คืบหน้า กรณีหญิงถูกแฟนหนุ่มเตะต่อยหน้าจนซิลิโคนจมูกทะลุ

วันนี้ (23 เมษายน 2562) ผู้สื่อข่าวได้รายงานความคืบหน้ากรณี หญิงสาวผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ภาพใบหน้าตนเองที่เปื้อนเลือดและซิลิโคนบริเวณจมูกทะลุ อ้างว่าถูกแฟนหนุ่มทำร้ายร่างกาย

พร้อมกล่าวอ้างถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า ถูกแฟนหนุ่มที่เพิ่งคบกันได้ 2 เดือน 16 วัน ทำร้ายร่างกายต่อยและเตะหน้ามาแล้ว 3 ครั้ง จนจมูกที่เสริมมาราคา 55,000 บาท ทะลุ ทั้งที่เพิ่งทำไม่ถึงปี ด้วยสาเหตุไม่พอใจที่ตนปลดบล็อกเฟซบุ๊กพี่ชายคนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ทักหรือคุยกัน 

ซึ่งเรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. วันที่ 7 เม.ย. 2562 ที่ผ่านมา ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ขณะที่กำลังอยู่กับเพื่อนอีก 2 คน แต่กลับถูกแฟนหนุ่มเข้าทำร้าย โดยเพื่อนพยายามช่วยกันห้าม แต่ฝ่ายชายยังคงกระหน่ำเตะต่อยใบหน้าจนเลือดอาบ และซิลิโคนจมูกทะลุ โดยหลังถูกทำร้าย ได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ในคืนวันที่ 8 เม.ย.2562 เพื่อให้แพทย์ถอดซิลิโคนที่ทะลุออก 

กระทั่งวันที่ 18 เม.ย. 2562ครอบครัวของฝ่ายชายติดต่อมาว่า จะขอผ่อนจ่ายค่าเสียหาย เพราะรู้สึกสงสารและเห็นใจ จึงยอมตามข้อตกลง แต่เมื่อขอเงิน 4,000 บาท เป็นค่าเดินทางกลับบ้านที่ จ.ร้อยเอ็ด อีกฝ่ายกลับไม่มีให้ ซึ่งค่ารักษาจนถึงปัจจุบัน รวมแล้วเกือบ 20,000 บาท แต่ทางคู่กรณีไม่เคยช่วยแม้แต่บาทเดียว สุดท้ายจึงตัดสินใจเดินทางได้ไปที่ สภ.เมืองนครราชสีมา ลงบันทึกประจำวันต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเอาไว้เพื่อดำเนินคดี และต้องการให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ จึงได้โพสต์ผ่านโซเชียล 

.

จากนั้นเรื่องราวก็ถูกแชร์ออกไปจำนวนมากตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้วนั้น ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อไปถึงนางสาว รวีวรรณ แสงดี หญิงสาวที่ถูกแฟนหนุ่มทำร้ายร่างกายและเป็นผู้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ครายนี้ เพื่อสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด รวมทั้งความคืบหน้าการช่วยเหลือจากแฟนหนุ่มและครอบครัว ซึ่งนางสาว รวีวรรณ ฯ ได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า ขณะนี้ตนอยู่บ้าน จ.ร้อยเอ็ด เพิ่งกลับจากการตัดไหมหลังจากผ่าเอาซิลิโคนจมูกออกเมื่อวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา 

โดยขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือจากแฟนหนุ่มหรือจากครอบครัวแฟนหนุ่มตามที่เคยตกลงกันไว้สักบาทเดียว ซึ่งตั้งแต่กลับจากตัดไหม ตนพยายามติดต่อไปหาแฟนหนุ่มหรือทางพ่อแม่ของแฟน แต่ก็ติดต่อไม่ได้ จนต้องฝากข้อความผ่านทางเพื่อนของแฟนเพื่อหาทางออกร่วมกัน ซึ่งแฟนหนุ่มฝากบอกมาว่า ไม่ต้องการให้เป็นข่าว โดยจะทยอยชดใช้ค่าเสียหายให้ตามกำลังที่มี แต่จะชดใช้ให้จนหมดภายในปีนี้