฟาน ไดค์ : "เมื่อครั้งผมอยู่ที่ โกรนิงเก้น ผมเดินทางไปซ้อมด้วยการปั่นจักรยาน ฉะนั้นพอผมได้เงินค่าจ้างเดือนแรก ผมเลยไปสอบใบขับขี่ แต่ความจริงคุณรู้ไหม ตอนที่ผมอายุ 16 ปี ก่อนที่ผมจะเซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพ ผมต้องทำงานเป็นคนล้างจานในร้านอาหารที่เมืองเบรด้า ควบคู่กับการเตะบอลไปด้วย"

"ผมต้องซ้อมวันจันทร์, วันอังคาร, วันพฤหัสบดี และ ต้องแข่งทุกวันเสาร์ ส่วนวันพุธ กับ วันอาทิตย์ ผมต้องทำงานตั้งแต่ 6 โมงเย็น จนถึงเที่ยงคืน ผมได้เงินประมาณ 350 ยูโร ต่อเดือน ผมมีความสุขกับมันมากๆตอนนั้น ผมมักจะไปร้านแม็คโดนัลด์ ในคืนวันเสาร์ และ เลี้ยงเบอรฺเกอร์เพื่อนๆ มันทำให้ผมเริ่มตระหนักถึงความสัมพันธ์ของเงิน ถึงแม้จะไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดของชีวิตก็ตาม"

พิธีกร : คุณเคยเฉียดตาย เพราะจู่ๆก็เกิดอาการไส้ติ่งอักเสบขั้นรุนแรง ?

ฟาน ไดค์ : "ผมต้องนอนโรงพยาบาลนานถึง 13 วัน เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2012 มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากเหลือเกิน มันค่อนข้างจะซับซ้อน เพราะนอกจากจะไส้ติ่งอักเสบแล้ว ผมยังมีไวรัสลงกระเพาะอาหารอีก"

"ตอนนั้นผมไม่สามารถทำอะไรได้เลยประมาณ 10 วัน ผมเดินไม่ได้ ครั้งแรกที่ผมได้ลุกจากเตียง และ เดินไปประมาณ 10 เมตร ผมกลับรู้สึกเหนื่อยหอบเหมือนคนแก่ แต่หลังจากนั้น 1 เดือน ผมก็ได้กลับไปฟิ้นฟูร่างกายให้กล้ามเนื้อกลับมาแข็งแรง ซึ่งผมได้ลงเล่นทั้งซีซั่น และ ก็ได้ไปอยู่กับ กลาสโกว์ เซลติค"

พิธีกร : พอคุณเริ่มมีชื่อเสียง มีผู้คนเข้ามาหาอยู่ในวัฎจักรชีวิตคุณ เยอะกว่าเดิมหรือไม่ ?

ฟาน ไดค์ : เพื่อนสนิทของผมคนหนึ่ง เรารู้จักกันมาตั้งแต่อายุ 12-13 ปี เขากลายเป็นพ่อคนเร็วมาก ซึ่งผมแฮปปี้กับเขาจริงๆ เมื่อไหร่ที่ผมต้องการเขา เขาจะอยู่ที่นั่นเสมอ และ ถ้าเขาต้องการผม เขาจะรู้ว่าจะหาผมได้จากที่ไหน วงจรชีวิตผมไม่ได้กว้างมาก แต่ยิ่งคุณก้าวกระโดดมากเท่าไหร่ในฐานะนักเตะ คุณก็ยิ่งได้รับความสนใจมากขึ้นเท่านั้น"

"เหล่าผู้คนที่คุณอาจเคยเจอ 1 หรือ 2 ครั้ง ต่างก็ต้องการอยู่ในวงจรชีวิตคุณ แต่ผมมีภรรยาที่มหัศจรรย์ ที่รู้ดีว่าผู้คนที่เข้ามามีความคิดอ่านอย่างไร และ เธอจะไม่ยอมปล่อยให้ผมทำผิดพลาดใดๆทั้งสิ้น"

พิธีกร : คุณแม่ของคุณเกิดที่ ซูรินาม ซึ่งแยกปกครองเป็นรัฐอิสระ จาก ฮอลแลนด์ ตั้งแต่ปี 1975 เธอรู้สึกอย่างไรบ้าง ?

ฟาน ไดค์ : แม่ของผมเป็นคน ซูรินาม ถ่องแท้ ส่วนพ่อของผมเป็นชาวดัตช์ ผมเคยไปรัฐซูรินาม อยู่ 2 ครั้ง และ ผมสนุกกับมันมาก เราไปเพื่อเจอครอบครัวของแม่ ให้ความรู้สึกเหมือนผมอยู่บ้าน ผมต้องการพาลูกๆไปเที่ยวที่นั่นในไม่ช้านี้ เพราะชีวิตได้ผ่อนคลาย, ผู้คนสโลว์ไลฟ์ และ ผมคิดว่ามันมีเรื่องเกี่ยวกับผมไม่เยอะนัก

พิธีกร : มีนักเตะตำนานหลายคน ที่มีรากเหง้าเป็นสายเลือดซูรินาม เหมือนกับคุณ เช่น แพทริค ไคลเวิร์ต, รุด กุลลิต, เอ็ดการ์ ดาวิดส์ และ คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ

ฟาน ไดค์ : ผมเห็นหลายสิ่งหลายอย่างที่เหมือนๆกัน พวกเราทุกคนดูผ่อนคลาน และ ให้ความสำคัญกับสิ่งเล็กๆน้อยๆ พวกเรามีชีวิตในแนวทางที่คล้ายๆกัน นั่นคือครอบครัวสำคัญมากที่สุด"

พิธีกร : ผมรู้มาว่าคุณหลงรักการ์ตูน ดิสนี่ย์ มันค่อนข้างจะตรงกันข้ามกับชีวิตของคุณในฐานะนักฟุตบอล

ฟาน ไดค์ : ผมชื่นชอบภาพยนตร์ของ ดิสนี่ย์ อย่างมาก ผมหลงรักกับการพอลูกๆไปเที่ยว ดิสนี่ย์แลนด์ การได้เห็นพวกเขามีความสุข มันก็ทำให้ผมรู้สึกอิ่มเอมไปด้วย ตอนที่ผมมาเที่ยว ดิสนี่ย์ แลนด์ ครั้งแรก สมัยอายุ 7 หรือ 8 ขวบ มันยังเป็นความรู้สึกที่มหัศจรรย์อยู่เสมอ แต่ผมไม่ได้ไปบ่อยนักหรอก เพราะมันแพง"

"ตอนที่ผมมาเดตกับภรรยาครั้งแรก ผมก็พามาที่ ดิสนี่ย์ แลนด์ เราดื่มกันในโรงแรม มันคือความทรงจำ ผมชอบอะไรที่เรียบง่าย ดังนั้นทำไมคุณต้องซับซ้อนด้วยล่ะ ? ทำไมคุณต้องคิดในแง่ลบ ในเมื่อคุณสามารถสนุกกับชีวิตได้ ? นั่นคือสิ่งที่ผมเรียนรู้มาหลายปี ผมพยายามเป็นคนมองโลกในแง่ดีเสมอมา เพราะชีวิตมันสั้นเกินกว่าจะไปมองอะไรให้มันดูแย่ๆ"

พิธีกร : คุณอยากถูดจำจดในฐานะแบบไหน ?

ฟาน ไดค์ : ในฐานะตำนานนักเตะ ลิเวอร์พูล ผมต้องการประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่กับสโมสรแห่งนี้ พวกเรามีทีมที่มหัศจรรย์, พวกเราไม่ขาดตกบกพร่อง พวกเรามีความพร้อมทุกอย่างที่จะคว้าชัยชนะ โค้ชทำให้เราเป็นขุมกำลังที่เล่นได้หลากหลาย, มีสไตล์การเล่นที่กระหายเพื่อชัยชนะ, สนาม และ แฟนบอล เป็นส่วนหนึ่งในการเล่นของเรา"

"คำถามนี้ มันใช่เลย ผมต้องการเป็นหนึ่งในเหล่านักเตะที่ได้กลับมายังแอนฟิลด์ หลังจากแขวนสตั๊ดไปแล้ว ผมเคยเห็นตำนานหลายๆคนกลับมาลงแข่งขันเกมการกุศล ผมรู้สึกถึงการได้เป็นส่วนร่วมของครอบครัวที่ยิ่งใหญ่แบบนี้"

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0